ภาครัฐมีนโยบายยกระดับการลงทุนด้าน Research and Development (R&D) เพิ่มสูงขึ้น โดยตั้งเป้าหมายให้เพิ่มจากร้อยละ 2.3 เป็นร้อยละ 3.5 ของ GDP ภายในปี 2015 เพื่อทำให้ประเทศเท่าเทียมกับประเทศ research-intensive
ทั้งนี้ ในปี 1991 การลงทุน R&D มีมูลค่า 760 ล้านเหรียญสิงคโปร์ และขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 6 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ในปี 2009 สำหรับการสร้างอัตรางานซึ่งในปี 1990 มีเพียง 4,300 อัตรา ได้เพิ่มขึ้นเป็น 26,000 อัตราในปี 2009 ซึ่งภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการทำให้ R&D มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยที่ภาคเอกชนสามารถสร้างความร่วมมือกับโรงเรียนและ สถาบันการค้นคว้าวิจัย เพื่อยกระดับความรู้ความชำนาญและเพิ่มผลประโยชน์
อนึ่ง R&D ช่วยให้สิงคโปร์ไม่ต้องจำกัดอยู่กับขนาดที่เล็กของประเทศ และทำให้เกิดความคิดสร้างสรร สร้างประสิทธิภาพ ส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้น ภาครัฐจึงส่งเสริมให้ลงทุนในด้าน R&D เพิ่มขึ้นและสร้างให้มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโตและต่อสู้กับสภาวะทั่วโลกที่แปรปรวน ทั้งนี้ จากการที่สิงคโปร์มุ่งมั่นด้าน R&D ทำให้กลุ่ม Biomedical Sciences ของสิงคโปร์ในปัจจุบันเป็นเสมือนเสาหลักสำคัญเสาที่ 4 ของอุตสาหกรรมการผลิต เคียงข้างไปกับกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์และวิศวกรรม
ภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนธุรกิจให้ลงทุนใน R&D เพิ่มขึ้นและพยายามหาวิถีทางสร้างสรรอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยง โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจโลกไม่มั่นคง นอกจากนี้ R&D ยังสร้างโอกาสให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น จำนวนนักค้นคว้าวิจัย นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรได้เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า จากจำนวน 4,300 อัตราในปี 1990 เป็นจำนวน 26,000 อัตราในปี 2009
ที่มา : Ministry of Trade and Industry, Singapore
ที่มา: http://www.depthai.go.th