“ส่งออก” พร้อมดันไทยเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 คาดปี’ 55 ตลาดอาเซียนขยายตัวร้อยละ 20-25

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 20, 2011 13:33 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ในปี 2554 กรมฯ ตั้งเป้าหมายการส่งออกไปตลาดอาเซียนขยายตัวร้อยละ 16 ซึ่งคาดว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเป้าหมาย สำหรับปี 2555 ตลาดอาเซียนจะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 20-25

การรวมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 นอกจากจะก่อให้เกิดโอกาสทางการค้าที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสสำหรับการลงทุน และการขยายธุรกิจบริการระหว่างประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอีกด้วย ซึ่งนับเป็นโอกาสที่จะเปิดตลาดการค้าของไทยให้กว้างขึ้น ทางกรมส่งเสริมการส่งออกจึงได้กำหนดให้การส่งเสริมการดำเนินธุรกิจไทยในต่างประเทศเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาและส่งเสริมการค้าการลงทุนของไทยสำหรับภูมิภาคอาเซียน

นางมาลี โชคล้ำเลิศ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ทางกรมฯ มียุทธศาสตร์หลักๆ คือ การส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยที่ตรงกับความต้องการของตลาด ผ่านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกต่างๆ ครอบคลุมเมืองเศรษฐกิจหลักและเมืองรองที่มีศักยภาพในการขยายตัวสูง ตลอดจนเร่งรัดให้ความรู้เกี่ยวกับโอกาสและช่องทางการส่งออกไปตลาดอาเซียนแก่ผู้ประกอบการ SMEs หรือผู้ส่งออกรายใหม่ๆ โดยมีการกำหนดสินค้าเป้าหมายในแต่ละตลาดเป้าหมายอย่างชัดเจน พร้อมทั้งผลักดันผู้ประกอบธุรกิจบริการที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในการขยายธุรกิจในยังภูมิภาคอาเซียน เช่น ธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจบริการสุขภาพและความงาม ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจบริการซอฟแวร์และคอนเท้นท์ไทย ธุรกิจบริการก่อสร้าง ธุรกิจบริการการศึกษา และธุรกิจบริการด้านโลจิสติกส์ รวมถึงการส่งเสริมการขยายการลงทุนระหว่างไทยและอาเซียน ในภาคการผลิต ที่มีการเปิดเสรีการลงทุน ได้แก่ การเกษตร ประมง ป่าไม้ เหมืองแร่ และภาคอุตสาหกรรมเพื่อขยายตลาดสู่ประเทศนั้นๆ หรือประเทศที่อาเซียนมีข้อตกลงเขตการค้าเสรี และ/หรือเพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งวัตถุดิบ ทรัพยากรธรรมชาติ แรงงาน รวมถึงสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรที่ประเทศนั้นๆ ได้รับจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยมุ่งเน้นการให้บริการต่างๆ แก่ผู้ประกอบการไทยอย่างครบวงจร และพัฒนาระบบและฐานข้อมูลการค้าการลงทุนอาเซียน ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการไทย

“ในช่วง 10 ดือน (ม.ค.-ต.ค.) ของปี 2554 การค้าระหว่างไทยและอาเซียนมีมูลค่า 77,758.18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งยังคงขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 26.12 เป็นการส่งออกมูลค่า 45,972.24 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 25.2 และการนำเข้ามูลค่า 31,785.94 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 27.43 ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 14,186.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตลาดส่งออกในอาเซียนเกือบทุกตลาดมีการขยายตัวในอัตราสูง ได้แก่ อินโดนีเซีย (ร้อยละ 41) สิงคโปร์ (ร้อยละ 31) เวียดนาม (ร้อยละ 29) เมียนมาร์ (ร้อยละ 36) ลาว (ร้อยละ 29) มาเลเซีย (ร้อยละ 22) และกัมพูชา (ร้อยละ 14) ส่วนตลาดฟิลิปปินส์มีการนำเข้าสินค้าจากไทยลดลงร้อยละ 6

สินค้าส่งออกหลักของไทยไปอาเซียน ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก แผงวงจรไฟฟ้า ยางพารา และน้ำตาลทราย

          ในปี 2554 กรมฯ ตั้งเป้าหมายการส่งออกไปตลาดอาเซียนขยายตัวร้อยละ 16  ซึ่งคาดว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเป้าหมาย สำหรับปี 2555 คาดว่าตลาดอาเซียนจะขยายตัวได้ร้อยละ        20-25” นางมาลี กล่าว

อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมานายวุฒิชัย ดวงรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือในโครงการ AEC วาระแห่งชาติ SMEs ซึ่งเป็นความร่วมมือ 9 องค์การใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมการส่งออก กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ ด้านการส่งออกผลักดันและส่งเสริมผู้ประกอบการSMEs ให้มีความพร้อมที่จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งคาดว่าจะทำให้มูลค่าสินค้าส่งออกของไทยไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนจะสามารถขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและภูมิภาคในอนาคต

“ผู้ส่งออกของไทยสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยสามารถขยายตลาดการค้าสินค้าและธุรกิจบริการสู่ภูมิภาคอาเซียนและประเทศที่อาเซียนมีความตกลงเขตการค้าเสรี รวมทั้งสามารถใช้ศักยภาพของอาเซียนในฐานะที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งด้านแหล่งลงทุน หรือแหล่งปัจจัยการผลิตต่างๆ อาทิ วัตถุดิบขั้นต้น ขั้นกลาง ทรัพยากรธรรมชาติ แรงงาน สินค้าทุนและเทคโนโลยี เป็นต้น ทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายการผลิตร่วมของอาเซียนที่มีประสิทธิภาพและแข่งขันได้ในตลาดโลก และในขณะเดียวกันผู้ส่งออกไทยก็สามารถปรับตัวและรองรับการแข่งขันภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดเสรีการค้าสินค้า ธุรกิจบริการ และการลงทุน” นางมาลี กล่าว ทิ้งท้าย

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