๑. เมื่อยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่ง ทั้งขาเข้าและออกมาถึงด่านศุลกากรที่บริเวณพรมแดน ผู้รับผิดชอบหรือผู้ขับขี่ยานพาหนะยานพาหนะ จะต้องไปรายงานตัวและยื่นเอกสาร เพื่อให้หน่วยงานศุลกากรตรวจสอบ
ผู้รับผิดชอบหรือผู้ขับขี่ยานพาหนะที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ จะต้องปฎิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ศุลกากรอย่างเคร่งครัด และไม่สามารถนำยานพาหนะออกจากด่านโดยเด็ดขาด ยกเว้นได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
๒. ผู้รับผิดชอบหรือผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งเข้ามาในพรมแดนแล้วแต่ยังไม่ได้รายงานตัวต่อศุลกากร รวมถึงผู้รับผิดชอบหรือผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ดำเนินการเรื่องศุลกากรเรียบร้อยและพร้อมออกจากพรมแดน จะต้องขับเคลื่อนไปตามเส้นทางที่หน่วยงานจราจรกำหนดไว้
หากหน่วยงานจราจรไม่ได้มีกฎเกณฑ์กำหนดไว้ ให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะทำตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ศุลกากร
๓. ผู้รับผิดชอบหรือผู้ขับขี่ยานพาหนะขนส่งสินค้าต่างๆ หรือหน่วยงานขนส่งที่เกี่ยวข้อง จะต้องรายงานหน่วยงานศุลกากรล่วงหน้า เกี่ยวกับ เวลาที่มาถึง เวลาออกเดินทาง สถานที่จอดพักรถ เวลาและสถานที่ขนถ่ายสินค้า
๔. ผู้รับผิดชอบหรือผู้ขับขี่ยานพาหนะ ที่ใช้ในการขนส่งเข้าและออกหรือหน่วยงานการขนส่งที่เกี่ยวข้องต้องแจ้ง เวลาถึง เวลาออก สถานที่จอด สถานที่จอดที่จะเปลี่ยนภัยในช่วงเวลาจอด เวลาที่โหลดและขนของหรือสินค้า ให้ศุลกากรล่วงหน้า
หากยานพาหนะที่ผ่านเข้าและออกจากบริเวณชายแดน จะทำการขนถ่ายสินค้า รับและส่งผู้โดยสาร ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรก่อน
เมื่อขนถ่ายสินค้าหรือผู้โดยสารเรียบร้อยแล้ว ผู้รับผิดชอบหรือผู้ขับขี่ยานพาหนะ จะต้องยื่นเอกสารบันทึกการขนถ่ายสินค้าให้แก่ศุลกากรตามความเป็นจริง
ผู้โดยสารที่มีสัมภาระ และมีความประสงค์ที่จะขึ้นหรือลงจากยานพาหนะเดินทางเข้าและออกจากบริเวณพรมแดน จะต้องรายงานให้หน่วยงานศุลกากรทราบและจะถูกหน่วยงานฯ ตรวจสอบ
๕. เมื่อศุลกากรตรวจสอบยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งเข้าและออก ผู้รับผิดชอบหรือผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งเข้าและออกจากด่านศุลกากร จะต้องรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ และเปิดประตูรถ เปิดห้องผู้โดยสาร หรือบริเวณตู้เก็บสินค้าให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หากเจ้าหน้าที่สงสัยว่ามีการลักลอบนำเข้าหรือส่งออกสินค้าหนีภาษีหรือสินค้าผิดกฎหมาย ผู้รับผิดชอบหรือผู้ขับขี่จะต้องเปิดบริเวณที่ต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้น หรือดำเนินการเคลื่อนย้ายสินค้า ตามคำสั่งเจ้าหน้าที่ศุลกากร ผู้รับผิดชอบหรือผู้ขับขี่พาหนะ จะต้องอำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ศุลกากร ในกรณีที่เจ้าหน้าที่มีความประสงค์ที่จะติดตามยานพาหนะดังกล่าว เพื่อดำเนินการตรวจสอบในขั้นต่อไป
๖. หากยานพาหนะบรรทุกสินค้าผ่านเข้าและออกจากเขตแดน โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการทางศุลกากรและเสียภาษีตามที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรกำหนด สินค้าที่บรรทุกอยู่ในยานพาหนะนั้นๆ ไม่สามารถโอนย้ายหรือขายต่อให้ผู้อื่น รวมทั้ง ไม่สามารถนำไปใช้งานอย่างอื่นได้
๗. หากผู้รับผิดชอบหรือผู้ขับขี่ยานพาหนะยานพาหนะที่ใช้ขนส่งสินค้าหรือผู้โดยสารเข้าออก-เขตบริเวณชายแดนเป็นประจำ มีความประสงค์ที่จะรับส่งสินค้าหรือผู้โดยสารภายในประเทศ จะต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานศุลกากรก่อน และจะต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด หากผู้รับผิดชอบหรือผู้ขับขี่ยานพาหนะยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งเข้าและออกบริเวณชายแดน มีความประสงค์จะเปลื่ยนเป็นการขนส่งภายในประเทศ ต้องไปดำเนินกระบวนการทีศุลกากร
๘. เรือขนส่งแถวบริเวณฝั่ง เรือประมง หรือ เรือปฎิบัติการพิเศษบนท้องทะเล จะต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานศุลกากรก่อนดำเนินการขนส่ง แลกเปลี่ยน ค้าขายสินคัที่นำเข้าและส่งออกจากบริเวณชายแดน
๙. หากยานพาหนะที่ใช้ขนส่งสินค้าหรือผู้โดยสารเข้าออก-เขตบริเวณชายแดน เกิดเหตุขัดข้องจนไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ และต้องหาที่จอดพัก หรือ/และขนย้ายสินค้า ผู้รับผิดชอบหรือขับขี่พาหนะจะต้องแจ้งศุลกากรที่ใกล้ที่สุดโดยทันที
สคต. ณ นครเซี่ยงไฮ้
ที่มา: http://www.depthai.go.th