กรุ๊ปบาย หรือร่วมกันซื้อ(Group Purchase/ Group Buying) เป็นวิธีการจัดซื้อประเภทหนึ่งที่ผู้บริโภคที่รู้จักหรือไม่รู้จักรวมกัน และเจรจากับร้านค้าเพื่อจะได้ราคาที่ถูกที่สุด ภายใต้หลักการกำไรน้อยแต่ขายได้จำนวนมาก โดยทั่วไปแล้วร้านค้าจะให้ราคาพิเศษที่ถูกกว่าราคาขายปลีกเพื่อขายได้จำนวนมากยิ่งขึ้น และได้กำไรรวมมากยิ่งขึ้น กรุ๊ปบายเป็นรูปแบบอีคอมเมิสใหม่ที่ได้รับความสนใจมาก ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้ กรุ๊ปบายยังไม่ใช่กระแสหลักของการบริโภค แต่ก็ได้แสดงศักยภาพ และได้รับความสนใจจากทั้งผู้บริโภค ร้านค้า โรงงาน และตลาดเงินทุนต่างๆ ด้วย
รูปแบบทั่วไปของกรุ๊ปบายมี ดังนี้
1. กรุ๊ปบายที่ผู้บริโภคจัดเอง และเจรจากับร้านค้าเอง ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่รู้จักกันและมีความประสงค์จะซื้อสินค้าอันเดียวกัน
2. กรุ๊ปบายที่จัดโดยบริษัท เว็บไซต์ หรือบุคคลที่ดำเนินธุรกิจกรุ๊ปบายโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นส่วนกลางที่เชื่อมโยงผู้บริโภคและร้านค้า
3. กรุ๊ปบายที่ร้านค้าจัดเอง
ปัจจุบันนี้ กรุ๊ปบายที่ได้รับความสนใจมากที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุดเป็นเว็บกรุ๊ปบาย(Group Buying Web or Group Purchase Web) เว็บกรุ๊ปบายเป็นสะพานเชื่อมต่อร้านค้าและผู้บริโภคโดยใช้ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต เว็บกรุ๊ปบายจีนสืบเนื่องมาจากเว็บ Groupon ของอเมริกา ลักษณะของเว็บ Groupon คือเสนอสินค้าลดราคาพิเศษรายการหนึ่ง และจำกัดให้ผู้บริโภคซื้อได้ 1 รายการ ต่อหนึ่งคน
สินค้าที่จำหน่ายในเว็บกรุ๊ปบายจีนสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือประเภทสินค้าที่มีของอยู่ในสต๊อก เช่น หนังสือ ของเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน มือถือ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน อุปกรณ์ก่อสร้าง เครื่องสำอางค์ เป็นต้น อีกประเภทหนึ่งคือประเภทที่เป็นบริการ เช่น Spa การออกกำลังกาย การท่องเที่ยว เสริมสวยความงาม การศึกษา ร้านอาหาร เคทีวี(KTV) เป็นต้น โดยทั่วไปแล้ว สินค้าประเภทแรกในเว็บกรุ๊ปบายส่วนใหญ่มีสินค้าแบรนด์ดัง คุณภาพดี น่าเชื่อถือและน่าไว้วางใจ ส่วนสินค้าประเภทที่ 2 ส่วนใหญ่มาจากร้านค้าที่เพิ่งเปิดใหม่ ซึ่งร้านค้าที่อยากจะกระจายชื่อเสียงให้ผู้บริโภครู้จักกันมากยิ่งขึ้น และสินค้าประเภทบริการที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือประเภทเสริมสวยความงาม Spa นวด เป็นต้น
เว็บกรุ๊ปบายเริ่มได้รับความนิยมในเมืองระดับ 1 ของประเทศจีน เช่นปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจวเป็นต้น และได้เผยแพร่ไปเมืองระดับ 2 และระดับ 3 เว็บกรุ๊ปบายจึงกลายเป็นรูปแบบการบริโภคใหม่ที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในกลุ่มบริโภคที่อายุ 25 -35 เนื่องจากว่ากรุ๊ปบายสามารถประหยัดเงิน และขั้นตอนการซื้อขายง่ายและสะดวก
