เดนมาร์กประกาศมาตรการเก็บภาษีไขมันในสินค้าอาหารประเทศแรกของโลก

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 20, 2011 10:29 —กรมส่งเสริมการส่งออก

นับแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ กระทรวงภาษีเดนมาร์ก (The Danish Ministry of Taxation)ได้กำหนดมาตรการเรียกเก็บภาษีไขมันในอาหาร ซึ่งนับเป็นประเทศแรกในโลกที่นำภาษีนี้มาบังคับใช้ ( First Fat Tax in the world) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำระบบภาษีมาใช้ในการปรับพฤติกรรมการบริโภคของประชากรชาวเดนมาร์กและคุ้มครองสุขภาพผู้บริโภค(Health related taxes) เนื่องจากมีหลักฐานทางการแพทย์ที่เชื่อว่าไขมันเป็นต้นเหตุของโรคที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหลายชนิด เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ เป็นต้น สินค้าที่อยู่ภายใต้ระบียบนี้ได้แก่ เนื้อสัตว์ เนยแข็ง เนย และน้ำมันพืช

แม้ว่าชาวเดนมาร์กจะมีสถิติประชากรที่ประสบปัญหาโรคอ้วนน้อยกว่าร้อยละ ๑๐ ของประชากรทั้งหมด ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศยุโรป แต่เดนมาร์กนับได้ว่าเป็นประเทศที่มีความห่วงใยในสุขภาพและสิ่งแวดล้อม( Health & Environment Concern) เป็นอย่างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ในปี ๒๕๕๒ เดนมาร์กได้มีการปฎิรูปกฎหมายภาษีในลักษณะนี้มาแล้วมา โดยเก็บภาษีน้ำตาลเพื่อลดการบริโภคน้ำตาลของประชากรเดนมาร์ก ในสินค้าไอศกรีม เพิ่มขึ้น ๑ เดนิชโครนต่อลิตร ( ๑ เดนิชโครน เท่ากับประมาณ ๕.๕ บาท) ชอกโกแลต ขนมหวาน เพิ่มขึ้น ๔.๕ เดนิชโครน ต่อกิโลกรัม น้ำอัดลม ๐.๓๔ เดนิชโครนต่อลิตร บุหรี่ จำนวน ๓เดนิชโครนต่อซอง ๒๐ มวน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ ซึ่งเป็นระดับภาษีที่สูงกว่าระดับเฉลี่ยของกลุ่มประเทศยุโรปด้วยกัน

ระเบียบการเก็บภาษีไขมันนี้กำหนดให้เก็บภาษีสินค้าที่ผลิตและนำเข้าและวางจำหน่ายในเดนมาร์ก ( ไม่รวมสินค้าที่ส่งออกจากเดนมาร์ก) ซึ่งมีส่วนประกอบของไขมันอิ่มตัว(Saturated Fat Tax)มากกว่าร้อยละ ๒.๓ อัตราภาษีดังกล่าวนี้จะแตกต่างกันไปตามปริมาณของไขมันอิ่มตัว ซึ่งโดยประมาณแล้วจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา ๑๖ เดนิชโครนเนอร์ (ประมาณ ๙๐ บาท) ต่อไขมันอิ่มตัวร้อยละ ๒.๓

การออกมาตรการใหม่นี้ ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารในวงกว้าง ผู้ผลิตอาหารต่างๆ ร้านอาหาร ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายเงินเพิ่มราวร้อยละ ๓๐ สำหรับเนย ๑ ก้อน หรือร้อยละ ๘ สำหรับมันฝรั่งทอด ๑ ถุง ขณะที่ราคาน้ำมันมะกอกขนาด ๑ ลิตรจะเพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๑ และรวมทั้งสินค้าอื่นๆ อีกด้วย เช่น นม ชีส และเนื้อสัตว์ เป็นต้น

การประกาศมาตรการภาษีนี้ ทางการเดนมาร์กเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ให้กับรัฐได้สูงถึง ๒๑๘ ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ ๖.๗๒ พันล้านบาท) อีกทั้งคาดว่าจะช่วยปรับพฤติกรรมการบริโภคของชาวเดนมาร์ก และลดการบริโภคอาหารประเภทไขมันของประชากรลงถึงประมาณร้อยละ ๔ ซึ่งจะทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดดโรคอ้วน เบาหวาน และโรคหัวใจได้

