ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจปัจจุบันนี้ของสหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยลดลง ในขณะเดียวกันภาวะการผลิตในภาคเกษตรกรรมถดถอย ผลผลิตลดลง ผลักดันให้ต้นทุนการผลิตสินค้าอาหารเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการเพิ่มของราคาสินค้าอาหารที่จำหน่ายตามซุปเปอร์มาร์เกตหรือตามร้านอาหาร
สหรัฐฯ เป็นประเทศที่รักการบริโภคอาหาร ปัจจุบัน ผู้บริโภคสหรัฐฯ มีความกดดันด้านการประหยัดในการใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม นักพยากรณ์ตลาดสินค้าอาหารมีความเห็นว่า ตลาดการบริโภคสินค้าอาหารในปี 2012 ในสหรัฐฯ จะมีการใช้จ่ายการบริโภคเพิ่มมากขึ้น การตลาดจะตื่นเต้นและท้าทายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีปัจจัย 3 ประการซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าสินค้าอาหารจากต่างประเทศในปี 2555
ความต้องการสินค้าอาหารที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ปริมาณไม่สามารถสนองความต้องการได้อย่างเพียงพอ เป็นผลให้ราคาสินค้าอาหารในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นลำดับในช่วงสองปีที่ผ่านมา นอกจากนั้น ปัจจัยด้านกฎระเบียบความปลอดภัยสินค้าอาหาร ความเข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อม และ ราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อเนื่องมายังปี 2555 ราคาสินค้าอาหารตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านชำ ร้านอาหาร จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคประหยัดการใช้จ่ายซื้ออาหาร โดยเฉพาะ ลดการบริโภคเนื้อราคาแพงและอาหารทะเล
กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomers) ปัจจุบัน เป็น ผู้บริโภคสูงอายุ (เกิดระหว่างปี 2489 - 2507) เป็นกลุ่มที่มี จำนวนมากที่สุดของสหรัฐฯ ประมาณ 80 ล้านคน คาดว่าการ ใช้จ่ายของผู้บริโภคกลุ่มนี้จะคิดเป็นร้อยละ 52 ของการใช้จ่าย 706 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซื้อสินค้าตามร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านชำ ผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลในการซื้อสินค้าอาหารมากที่สุด และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคอาหารของผู้บริโภคกลุ่มนี้ส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าอาหาร ในด้านรูปแบบ ประเภท และ บรรจุภัณฑ์ของสินค้าอาหารในตลาด ซึ่งจะเป็นผลให้สินค้าอาหารหรือเครื่องดื่มส่วนใหญ่จะเน้นในด้านให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายและเสริมสุขภาพให้แข็งแรง
ปัญหาความปลอดภัยสินค้าอาหารเป็นเรื่อง สำคัญของผู้บริโภค และให้ความสำคัญต่อแหล่งที่มาของสินค้า อาหาร เนื่องจากสินค้าอาหารนำเข้าจากต่างประเทศมีปัญหาใน ด้านไม่ความปลอดภัยต่อการบริโภค ดังนั้น ผู้บริโภคจึงต้องการ ทราบว่า สินค้าอาหารที่ซื้อบริโภคหรือวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุง อาหารมาจากแหล่งใด ดังนั้น จึงก่อให้เกิดการรณรงค์ให้ซื้อสินค้าที่ผลิตในท้องถิ่น (Buy Local) ซึ่งเป็นหลักประกันว่า สินค้าที่ผลิตในประเทศ ในท้องถิ่นมีความปลอดภัยสูง ร้านค้าปลีก ร้านชำ และ ซุปเปอร์มาร์เก็ตนำสินค้าที่ผลิตในท้องถิ่นเข้าจำหน่ายในร้านมากขึ้น และกลายเป็นแนวโน้มที่มาแรงในอนาคต ดังนั้น ปัจจัยสำคัญในการสร้างความเข้าใจ คือ การสื่อสารของผู้ผลิต/จัดจำหน่ายสินค้ากับผู้บริโภค ซึ่งผู้ผลิต/จัดจำหน่ายหันมาใช้สื่อออนไลน์ เช่น YouTube, Facebook, Twitter, Blog ในการสื่อสารกับผู้บริโภค
แนวโน้มบริโภคอาหารของผู้บริโภคสหรัฐฯ จะเป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมการ เปลี่ยนแปลงด้านความต้องการสินค้าในตลาดของสินค้าอาหารและวัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารของผู้บริโภคในตลาดสหรัฐฯ ดังนั้น ปัจจัย 3 ประการดังที่กล่าวมาแล้ว จะเป็นข้อมูลที่เบื้องต้นที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิต/ส่งออกสินค้าไทยที่ไปยังสหรัฐฯ ได้นำไปปรับตัวการผลิต การพัฒนาสินค้า และ การวางกลยุทธ์ด้านการตลาด เพื่อการออกส่งสินค้าอาหารไปยังสหรัฐฯ ในอนาคต
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครชิคาโก
ที่มา: http://www.depthai.go.th