ศุลกากรสหรัฐฯ เริ่มเก็บค่าธรรมเนียมดำเนินการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ (Merchandise Processing Fees: MPF) ในปี 2529 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการด้านพิธีศุลกากร ในอัตราร้อยละ 0.17 โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่ำสุด 20 เหรียญสหรัฐฯ และ ขั้นสูงไม่เกิน 400 เหรียญสหรัฐฯ และต่อมาในปี 2547 ได้ปรับขึ้นเป็นร้อยละ 0.21 และเรียกค่าธรรมเนียมต่ำสุด 25 เหรียญสหรัฐฯ และ สูงสุดไม่เกิน 485 เหรียญสหรัฐ
สหรัฐฯ ประกาศเพิ่มอัตรค่าธรรมเนียมดำเนินการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ผนวกไปกับกฎหมายข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-เกาหลี (US-Korean FTA) และควบคู่ไปกับการต่ออายุโครงการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(Generalized System of Preference: GSP) เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2554 ที่ผ่าน โดยให้เพิ่มค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเป็นร้อยละ 0.3464 หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 64 แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราขึ้นต่ำและขั้นสูง
สหรัฐฯ เรียกเก็บค่าธรรมเนียม MPF เพิ่มขึ้นเพื่อนำเงินไปหักลบ (Offset) กับรายได้ภาษีอากรที่ต้องสูญเสียไป เนื่องจากการยกเว้นภาษีอากรนำเข้าที่ให้กับกลุ่มประเทศ FTA ใหม่ 3 ประเทศ คือ เกาหลี ปานามา และ โคลอมเบีย
การเปรียบเทียบการเก็บค่าธรรมเนียมดำเนินการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ
ค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียม มูลค่าสินค้า ตามอัตราเดิม ตามอัตราใหม่ $5,000.00 $25.00 $25.00 (ไม่เปลี่ยนแปลง) $10,000.00 $25.00 $35.00 $50,000.00 $105.00 $173.00 $100,000.00 $210.00 $346.00 $150,000.00 $315.00 $485.00 ( Maximum) $200,000.00 $420.00 $485.00 (Maximum) $250,000.00 หรือมากว่า $485.00 $485.00 (ไม่เปลี่ยนแปลง) การดำเนินการเก็บค่าธรรมเนียม
1. ค่าธรรมเนียมมีผลบังคับเรียกเก็บย้อนหลังเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 และมีผลบังคับจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557
2. เรียกเก็บค่าธรรมเนียมทุกครั้งที่นำเข้าสินค้า กล่าวคือ หากผู้นำเข้าสินค้าจำนวน 4 ครั้ง มูลค่าครั้งละ 50,000 เหรียญสหรัฐฯ จะต้องเสียค่าธรรมเนียม 692 เหรียญสหรัฐฯ (ครั้งละ 173 เหรียญสหรัฐฯ) แต่ถ้าผู้นำเข้ารามกันครั้งเดียวเป็นมูลค่า 200,000 เหรียญสหรัฐฯ จะเสียค่าธรรมเนียมเพียง 485 เหรียญสหรัฐฯ เป็นต้น
3. ค่าธรรมเนียมคำนวนจากมูลค่าสินค้า ซึ่งไม่รวมภาษีศุลกากร ค่าขนส่ง ประกันภัย 4. ค่าธรรมเนียมยกเว้นให้กับประเทศที่มีข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐฯ (FTA) จำนวน 20 ประเทศ เช่น เม็กซิโก คานาดา ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เป็นต้น
การชำระค่าธรรมเนียมดำเนินการสินค้านำเข้าเป็นภาระของผู้นำเข้า ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าที่จำหน่ายให้แก่ผู้บริโภค เนื่องจากผู้นำเข้าจะผลักภาระหรือรวมค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปกับสินค้า นอกจากนั้นแล้ว ผู้นำเข้ายังนำไปเป็นข้ออ้างประกอบการเจรจาต่อรองซื้อสินค้าจากผู้ผลิต/ส่งออกในต่างประเทศ
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก
ที่มา: http://www.depthai.go.th