เว็บกรุ๊ปบายจีนสามารถแบ่งเป็น 2 รูปแบบ รูปแบบ 1 คือเว็บที่ขายสินค้าบางประเภทโดยเฉพาะ เช่น เว็บกรุ๊ปบายกำลังเป็นที่นิยมมีเว็บขายเครื่องสำอาง เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ในบ้าน และของใช้สำหรับเด็กและผู้หญิงมีครรภ์ เป็นต้น ประเภทที่ 2 คือเว็บที่เน้นการขายสินค้าประเภทบริการ เว็บประเภทนี้จะสร้างสาขาตามเมืองที่มีเศรษฐกิจดี และสินค้าที่ขายในเว็บส่วนใหญ่เป็นบริการของร้านอาหาร ร้านเสริมความงาม เป็นต้น เช่น อาหารบุฟเฟ่ต์ ชุดอาหาร Spa นวด คูปอง เป็นต้น
โดยทั่วไปแล้ว การซื้อขายในเว็บกรุ๊ปบายต้องชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ตเหมือนอีคอมเมิสทั่วไป ยกเว้นสินค้าบางบริการที่มีราคาสูงจะชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนหนึ่ง และชำระเงินส่วนที่เหลือในร้านค้าเมื่อใช้บริการ วิธีการซื้อในเว็บกรุ๊ปบายได้แบ่งเป็น 2 วิธีการดังนี้
1. หากว่าซื้อสินค้าที่มีของจริงในเว็บกรุ๊ปบาย หลังจากการชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ตแล้ว กรอกที่อยู่ผู้รับของและรอให้ร้านค้าจัดของส่งถึงบ้าน
2. หากว่าซื้อสินค้าประเภทบริการ หลังจากการชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ตแล้ว ผู้บริโภคจะได้รับรหัส และไปใช้บริการที่ร้านค้าด้วยรหัสดังกล่าว
ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา เว็บกรุ๊ปบาย เริ่มดำเนินกิจการในประเทศจีนและได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปี 2554 เป็นต้นมา เว็บกรุ๊ปบายใหม่ได้สร้างเพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนมากในทุกๆ เดือน เช่นในเดือนกันยายนนี้ มีเว็บกรุ๊ปบายใหม่สร้างขึ้นทั้งหมด 90 ราย
ถึงแม้ว่าเว็บกรุ๊ปบายได้พัฒนาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีน แต่ในตลาดที่มีความแข่งขันสูงนี้ เว็บที่ไม่มีความสามารถ เว็บที่สร้างมาเล่นๆ หรือเว็บที่ขาดเงินทุนหมุนเวียนจะไม่สามารถอยู่รอดได้ ในเดือนกันยายนนี้ เว็บกรุ๊ปบายที่ถอนออกจากตลาดมีมากถึง 419 ราย ซึ่งเป็นเดือนที่มีเว็บถอนออกจากตลาดมากที่สุด นับถึงปลายเดือนกันยายนนี้ มีทั้งหมด 1,027 เว็บกรุ๊ปบายได้ถอนออกจากตลาดกรุ๊ปบาย มีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 18 ของเว็บกรุ๊ปบายทั้งหมด ปัจจุบันนี้ เว็บกรุ๊ปบายใหม่ที่สร้างขึ้นในตลาดจีนมีทั้งหมด 5,700 ราย แต่เนื่องจากการถอนตัวของ 1,027 ราย เว็บที่ยังดำเนินการอยู่มีทั้งหมด 4,673 ราย
รูปแบบเว็บกรุ๊ปบายเป็นรูปแบบที่ง่ายสำหรับการเลียนแบบ และต้นทุนสร้างเว็บไม่สูง จึงได้เร่งเว็บกรุ๊ปบายให้พัฒนาอย่างรวดเร็ว และทำให้ความแข่งขันระหว่างกันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแย่งชิงลูกค้า เว็บกรุ๊ปบายอาจจะต้องลดราคาสินค้าเรื่อยๆ จึงทำให้กำไรลดน้อยลง เว็บที่ขาดเงินทุนหมุนเวียนก็จะล้มละลาย
