จากการที่ไทยเป็นประเทศที่ผลิตฮาร์ดดิสก์เป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นประเทศที่ส่งออกข้าวแหล่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังเป็นประเทศที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และกล้องดิจิตอลให้กับบริษัทหลายๆ แห่งในญี่ปุ่น สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์ในนครเฉิงตู ได้รายงานถึง สถานการณ์สินค้าในตลาดเฉิงตูช่วงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2554 กับสถานการณ์น้ำท่วมในไทย ดังนี้
ร้านค้าหลายแหล่งในนครเฉิงตูขาดแคลนสินค้ากล้องดิจิตอล อาทิ Nikon, Sony, Cannon นายเฉิน หลิน ผู้ดูแลด้านการบริหารจัดการ "Chengdu Digital Square" กล่าวว่า "แม้ว่ากล้องดิจิตอล แบรนด์ญี่ปุ่นจะยังไม่มีการปรับขึ้นราคา แต่พวกเราเข้าใจดีว่า ร้านจำหน่ายแต่ละแห่งต่างก็มีความกดดัน ไม่น้อย"
จากผลการสำรวจตลาดในหลายเมืองของจีน พบว่า กล้องดิจิตอล Nikon มีการปรับราคาขึ้นประมาณ 100 300 หยวน
ประเทศไทยเป็นประเทศที่สามารถผลิตฮาร์ดดิสก์ได้เป็นอันดับ 2 ของโลก และบริษัทที่ผลิตฮาร์ดดิสก์ที่สำคัญของโลก เช่น บริษัท Western Digital และบริษัท Seagate ต่างก็มีโรงงานการผลิตอยู่ที่ประเทศไทย
ปัจจุบัน บริษัท Western Digital ไม่มีโรงงานการผลิตอยู่ที่เมืองจีน ทำให้สินค้าของบริษัทดังกล่าวในตลาดจีนขาดแคลน และร้านค้าบางแห่งก็ถือโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าตามไปด้วย
ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เป็นที่สังเกตได้ว่า สถานการณ์ราคาสินค้าฮาร์ดดิสก์ในตลาดเฉิงตู คือา1 วัน 1 ราคา ณ ปัจจุบัน ราคาฮาร์ดดิสก์ 500G เพิ่มขึ้นจากราคาเดิม 260 หยวน เป็น 420 หยวน ฮาร์ดดิสก์ 1,000G ปรับตัวขึ้นจากราคาเดิม 380 หยวน เป็น 540 หยวน และฮาร์ดดิสก์ 2,000G เพิ่มขึ้นเป็น 640 หยวน จากราคาเดิม 480 หยวน
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2554 บริษัทรถยนต์โตโยต้าประกาศว่า เนื่องจากโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ตั้งอยู่เมืองไทยประสบกับภาวะน้ำท่วม จึงทำให้ชิ้นส่วนบางอย่างขาดแคลน และ คาดว่าจะลดการผลิตรถยนต์ลงกว่า 6,000 คัน
แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้กลับไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ของนครเฉิงตู พนักงานบริษัท Chengdu FAW Toyota Motor Company กล่าวว่า "แหล่งสินค้าในการจำหน่ายรถยนต์ของบริษัททั้งหมด มาจากมหานครเทียนจิน เพราะฉะนั้นเหตุการณ์น้ำท่วมไทยจึงไม่มีผลกระทบใดใด"
ราคาส่งออกข้าวหอมมะลิไทยในนครเฉิงตู ขณะนี้เริ่มมีการปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ตลาดค้าส่งธัญพืชและน้ำมัน (Liang You Pi Fa Shi Chang) ราคาข้าวหอมมะลิที่นำเข้าจากไทยปรับตัวสูงขึ้นประมาณร้อยละ 10 และคาดการณ์ว่าในเดือนธันวาคม 2554 ราคาข้าวจะพุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 15 ซึ่งถือเป็นการขึ้นราคาข้าวครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่ง
สำหรับตลาดปา หลี่ จ้วง เหลียง โหยว (Ba Li Zhuang Liang You Shi Chang) นายจาง จิ่ว หัวเชิง เจ้าของร้านค้ากิจการที่จำหน่ายข้าวหอมมะลินำเข้าจากไทย กล่าวว่า "ราคาข้าวไทยเริ่มปรับขึ้นราคาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ข้าวแต่ละถุงปรับขึ้นราคาถุงละ 25 หยวน เดือนตุลาคมข้าวหอมมะลิไทยจำหน่ายในราคาถุงละ 265 หยวน (25 กิโลกรัม) แต่เดือนพฤศจิกายน ราคาขายขึ้นเป็น 290 หยวน และสืบเนื่องจากราคาข้าวที่แพงขึ้นนี้ ทำให้ราคาจำหน่ายปลีกของข้าว อยู่ที่ประมาณ 12 หยวนต่อกิโลกรัม สำหรับลูกค้าประจำที่ซื้อข้าวหอมมะลิไทยจากทางร้าน คือโรงแรม และร้านอาหาร"
ด้านบริษัทผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิรายใหญ่ในนครเฉิงตู บริษัทจินสงซางเม่าจำกัด (Chengdu JinXiong Traing Co.,Ltd.) นายหลัว หง เจ้าของกิจการบริษัทฯ กล่าวว่า "พวกเรารู้ล่วงหน้าประมาณหนึ่งสัปดาห์ว่าราคาข้าวไทยจะปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาจำหน่ายต่อตัน เดิมจำหน่ายตันละ 1,100 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็น 1,500 เหรียญสหรัฐ" "ต่อไปนี้ราคาข้าวหอมมะลิไทยในเฉิงตูคงไม่มีราคาที่ต่ำกว่า 14 หยวนต่อกิโลกรัมอีกต่อไปแล้ว"
ที่มา: หนังสือพิมพ์หัว ซี ตู ซื่อเป้า (Hua Xi Du Shi Bao) วันที่ 27 ตุลาคม 2554
เว็บไซต์ Dong Feng Wang (www.fjsen.com) วันที่ 4 พฤศจิกายน 2554
เรียบเรียงโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครเฉิงตู
ที่มา: http://www.depthai.go.th