ตัวอย่างประมาณการปรับขึ้นของราคาสินค้าที่ได้รับผลกระทบในเดนมาร์ก

          สินค้าอาหาร     จำนวนไขมันอิ่มตัวต่อ ๑๐๐ กรัม     ราคา( เดิม)     ราคา( ใหม่)       ร้อยละของการเปลี่ยนแปลง(%)

เดนิชโครน เดนิชโครน

เนย ๒๕๐ กรัม                   ๕๑.๘๐                  ๑๕.๕๐          ๑๘.๑๐                   ๑๖.๗๐
ชีส ๕๐๐ กรัม                    ๑๖.๗๐                  ๓๔.๔๐          ๓๖.๑๐                    ๔.๙๐
น้ำมันพืช๑ลิตร                     ๖.๔๐                   ๙.๙๕          ๑๑.๐๓                   ๑๐.๙๐
เนื้อหมู ๐.๕กิโลกรัม                ๖.๕๐                  ๑๙.๙๕          ๒๐.๙๖                    ๕.๑๐
เนื้อวัว ๑ กิโลกรัม                 ๕.๒๐                 ๑๙๙.๘๘         ๒๐๐.๙๐                    ๐.๕๐
ที่มา  กระทรวงภาษีเดนมาร์ก

ทั้งนี้ สมาคมอุตสาหกรรมอาหารได้ออกมาให้ความเห็นว่าการขึ้นภาษีดังกล่าวจะทำให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าอาหารได้รับผลกระทบ และเนื่องจากภภาษีนี้ไม่ครอบคลุมสินค้าที่ส่งออกจากเดนมาร์ก จึงอาจเป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคเดินทางไปจับจ่ายใช้สอยสินค้าในแถบชายแดนประเทศเพื่อบ้านเช่นเยอรมัน สวีเดน เป็นต้น

เนื่องจากภาษีนี้ครอบคลุมถึงสินค้าที่นำเข้ามาจำหน่ายในเดนมาร์กด้วย ผู้นำเข้าจึงต้องไปแจ้งจดทะเบียนกับสำนักงานภาษี (Danish Customs and Tax Administration ) ซึ่งจะต้องแจ้งก่อนที่สินค้าจะถูกส่งออกจากประเทศต้นทาง ซึ่งภาษีใหม่นี้จะเป็นภาระให้ผู้ส่งออกต้องคำนวณจำนวนไขมันอิ่มตัว เพื่อให้ผู้นำเข้านำไปคำนวณเพื่อชำระค่าภาษี และทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผู้นำเข้าจะผลักภาระต่อไปยังผู้บริโภค ทั้งนี้ ประเทศที่ได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่ส่งสินค้าประเภท เนย น้ำมันจากพืชและสัตว์

สำหรับประเทศไทยสินค้าที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ กะทิ น้ำมันพืช อาหารสำเร็จรูปที่มีส่วประกอบไขมัน ซึ่งผู้ส่งออกไทยที่ส่งสินค้าในกลุ่มดังกล่าว ควรประสานกับผู้นำเข้าอย่างใกล้ชิดในการปรับสูตรสินค้าให้ตรงกับความต้องการ หรือเหมาะสมที่จะจำหน่ายในเดนมาร์ก และ ควรระวังและควบคุมคุณภาพให้ตรงตามความต้องการของผู้นำเข้าและผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นประโยชน์และช่วยดูแลบำรุงสุขภาพ เช่น กะทิที่ไม่มีส่วนประกอบไขมัน น้ำมันรำข้าว และจมูกข้าว ที่มีส่วนประกอบของไขมันอิ่มตัวต่ำ เมื่อเทียบกับน้ำมันประเภทอื่นๆ และ ชาวเดนมาร์กมีแนวโน้มการบริโภคน้ำมันรำข้าวเพิ่มสูงขึ้น ถือว่าเป็นโอกาสดีที่สินค้าเพื่อสุขภาพสามารถเข้ามาแข่งขันกับตลาด

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโคเปนเฮเกน

ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