- แม้ว่าค่า GDP ของประเทศเติบโตขึ้นในช่วงไตรมาสแรก แต่กลับถดถอยลงในช่วงไตรมาสที่สอง ทั้งนี้สืบเนื่องจากวิกฤติทางการเงินของกลุ่มยูโรโซน ที่ยังคงส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออก แรงขับ เคลื่อนหลักของเศรษฐกิจฮังการี ความต้องการภายในประเทศยังคงซบเซา เนื่องจากปัญหาเรื้อรังของหนี้สกุลต่างประเทศ และอัตราคนว่างงานยังคงสูง
- ค่าเงินโฟรินท์อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง จนถึงร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับยูโร ( 296.56 โฟรินท์/ ยูโร)
- ธนาคารกลางประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก (แบบสองสัปดาห์) ที่ร้อยละ 6 เป็นเดือนที่ 9
- สัญญาประกันความเสี่ยง (Credit-default swaps) เพิ่มสูงที่สุดในรอบสองปีครึ่ง
- อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลแบบ 5 ปี (Yield on 5 years bond) สูงที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี (ตั้งแต่เดือน มกราคม 2010) ที่ 7.97% ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
- ยืดระยะเวลาการใช้เงินยูโร จากปัญหาหนี้สินต่างประเทศที่แผ่ขยายอย่างเป็นวงกว้างในกลุ่มยูโรโซน ทำให้ผู้นำประเทศฮังการี มีความเห็นว่าควรจะยืดระยะเวลาการปรับใชัเงินยูโรไปจนกระทั่งปี 2014 เพราะนอกจากกฎเกณฑ์การเข้าร่วมเป็นสมาชิกแล้ว ทางยูโรโซนเองคงต้องปรับบทบาทและควบคุมประเทศสมาชิกให้มีความรัดผิดชอบ ปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น
มาตรการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
จากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ทางรัฐบาลฮังการีจึงได้ประกาศใช้มาตรการรักษาเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2011โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต สินค้าต่างๆ เช่น น้ำมันดีเซล เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ และสินค้ายาสูบ
- ปรับเพิ่มเงินสนับสนุนการประกันสุขภาพในส่วนที่นายจ้างจะต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้นอีก 1.5%
- เรียกเก็บภาษีอุบัติเหตุ (accident tax) จากบริษัทประกันภัย
- ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 25% เป็น 27% ซึ่งนักวิเคราะห์และธนาคารกลางต่างคาดการณ์ว่าจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อของประเทศให้สูงขึ้นในปี 2012
- กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินแบบตายตัวที่ 180โฟรินท์ ต่อ สวิส ฟรังก์ (เป็นอัตราเมื่อปี 2008 ของการทำสัญญากู้ยืม) เพื่อลดภาวะหนี้สินสกุลต่างประเทศของครัวเรือนที่มีอยู่ถึง 100,000 ราย ทางรัฐบาลเชื่อว่าจะเป็นทางออกที่ดีและสามารถกระตุ้นให้เกิดการชำระหนี้ ที่มูลค่า 5 พันล้านยูโร หรือร้อยละ 5 ของ GDP แต่อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบทันทีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ค่าเงินโฟรินท์อ่อนตัวมากยิ่งขึ้นจนถึงร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับยูโร
นโยบายเศรษฐกิจปี 2012
จากการแถลงนโยบายของรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ Mr. Matolcy หลังจากฮังการีเข้าร่วมเป็นสมาชิกอียู ปีนี้เป็นครั้งแรกที่การขาดดุลของรัฐบาลอยู่ต่ำกว่า 3% ของ GDP และในปี 2012 คาดว่าจะยังคงลดลงต่อเนื่องที่ 2.5%
นโยบายปี 2012 จะถูกวางขึ้นด้วยโครงสร้างแบบใหม่ ที่มุ่งเน้นให้เศรษฐกิจมีศักยภาพในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น เป้าหมายที่สำคัญได้แก่
- การปรับโครงสร้างระบบการศึกษาของแรงงานมีฝีมือ
- บุคคลที่ว่างงานจะได้รับความช่วยเหลือในการจ้างงานแทนเงินสงเคราะห์
- การปรับระบบโครงสร้างเบี้ยบำนาญ
- ปฏิรูประบบประกันสุขภาพ เพื่อลดการขาดดุล
- ยืดระยะเวลาการใช้ระบบภาษีอัตราเดียว (flat tax system 16%)
- การสร้างสถานที่ทำงานใหม่ที่เรียกว่า โครงการเริ่มต้น (START program)
- เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี
ที่มา: Napi VG, FN, Portfolio, Government Portal, Ministry of Economic
สคต. ณ กรุงบูดาเปสต์
ที่มา: http://www.depthai.go.th