ในช่วงสองปีนี้ เว็บกรุ๊ปบายของประเทศจีนเติบโตมากเกินความเหมาะสม จึงทำให้เว็บกรุ๊ปบายจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับตลาด แนวโน้มของตลาดเว็บกรุ๊ปบายคือปลาใหญ่กินปลาเล็ก เว็บกรุ๊ปบายที่มีเงินทุนหมุนเวียนน้อยจะล้มละลายหรือถูกเว็บใหญ่ ควบรวมกิจการ ผู้อยุ่ในวงการคาดการณ์ว่า ในอนาคต ตลาดเว็บกรุ๊ปบายจะมีเว็บใหญ่ที่มีขนาดใหญ่พอสมควรจะเป็นตัวนำของตลาด และร้อยละ 99 ของเว็บกรุ๊ปบายในปัจจุบันนี้อาจจะล้มละลาย
อย่างไรก็ตาม ตลาดเว็บกรุ๊ปบายเริ่มล้างไพ่กิจการใหม่แล้ว เว็บกรุ๊ปบายที่อยู่รอดได้น่าจะเป็นเว็บที่มีขนาดใหญ่ และได้แบ่งสัดส่วนตลาดไม่น้อย ส่วนเว็บที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองและมีกลุ่มลูกค้าประจำ ก็อาจจะสามารถอยู่รอดได้เหมือนกัน
(ข้อมูลมากจาก www.xinhuanet.com และ www.baidu.com)
แนวโน้มตลาดโทรทัศน์ของประเทศจีน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โทรทัศน์จอแบนได้รับความนิยมในตลาด และมียอดขายสูงขึ้นทุกเดือน แต่เนื่องจากความต้องการของตลาดอิ่มตัวเรื่อยๆ ทำให้การจำหน่ายโทรทัศน์จอแบนของปี 2554 นี้มีอัตราเติบโตต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ใน 3 ไตรมาสแรก ปี 2554 การจำหน่ายโทรทัศน์ LCD ของประเทศจีนมีจำนวน 24.83 ล้านเครื่อง เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 คิดเป็นยอดขาย 102,600 ล้านหยวน เทียบกับช่วงเวลาเดียวของปีที่แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 โดยในไตรมาสที่ 3 การจำหน่ายโทรทัศน์ LCD มีจำนวน 8.5 ล้านเครื่อง คิดเป็นยอดขาย 34,100 ล้านหยวน เทียบกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของปี 2553 แนวโน้มการเติบโตของปีนี้มีอัตราต่ำกว่า
เทียบกับโทรทัศน์ LCD โทรทัศน์ LED มีขนาดบางกว่า น้ำหนักเบากว่า ประหยัดพลังงาน และดีต่อสิ่งแวดล้อม แถมราคายังปรับลงเรื่อยๆ จึงทำให้โทรทัศน์ LCD ไม่เป็นที่นิยมต่อไป
แนวโน้มโทรทัศน์ที่เป็นที่นิยมของประเทศจีนในปีนี้และปีต่อไปจะดังนี้
แนวโน้มที่ 1 โทรทัศน์ที่มีขนาดจอภาพใหญ่
จากสถานการณ์ตลาดโทรทัศน์จีนนี้ สังเกตได้ว่า โทรทัศน์ที่มีขนาดจอภาพยิ่งใหญ่ ยิ่งได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น และแนวโน้มของปีนี้ ขนาดจอภาพที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือโทรทัศน์ที่มีขนาดจอภาพมากกว่า 50 นิ้วขึ้นไป
ในปี 2553 โทรทัศน์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือโทรทัศน์ขนาด 40 นิ้ว และในปี 2554 เป็นต้นมา โทรทัศน์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดเป็นโทรทัศน์ขนาด 46 นิ้ว และโทรทัศน์ขนาด 55 นิ้วก็ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากว่า โทรทัศน์ที่มีขนาดใหญ่จะมีคุณสมบัติยิ่งครบครัน
