รัฐบาลอินเดียประกาศปรับเป้าหมายทางเศรษฐกิจสำหรับปีงบประมาณ 2554-2555

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 20, 2011 10:25 —กรมส่งเสริมการส่งออก

รัฐบาลอินเดียโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (Mr. Pranab Mukhuree) ได้แถลงว่ารัฐบาลได้ทบทวนเศรษฐกิจกลางปี (Mid-Year Economic Review 2011-2012) ของอินเดียและเห็นควรให้มีการปรับเป้าหมายทางเศรษฐกิจของประเทศในด้านต่างๆ สำหรับปีงบประมาณ 2554-2555 ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ประกาศปรับลดอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียสำหรับปีงบประมาณ 2554-2555 จาก 9% เหลือ 7.5% โดยอาจจะมากหรือน้อยกว่าเป้าหมายใหม่ในระดับ ฑ0.25% (ประมาณ 7.25%-7.75%) ทั้งนี้ เป้าหมายดังกล่าวได้มาจากการสำรวจภาคการผลิตซึ่งพบว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2553-2554 อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจก็ต่ำกว่าเป้าหมาย 9% อยู่แล้ว (แค่ 7.3% เท่านั้น) โดยพบว่าผลผลิตของโรงงาน (Factory Output) และดัชนีชี้วัดการจัดซื้อของโรงงาน (Purchasing Managers Index) มีค่าลดลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อจะลดลงอยู่ในระดับ 7% โดยในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยของอินเดียอยู่ที่ระดับ 9.62% ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆปรับตัวลดลงอย่างช้าๆ นอกจากนั้น นโยบายในอนาคตของรัฐบาลจะมุ่งเน้นไปที่ Supply Side ของห่วงโซ่อุปทานการผลิตอาหารจากเกษตรกรไปยังครัวเรือนในชนบทและในเมือง อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังถดถอยลงโดยเฉพาะผลจากปัญหาทางการเงินของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (Euro Zone) และปัญหาทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะทำให้ราคาโภคภัณฑ์ (Commodities) และราคาเชื้อเพลิงไม่เพิ่มขึ้นมากซึ่งเป็นการชดเชยกับค่าเงินรูปีที่อ่อนค่าลงมาโดยตลอด โดยคาดว่าปัญหาการอ่อนค่าของเงินรูปจะยังไม่มีความชัดเจน

สำหรับหนี้สินต่างประเทศ (Foreign Debts) จะยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยในเดือนมิถุนายน 2554 หนี้ต่างประเทศอยู่ที่ 316.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2554 เป็นมูลค่า 10.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยหนี้ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการกู้ยืมเงินและการขอเครดิตระยะสั้นจากต่างประเทศโดยภาคเอกชน ส่วนในด้านการส่งออกสินค้า (Goods Exports) จะต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 300 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนการส่งออกบริการ (Services Exports) อาจจะได้รับผลกระทบ ถ้าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปยังไม่ดีขึ้น

ในด้านการคลังภาครัฐบาล (Public Finance) คาดว่าจะขาดดุลการคลัง (Fiscal Deficit) ประมาณ 4.6% ของ GDP ตามเป้าหมาย ส่วนดุลการคลังรวมของรัฐบาลกลางและของรัฐรวมกันจะลดลงโดยจะขาดดุลการคลังรวมกันประมาณ 6.8% ของ GDP สำหรับการขาดดุลการคลังในระดับค่อนข้างสูงนี้ รัฐบาลเชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากในภาวะปกติการขาดดุลการคลังในระดับสูงไม่มากเป็นสิ่งที่ยอมรับได้และจะไม่ได้ส่งผลเสียแก่เศรษฐกิจของประเทศแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 27 รายโดย หนังสือพิมพ์ Financial Chronicle พบว่านักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าอัตราการเจริญเติบโตในช่วงปีงบประมาณ 2553-2554 ของอินเดียจะน้อยกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ คือ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 7% เท่านั้น ส่วนประเด็นที่ภาคธุรกิจอินเดียจับตาอยู่ในขณะนี้ก็คือ การที่รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะถอนการลงทุน (Disinvestment หรือ Divestment) จากบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นอยู่เป็นมูลค่า 4 แสนล้านรูปในปีงบประมาณ 2554-2555 ซึ่งคาดว่าคงเป็นเรื่องที่อาจจะทำให้บรรลุเป้าหมายได้ยาก

ตารางสรุปการทบทวนเศรษฐกิจกลางปีของรัฐบาลอินเดียปีงบประมาณ 2554-2555

การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ                  ปรับลดอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2554-2555
(GDP Growth)                            จาก 9% เหลือ 7.5% (ฑ0.25%)

เงินเฟ้อ (Inflation)                      อัตราเงินเฟ้อลดลงอยู่ที่ 7% (อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยช่วง 7 เดือน

ที่ผ่านมาอยู่ที่ 9.62%)

ระดับอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงแต่จะค่อยๆปรับตัว

ลดลงอย่างช้าๆ

นโยบายในอนาคตของรัฐบาลจะเน้นไปที่ Supply Side ของ

ห่วงโซ่อุปทานการผลิตอาหารจากเกษตรกรไปยังครัวเรือนใน

ชนบทและในเมือง

ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยจะทำให้ราคาโภคภัณฑ์

(Commodities) และราคาเชื้อเพลิงไม่เพิ่มขึ้นมากซึ่งเป็นการ

ชดเชยกับค่าเงินรูปีที่อ่อนค่าลงมาโดยตลอด

หนี้ต่างประเทศ (External Debt)             หนี้ต่างประเทศยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยใน

เดือนมิถุนายน 2554 หนี้ต่างประเทศอยู่ที่ 316.9 พันล้าน

เหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 10.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากเดือน

มีนาคม 2554

ค่าเงินรูปี (Rupee)                         ยังไม่มีความแน่นอน

การส่งออก (Export)                       การส่งออกสินค้าจะต่ำกว่าเป้าที่กำหนดไว้ที่ 300 พันล้าน

เหรียญสหรัฐฯ

การส่งออกบริการอาจจะได้รับผลกระทบด้วย ถ้าสถานการณ์

ทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปยังไม่ดีขึ้น

การคลังภาครัฐบาล                          จะขาดดุลการคลัง (Fiscal Deficit) ประมาณ 4.6% ของ
(Public Finance)                        GDP ตามเป้าหมาย

ดุลการคลังรวมของรัฐบาลกลางและของรัฐรวมกันจะลดลง

โดยจะขาดดุลการคลังรวมกันประมาณ 6.8% ของ GDP

การถอนการลงทุน                           รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะถอนการลงทุนจากบริษัทที่รัฐบาลถือ
(Disinvestment)                         หุ้นอยู่เป็นมูลค่า 4 แสนล้านรูป

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