รายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครเซี่ยเหมิน เผยว่า ปัจจุบันแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนมีเสถียรภาพในเชิงติดลบเนื่องจากการคุมเข้มนโยบายสินเชื่อในประเทศ ซึ่งอาจทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์หดตัวโดย นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ฟินิกซ์ของฮ่องกงว่า รัฐบาลจีนมุ่งมั่นเดินหน้ามาตรการคุมเข้มภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อปรับราคาให้เข้าสู่ระดับที่สมเหตุสมผลและย้ำว่า รัฐบาลจีนจะไม่ผ่อนคลายการคุมเข้มภาคอสังหาริมทรัพย์ การกดราคาอสังหาริมทรัพย์ให้ต่ำลงคือนโยบายที่แน่วแน่ของรัฐบาล ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ และลดสภาพคล่องที่ล้นเกินในตลาด นอกจากนั้นล่าสุดกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมืองและชนบทได้ร่วมมือกับกระทรวงที่ดินและทรัพยากรในการตรวจตราการทำงานของคณะผู้ปกครองท้องถิ่นในการบังคับใช้นโยบายของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับบ้านที่อยู่อาศัย
จากตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า นักลงทุนประเภทสถาบันต่างชาติแห่เข้ามาลงทุนในตลาดบ้านอาศัยในจีน เนื่องจากผลตอบแทนที่สูงจากการลงทุน และ พื้นฐานเศรษฐกิจ ที่แข็งแกร่งของจีน โดยมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติยื่นใบสมัครเข้ามาลงทุน 114 รายในเดือน พ.ย. สูงกว่าในเดือน ต.ค. 2.71 เท่า เพื่อเปิดบริษัทใหม่หรือส่งเสริมเงินทุน คนจีนในกลุ่มทำงานมีเงินเดือนประจำ ซึ่งไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายการเคหะของรัฐอย่างทั่วถึง จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้และมีคนจำนวนมากกำลังรอฟองสบู่แตก
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เผยว่า จีนเป็นประเทศที่ใหญ่มาก ประชากรมาก ความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอีกมาก เรียกได้ว่าสร้างที่ไหนกำไรทั้งนั้น วิเคราะห์คร่าวๆ ว่า จำนวนคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นมีเฉลี่ยราว 50% และอีกกว่า 50% อาศัยอยู่ในชนบท แต่ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า จะมีชาวชนบทมากกว่า 20% โยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองและแน่นอนที่สุดความต้องการที่อยู่อาศัยก็จะตามมา
“ขณะนี้ จีนยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมากดังนั้นผู้ประกอบการไทยในช่วงนี้ยังพอมีโอกาส ไม่เพียงแต่ในเชิงธุรกิจจัดสรรที่ดินเท่านั้น ด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ไทยเราถือว่ามีฝีมือมาก ทั้งเรื่องการวางคอนเซ็ปต์ของโครงการ ในจีนยังคงมีความต้องการสูง เนื่องจากจีนต้องการแนวความคิดใหม่ๆ เน้นการก่อสร้างลักษณะรีสอร์ทตามนโยบายของรัฐบาลกลางเพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเน้นเชิงเกษตร เชิงนิเวศ ผสมผสานด้านวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกสถาปัตยกรรมแบบไทยสไตล์ ด้านภูมิสถาปัตย์และการวางผัง ด้านระบบบริหารโรมแรมและการท่องเที่ยว ด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร ด้านการเกษตรสมัยใหม่ ล้วนเป็นจุดแข็งของไทยที่กำลังเป็นความต้องการของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีน และเมื่อเร็วๆ นี้ธนาคารกสิกรไทย ได้มีการลงนามร่วมมือกับธนาคารไชน่า หมินเซิง ซึ่งเป็นธนาคารท้องถิ่นที่มีสาขาครอบคลุมพื้นที่ทั่วจีน เพื่อให้บริการสินเชื่อแก่ธุรกิจ SMEs สัญชาติจีน และให้บริการทำธุรกรรมเงินหยวนระหว่างประเทศจึงถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะเข้าไปลงทุน นอกเหนือจากการใช้บริการในลักษณะเดียวกันจาก ธนาคารกรุงเทพฯ (ประเทศจีน)” นางนันทวัลย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจีนยังคงมีตวามต้องการที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากปัจจุบันประเทศจีนไม่มีนโยบายส่งเสริมให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ไม่ได้มีการออกกฎหมายห้ามอย่างชัดเจน ทำให้ชาวต่างชาติมีโอกาสเข้ามาลงทุนโดยตรง คือโครงการที่ฝ่ายจีนยังไม่มีความรู้หรือขาดบุคลากรที่มีประสบการณ์ การเข้ามาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในจีนนั้น สามารถทำได้โดยการร่วมลงทุนกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นที่มีใบอนุญาต หากว่าเราจะเข้ามาเจาะตลาดด้วยตัวเองนั้นถือเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สายตรงผู้ส่งออก 1169
ที่มา: http://www.depthai.go.th