การประชุมคณะกรรมการประจำว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 21, 2011 13:22 —กรมส่งเสริมการส่งออก

การประชุมคณะกรรมการประจำว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า (The Standing Committee for Economic and Commercial Cooperation - COMCEC) ขององค์การการประชุมอิสลาม (OIC) ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 17-20 ตุลาคม 2554 ณ นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี

1.เรื่องเดิม

ตามที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ แจ้งให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครอิสตันบูล เป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุม เรื่อง การประชุมคณะกรรมการประจำว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า (The Standing Committee for Economic and Commercial Cooperation - COMCEC) ขององค์การการประชุมอิสลาม (OIC) ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 17-20 ตุลาคม 2554 ณ นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี นั้น

สำนักงานฯ อิสตันบูล ขอรายงานสรุปผลการประชุมฯ ดังนี้

2.ข้อเท็จจริง

2.1 ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยผู้แทนสมาชิก 57 ประเทศ ผู้แทนประเทศ

สังเกตการณ์ 5 ประเทศ (ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มนี้) และ ผู้แทนหน่วยงานภายใต้องค์การการประชุมอิสลาม 7 หน่วยงาน และองค์การระหว่างประเทศ 12 หน่วยงาน

2.2 ประธานในพิธีเปิดการประชุม คือ นาย Abdullah Gul ประธานาธิบดี ประเทศตุรกี และประธานในพิธีปิดการประชุม คือ นาย Cevdet Yilmaz รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาการ

2.3 วัตถุประสงค์ของการประชุมฯ นอกจากติดตามความคืบหน้าแผนงาน/โครงการต่างๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการ 10 ปี (ค.ศ.2005-2015) และผลการประชุมครั้งก่อนแล้ว ที่ประชุมได้กำหนดให้มีการบรรยายให้ความรู้และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพื่อหาแนวคิดในการขจัดปัญหาความยากจนของบรรดาประเทศสมาชิก โดยได้เชิญ Dr.Ahmed Mohammed Ali ประธาน Islamic Development Bank (IDB) และ Shaikh Saleh bin Abdullah Kamel ประธาน Islamic Chamber of Commerce and Industry (ICCI) เป็นผู้บรรยายและถ่ายทอดประสบการณ์

3.สาระการประชุม

ที่ประชุมได้แบ่งการประชุมออกเป็นหัวข้อต่าง ๆ ได้แก่

3.1 ทบทวนแผนงาน/โครงการต่างๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการ 10 ปี (ค.ศ.2005-2015) โดยตั้งเป้าการขยายมูลค่าการค้าระหว่างประเทศสมาชิก เป็นร้อยละ 20 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของประเทศสมาชิกภายในปี 2015 (การค้าระหว่างประเทศสมาชิกในปี 2010 มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 16.4 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศสมาชิกทั้งหมด)

แผนงาน/โครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการ 10 ปี โดยให้ความสำคัญ

  • ด้านการเมืองการปกครอง และการข่าวสื่อสาร ประชาสัมพันธ์
  • ด้านเศรษฐกิจ การศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ด้านศาสนา สังคม และวัฒนธรรมอิสลาม

3.2 การค้าระหว่างประเทศสมาชิก (intra-OIC trade)

3.2.1 การให้สิทธิพิเศษทางการค้า

ที่ประชุมได้เรียกร้องให้แต่ละประเทศสมาชิกให้ความสนใจในการลดข้อกีดกัน

ทางการค้าด้านภาษีและไม่ใช่ภาษีระหว่างกันลงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยมีการลงนามเกี่ยวกับ กรอบความตกลงทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก การให้สิทธิพิเศษทางการค้า รวมทั้งการกำหนดออกใบกำกับแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่อประโยชน์การนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างกัน ซึ่งต่างก็ให้ความสนใจ และมีพิธีลงนามระหว่างกันในการประชุมครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม การลงนามในพิธีสารดังกล่าวควรเป็นไปตามความสมัครใจและความพร้อมของประเทศสมาชิก ปัจจุบันมีเพียงสมาชิกเพียง 6 ประเทศที่มีความพร้อม ได้แก่ มาเลเซีย โอมาน กาตาร์ ซาอุดิฯ ตุรกี และ ยูเออี

3.2.2 งานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ ของกลุ่มประเทศ OIC

ที่ประชุมได้รายงานผลการจัดงานที่ผ่านมาของงานฯ ได้แก่

  • งาน OIC Building Expo ที่กรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล ในปีที่ผ่านมา
  • งาน OIC Expo ครั้งที่ 13 ที่เมืองชาจาห์ ประเทศยูเออี (24-29 เม.ย.2554)
  • งาน OIC Health Expo ประเทศตูนีเซีย (22-25 ก.ย.2554)
  • งาน International Cotton and Textile Fair ประเทศบูร์กินา ฟาโซ (21-25 พ.ย.2554)

ทั้งนี้ได้เชิญชวนสมาชิกเข้าร่วมงาน Tourism Fair ที่ประเทศอียิปต์ในปี 2555 ด้วย

3.3 ประเด็นในที่ประชุมให้ความสำคัญมาก ได้แก่

3.3.1 ความมั่นคงด้านอาหาร (Food Security) ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่ได้หยิบยกประเด็นเรื่องอาหารกันมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศสมาชิกในตะวันออกกลาง

