เกษตรกรในเขตแม่โขงเดลต้าได้เก็บเกี่ยวข้าวฤดูที่ 3 ( Autumn — winter crop ) แล้ว และได้รับราคาข้าวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเกษตรกรในจังหวัดด่องทับขายได้ในราคา 8,000 ด่ง / กิโลกรัม เกษตรกรในจังหวัดอันยางขายได้ 7,000 ด่ง / กิโลกรัม
ตรงกันข้ามกับบริษัทส่งออกข้าวของเวียดนามที่ต่างพากันกังวลว่า การที่อินเดียประกาศกลับเข้ามาสู่วงการค้าข้าวในตลาดโลก จะทำให้ความต้องการข้าวลดลง เพราะราคาข้าวอินเดียต่ำกว่าข้าวเวียดนามอย่างมาก โดยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2554 เวียดนามเสนอขายข้าว 5% ราคา 570 เหรียญสหรัฐ / ตัน แต่อินเดียเสนอขายในราคา 470 เหรียญสหรัฐ / ตัน และปากีสถานเสนอขายราคา 450 เหรียญสหรัฐ / ตัน ทั้งนี้ ข้าวอินเดียโดยเฉพาะข้าวคุณภาพต่ำได้ครองตลาดประเทศอัฟริกันแทนที่ข้าวเวียดนามบางส่วนแล้ว
ขณะที่ข้าวคุณภาพดีของเวียดนามได้ขายให้ตลาดเพื่อนบ้านในอาเซียนซึ่งเป็นตลาดข้าวดั้งเดิม แม้จะแข่งขันกับข้าวไทย แต่ราคาข้าวเวียดนามมีราคาต่ำกว่า จึงมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกมากกว่า
นายเจือง ทันห์ ฟง ( Truong Thanh Phong ) ประธานสมาคมอาหารเวียดนาม ( VFA ) ให้ข้อมูลว่า ผลจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทยทำให้ประเทศไทยสูญเสียข้าวมากกว่า 6 ล้านตันข้าวเปลือก ( หรือ 3.6 ล้านตันข้าวสาร ) แต่ราคาข้าวไทยยังไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นเพราะมีการสำรองข้าวไว้ถึง 2 ล้านตันในคลังสินค้ารัฐบาลและ 3 ล้านตันในโกดังสินค้าของผู้ค้า ขณะนี้ผู้ค้าไทยยังคอยให้ราคาข้าวในตลาดโลกสูงขึ้น ส่วนข้าวหอมเวียดนามซึ่งมีสามารถในการแข่งขันสูงกว่าข้าวไทยในแง่ราคาและคุณภาพก็ได้รับการพัฒนาอย่างมากในช่วง 2 — 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้เมื่อปี 2553 สัดส่วนตลาดข้าวเวียดนามในฮ่องกงได้เพิ่มขึ้นจาก 3 % เป็น 18% ส่วนประเทศไทยซึ่งเคยครองตลาดข้าวฮ่องกงถึง 80% สัดส่วนลดลงเหลือเพียง 60% VFA จึงขอให้ผู้ค้าท้องถิ่นซื้อข้าวหอมจากเกษตรกรให้มากขึ้นรวมทั้งรับซื้อจากกัมพูชา เพื่อรองรับสัญญาส่งออกข้าวในปี 2555
VFA กล่าวว่า แม้ราคาส่งออกข้าวเวียดนามสูงกว่าข้าวอินเดีย 100 เหรียญสหรัฐ / ตัน แต่ยังคงมีความต้องการจากลูกค้าอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์อยู่ ส่วนผู้ส่งออกเวียดนามลังเลที่จะทำสัญญาส่งออกใหม๋ เพราะต้องการฟังข้อมูลข้าวจากตลาดอินเดียและไทยก่อน
จากข้อมูลของ VFA ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2554 เวียดนามส่งออกข้าวได้มากกว่า 6.3 ล้านตัน มูลค่า 3.06 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้น 8.4% และ 24% ( เทียบปีต่อปี ) ตามลำดับ ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2554 จะส่งออกได้อีก 700,000 ตัน และจะทำให้เวียดนามส่งออกข้าวในปี 2554ได้มากกว่า 7 ล้านตัน ทั้งนี้ ผู้ค้าในท้องถิ่นได้สำรองข้าวไว้ถึง 1.2 ล้านตัน ซึ่งมีจำนวนมากกว่าเกือบ 2 เท่าของข้าวที่จะส่งมอบในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี
ผลจากน้ำท่วมทำลายพื้นที่เพาะปลูกข้าวเพียง 8,500 เฮคตาร์ คิดเป็น 1.3 % ของพื้นที่ทั้งหมดของฤดู Autumn — winter ในเขตแม่โขงเดลต้า จึงไม่ส่งผลต่อปริมาณข้าว แต่อาจมีผลต่อราคาข้าวในประเทศที่จะสูงขึ้นในเดือนธันวาคมที่จะมาถึง
สคต.นครโฮจิมินห์
ที่มา: http://www.depthai.go.th