ในช่วงวันหยุดวันชาติจีน โทรทัศน์ LCD ที่ขนาด 46 47 50 และ 50 นิ้วขึ้นไปกลายเป็นโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ยอดขายอยู่ในอันดับต้นๆ เพื่อตอบสนองกับความต้องการของตลาด โรงงานผลิตโทรทัศน์ใหญ่ก็ต่างผลิตโทรทัศน์ที่มีขนาดใหญ่
ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยี และรายได้ของประชาชนสูงยิ่งขึ้น โทรทัศน์ที่มีขนาดใหญ่จะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น
แนวโน้มที่ 2 โทรทัศน์ 3 มิติ
ปี 2554 ถึงแม้ว่าโทรทัศน์ LCD ไม่ค่อยเจริญรุ่งเรือง แต่โทรทัศน์ 3 มิติได้เติบโตอย่างรวดเร็ว กลายเป็นไฮไลท์ของตลาดโทรทัศน์ และในวันที่ 1 มกราคา ปี 2555 โทรทัศน์ช่อง 3 มิติแรกของประเทศจีนจะเริ่มทดลองรายการ ผู้ในวงการคาดการณ์ว่า รายการ 3 มิติมเพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น จะทำให้โทรทัศน์ 3 มิติแพร่หลายไปทั่วประเทศจีน
ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้ มาตรฐาน เทคโนโลยีของโทรทัศน์ 3 มิติยังมีปัญหาที่ต้องการแก้ไขหรือปรับปรุง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการจำหน่ายโทรทัศน์ 3 มิติ ตามข้อมูลจาก GFK China ในไตรมาสที่ 3 การจำหน่ายโทรทัศน์ LCD 3 มิติใน 100 เมืองของประเทศจีนมีจำนวนมากถึง 460,000 เครื่อง เทียบกับไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 93 และยอดจำหน่ายคิดเป็น 3,600 ล้านหยวน เทียบกับไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 55 มีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 15 ของตลาด ในห้างจำหน่ายโทรทัศน์ โทรทัศน์ 3 มิติในตู้โชว์ได้แบ่งสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 เจ้าหน้าที่การขายส่วนใหญ่ก็แนะนำโทรทัศน์ 3 มิติก่อน ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้ รายการ 3 มิติยังมีจำนวนไม่มาก แต่ผู้บริโภคก็เลือกซื้อโทรทัศน์ 3 มิติ เนื่องจากว่าราคาแตกต่างกันไม่ถึง 1 พันหยวน และในอนาคตจะได้ไม่ต้องซื้อใหม่อีกด้วย
ช่อง CCTV ร่วมมือกับช่องปักกิ่ง ช่องเซี่ยงไฮ้ ช่องเทียนจิน และช่องอื่นๆ รวมทั้งหมด 6 ช่อง กำลังเตรียมการออกรายการของช่อง 3 มิติ ที่เป็นช่อง 3 มิติช่องแรกของประเทศจีน ในวันที่ 1 มกราคม 2555 เนื่องจากว่ารายการ 3 มิติยังมีจำนวนน้อยมาก ช่อง 3 มิติที่จะเปิดนี้จะมีรายการทั้งหมด 4 ชั่วโมง และฉายซ้ำกันทั้งวัน ช่อง 3 มิติกำหนดไว้เป็นช่องที่ไม่ฟรี แต่ในช่วงลดทองประมาณ 4-5 ปี จะไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเป็นชั่วคราว
นอกจากนี้ ช่อง CCTV ได้ซื้อสิทธิ์รายการโอลิมปิกลอนดอน ปี 2555 แล้ว ถึงเวลานั้น ก็จะมีรายการสด 3 มิติเกี่ยวกับการแข่งขันหลายๆ กีฬารวมเป็น 300 ชั่วโมง ตามแผนการพัฒนาของสำนักงานบริหารหนังและโทรทัศน์แห่งชาติ (The State Administration of Radio Film and Television or SARFT) ถึงปลายปี 2558 ประเทศจีนจะมีช่องที่คมชัดทั้งหมด 100 ช่องและช่อง 3 มิติ 10 ช่อง นอกจากนี้ ช่องอื่นๆ ก็เริ่มลดลองประกาศรายการ 3 มิติในเดือนธันวาคมนี้
