ตามสถิติของหน่วยงานศุลกากรนครเซี่ยงไฮ้ ในช่วง ๙ เดือนแรกของปี ๒๕๕๔ นครเซี่ยงไฮ้ นำเข้าเนื้อหมูทั้งหมดเป็นปริมาณ ๕.๙ หมื่นตัน เพิ่มขึ้น ๑.๘ เท่าจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยคิดเป็นมูลค่าทั้งหมด ๑๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น ๔.๓ เท่าจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ราคาเฉลี่ยการนำเข้าต่อตัน คิดเป็น ๑,๗๕๕ เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๙๑.๗ โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมามีปริมาณการนำเข้าเนื้อหมูมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง มี ๑.๔ หมื่นตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง ๓.๒ เท่า
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นมา ปริมาณการนำเข้าเนื้อหมูเพิ่มขึ้นของจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนกันยายน จากสถิติทางการค้า จะเห็นได้ว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นแหล่งนำเข้าเนื้อหมูที่ใหญ่ที่สุดเป็นลำดับที่สองของจีน รองจากแคนาดา โดยมีเดนมาร์กและสเปนตามมาเป็นอันดับสามและสี่
ในช่วงนี้ ปริมาณการนำเข้าเนื้อหมูและราคาเนื้อหมูที่เพิ่มขึ้น อาจมีสาเหตุมาจาก
- ในช่วงกลางปี-ปลายปีเป็นฤดูกาลช้อปปิ้งของจีน ซึ่งอุปสงค์ภายในประเทศจะไม่เพียงพอต่ออุปทาน ส่งผลให้มีการนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
- การผ่อนปรนข้อกำหนดการนำเข้าเนื้อหมู ส่งผลให้มีการนำเข้าเนื้อหมูมากขึ้น
- ราคาของอาหารสัตว์ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ส่งผลราคาเนื้อหมูนำเข้าเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ทั้งนี้ ประเทศจีนมีการนำเข้าเนื้อหมูจากไทยในปริมาณที่น้อยมาก โดยมากตลาดส่งออกหลักของไทย คือ ตลาดฮ่องกง ซึ่งประเทศจีนเองก็มีความพยายามที่จะนำเข้าหรือส่งออกไปยังตลาดฮ่องกง เช่นกัน
อุปสรรคของการส่งออกเนื้อหมูของไทยในตลาดจีนคือ โรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยที่ประเทศจีนและประเทศต่างๆ ใช้อ้างว่าประเทศไทยยังไม่ปลอดจากโรคดังกล่าว และได้ใช้เป็นมาตรการ Non-Tariff Barriers to Trade (NTB) ในการนำเข้าเนื้อหมูจากไทย
สคต. ณ นครเซี่ยงไฮ้ มีความเห็นว่า ภาครัฐและเอกชนไทยควรที่จะร่วมมือกันส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อหมูของไทย เพื่อขยายความสามารถในการผลิตเนื้อหมูคุณภาพ และเพิ่มการส่งออกเนื้อหมูไปยังตลาดจีนซึ่งมีอุปสงค์การบริโภคเนื้อหมูในปริมาณที่ค่อนข้างมากต่อไป
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้
ที่มา: http://www.depthai.go.th