3.3.2 ด้านการเกษตร ซึ่งรวมถึงเรื่องน้ำ (Agriculture and Water) ส่วนใหญ่ผู้แทนสมาชิกของแต่ละประเทศจะแสดงความห่วงใยเรื่องการเกษตรซึ่งจะต่อเนื่องและเชื่อมโยงไปยังเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร ซึ่งรวมถึงเรื่องน้ำดื่ม น้ำใช้ และเพื่อใช้ในการเกษตร

3.3.3 ด้านวิกฤตการเงิน (Financial Crisis)ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการธนาคารและระบบการงินในกลุ่มประเทศสมาชิก OIC

3.3.4 ด้านพลังงาน (Energy Crisis)

3.3.5 ด้านมาตรฐานฮาลาล (Halal Standards) เกี่ยวกับประเด็นนี้เป็นประเด็นต่อเนื่อง

จากการประชุมครั้งที่ผ่านมา ซึ่งสมาชิกยังไม่สามารถสรุปกันได้จึงได้มีการหารือต่อ ดังนั้นในการประชุมครั้งนี้จึงได้มีการหารือใช้เวลานานเป็นพิเศษและสรุปโดยที่ประชุมเห็นชอบในมาตรฐานฮาลาล 3 ฉบับที่เกี่ยวข้อง คือ

1) Halal Food Standards

2) Halal Certification

3) Halal Accreditation

3.3.6 ด้านท่องเที่ยว (Tourism) สมาชิกหลายประเทศในที่ประชุมได้มีการหารือกันเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยวซึ่งได้มีการเสนอความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกเรื่องการตรวจลงตราวีซ่าเพื่อให้สะดวกในการเดินทางเข้าออกประเทศ นอกเหนือจากนั้นยังมีประเด็นและโครงการต่างๆ อีกมากมายที่ได้มีการหยิบยกในที่ประชุมโดยส่วนใหญ่เป็นการติดตามผลจากการประชุมครั้งที่ 26 ที่ผ่านมาซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจ

3.4 การบรรเทาความยากจน และช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ

แผนปฏิบัติการสำหรับประเทศผู้ผลิตฝ้าย ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าโครงการ

ความร่วมมือประเทศผู้ผลิตฝ้าย รวมทั้งจัดตั้งศูนย์วิจัยฝ้ายในภูมิภาคเอเชีย อาหรับ และแอฟริกา นอกจากนี้ธนาคารพัฒนาอิสลามยังได้สนับสนุนงบประมาณโครงการฝ้าย แก่ประเทศแคมเมอรูน โมซัมบิค ซีเรีย และยูกันดา ด้วย

4.ความเห็นของสำนักงานฯ

4.1 ผลสรุปของการประชุมยังไม่สามารถนำไปใช้ในทางปฏิบัติได้อย่างชัดเจน

เนื่องจากปัญหาความพร้อมของบรรดาประเทศสมาชิกซึ่งมีรวมกันกว่า 50 ประเทศ และระดับการพัฒนาที่แตกต่างกัน เช่นการพิจารณาประเด็นการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรระหว่างกัน ประเทศที่มีการพัฒนาสูงกว่า เช่น ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต กาตาร์ มาเลเซีย ฯลฯ จึงต้องช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่ด้อยพัฒนากว่า

4.2 ตุรกียังไม่มีมาตรฐานอาหารฮาลาล รวมทั้งหน่วยตรวจสอบและหน่วยออก

ใบรับรองที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล แต่บรรดาประเทศสมาชิกต่างๆ ได้มีการกำหนดมาตรฐานในประเทศของตัวเองต่างกันไป ประกอบกับตุรกีไม่ต้องการให้มาเลเซียผูกขาดเกี่ยวกับมาตรฐานอาหารฮาลาลในตลาดโลก ดังนันจึงผลักดันให้ OIC เข้ามามีบทบาทด้านนี้

4.3 การเชิญชวนประเทศสมาชิกเข้าร่วมลงทุนในประเทศของตน จึงเป็นข้อจำกัด

ในวงแคบสำหรับประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีเท่านั้น ส่วนประเทศด้อยพัฒนา จากแอฟริกา และเอเชียใต้ ต่างก็ขอการสนับสนุนความช่วยเหลือทางด้านงบประมาณ รวมทั้งความรู้ เทคโนโลยีจากที่ประชุมฯ

4.4 สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศสังเกตการณ์ อาจจะเสนอประเด็นการ

ขอเข้าร่วมในงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ และงานส่งเสริมการท่องเที่ยว ของประเทศสมาชิก หากที่ประชุมเห็นด้วยและอนุญาตให้เข้าร่วมงานในฐานะ Exhibiter ได้ ก็น่าที่จะเป็นผลดีต่องานแสดงสินค้าที่จะทำให้มีทางเลือกมากขึ้น รวมทั้งสามารถเผยแพร่กิจกรรมของกรมฯ และสินค้าที่มีศักยภาพของไทย สู่สายตาชาวโลกมากยิ่งขึ้นด้วย

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