จากรายงานของ Centre for Economics and Business Research (CEBR) ณ ประเทศอังกฤษ ขนาดเศรษฐกิจของประเทศบราซิลได้ก้าวข้ามเศรษฐกิจของประเทศอังกฤษ จากอันดับที่ 7 ขึ้นเป็นอันดับที่ 6 ของโลก
ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศบราซิล ในปี ค.ศ. 2011 มีมูลค่าทั้งสิ้น 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อยู่อันดับที่ 6 ของโลก ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศฝรั่งเศส มีมูลค่าทั้งสิ้น 2.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อยู่อันดับที่ 5 ของโลก และผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศอังกฤษ มีมูลค่าทั้งสิ้น 2.48 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อยู่อันดับที่ 7 ของโลก ทั้งนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตามด้วย จีน ญี่ปุ่น เยอรมัน และฝรั่งเศส
ประเทศบราซิล เป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ทองคำ เงิน น้ำมัน แก้สธรรมชาติ แร่ธาตุต่างๆ รวมทั้งผลิตผลด้านการเกษตร ได้แก่ ถั่วเหลือง กาแฟ น้ำตาล น้ำส้ม เนื้อวัว เนื้อไก่การส่งออกผลิตภัณฑ์เหล่านี้ สร้างรายได้มหาศาลแก่ประเทศ นอกจากนี้ ความสำเร็จจากนโยบายของรัฐในการยกระดับฐานะของประชากรให้หลุดพ้นจากความยากจน เป็นกลุ่มประชากรชั้นกลาง ที่มีรายได้เพิ่มมากขึ้น มีศักยภาพในการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ทำให้คนกลุ่มนี้มีอำนาจซื้อมากยิ่งขึ้น จับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยการบริโภคสินค้าใหม่ๆ ที่ไม่สามารถซื้อหาได้ในอดีต เช่น โทรศัพท์มือถือ ทีวี ตู้เย็น ไมโครเวฟ คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นเกมส์ ไปจนถึงรถยนต์ ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศบราซิลขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ดึงดูดให้บริษัทข้ามชาติมาลงทุนในประเทศเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยการลงทุนจากต่างประเทศในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2011) มีมูลค่าเกือบ 75 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าการลงทุน 38 พันล้านเหรียญสหรัฐ
เศรษฐกิจของประเทศบราซิลขยายตัวสูงถึงร้อยละ 7.5 ในปี 2010 ในปีนี้ (2011) รัฐบาลตั้งเป้าการขยายตัวที่ร้อยละ 3.5 และกำหนดเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2012 ร้อยละ 4-5
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซาเปาโล
ที่มา: http://www.depthai.go.th