การที่ช่อง 3 มิติเปิดดำเนินการ จะส่งผลต่อการแพร่หลายของโทรทัศน์ 3 มิติ และช่วยส่งเสริมบริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นเรื่อยๆ ผู้ในวงการคาดการณ์ว่า ในปี 2555 โทรทัศน์ 3 มิติในประเทศจีนจะมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 25 จากร้อยละ 12 ของปีนี้
แน้วโน้มที่ 3 โทรทัศน์อัจฉริยะ
โทรทัศน์อัจฉริยะคล้ายกับมือถืออัจฉริยะ มีระบบปฏิบัติการเปิด ผู้ใช้สามารถเดาโลดติดตั้งหรือถอนการติดตั้งโปรแกรมเช่นซอฟต์แวร์ เกมส์ด้วยตนเองได้ และยังสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและเพิ่มคุณสมบัติของโทรทัศน์ได้ โทรทัศน์ที่แท้จริง จะมีระบบปฏิบัติการง่าย และสามารถเชื่อมกับอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์AV คอมพิวเตอร์เป็นต้นเพื่อเข้าสู่รายการที่ผู้ใช้ต้องการ
ปัจจุบันนี้ โทรทัศน์อัจฉริยะที่วางขายในท้องตลาดมีมากถึง 100 รุ่น บริษัทรายใหญ่ของโทรทัศน์เช่น ซัมซุง ทีซีแอล ฉางหง ไฮเซนส์ ได้ทุ่มกำลังในการผลิตโทรทัศน์อัจริยะและมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมากเรื่อยๆ
การที่โทรทัศน์อัจฉริยะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นนี้ เพราะว่าโทรทัศน์อัจฉริยะสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สามารถสืบหาข้อมูล เล่นเกมส์ ดูหนัง สนทนาผ่านกล้องเว็บแคม ร้องคาราโอเกะ และศึกษา เป็นต้น แถมยังสามารถพัฒนาอย่างไม่มีขีดจำกัด
ยอดขายของโทรทัศน์อัจฉริยะในประเทศจีนได้แบ่งสัดส่วนร้อยละ 7.6 ในเดือนมกราคม และสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นร้อยละ 23.3 ในเดือนกันยายน และความต้องการของโทรทัศน์อัจฉริยะของประเทศจีนในปี 2555 อาจจะมากกว่า 18 ล้านเครื่องได้ ถึงเวลานั้น โทรทัศน์อัจฉริยะอาจจะแบ่งสัดส่วนตลาดคิดเป็นร้อยละ 40
ผลิตภัณฑ์ของโทรทัศน์ใหม่ๆ ได้ประดิษฐ์ขึ้นมาเรื่อยๆ และกระแสนิยมของโทรทัศน์ก็เปลี่ยๆ ไปเรื่อยๆ จึงทำให้ผู้บริโภคกังวลมาก จากโทรทัศน์ LCD โทรทัศน์ LED โทรทัศน์ 3 มิติ จนถึงโทรทัศน์อัจฉริยะ และโทรทัศน์เมฆ (Cloud TV) ซึ่งใช้เวลาไม่กี่ปีเอง หากว่าผู้บริโภคอยากตามกระแสนิยมของตลาด คงต้องเปลี่ยนโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ และเสียเงินไปเรื่อยๆ ผู้เชี่ยวชาญเลยแนะนำว่า ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ทันที สามารถรอให้ผลิตภัณฑ์ได้พัฒนาไปอย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากว่าการพัฒนาอย่างสมบูรณ์แบบของผลิตภัณฑ์ใหม่ต้องใช้เวลานานพอสมควร หรือว่าไม่จำเป็นต้องเดินตามกระแสนิยมก็ได้ เพราะว่าผลิตภัณฑ์เก่าก็สามารถใช้งานได้อย่างปรกติ
(ข้อมูลมากจาก www.xinhuanet.com)
เรียบเรียงโดยสคต. เซี่ยเหมิน
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน
ที่มา: http://www.depthai.go.th