ผลกระทบจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 26, 2012 14:26 —กรมส่งเสริมการส่งออก

เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา ในขณะที่ชาวไทยกำลังฉลองวันเด็กกันอย่างสนุกสนาน ในไต้หวันก็คึกคักไม่แพ้กัน เพราะเป็นเหมือนวันที่กำหนดอนาคตของประเทศในช่วง 4 ปีข้างหน้านี้กับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกสภานิติบัญญัติ (ส.ส.) ในคราวเดียวกัน ซึ่งชาวไต้หวันต่างก็ร่วมใจใช้สิทธิ์ของพลเมืองกันอย่างคับคั่ง โดยมีผู้มาใช้สิทธิ์มากถึงร้อยละ 74.38 ของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งหมด (18.08 ล้านคน) ซึ่งผลการเลือกตั้งปรากฏว่านายหม่าอิงจิ่ว ประธานาธิบดีไต้หวันคนปัจจุบันที่เป็นตัวแทนของพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) สามารถเอาชนะ นส.ไช่อิงเหวิน ผู้สมัครจากพรรค หมินจิ้นตั่ง (DPP) ด้วยคะแนนเสียงประมาณ 8 แสนคะแนน โดยในส่วนของการเลือกตั้ง ส.ส. นั้น พรรค KMT ก็ยังคงสามารถกุมคะแนนเสียงในสภาได้มากกว่าครึ่งหนึ่งเช่นเดิม ด้วยจำนวน 64 ที่นั่ง จากจำนวน 113 ที่นั่งในขณะที่พรรคฝ่ายค้านอย่าง DPP ได้มา 40 ที่นั่ง โดยพรรค People First ได้ 3 ที่นั่ง พรรค Taiwan Solidarity Union ได้ 3 ที่นั่ง และผู้สมัครอิสระไม่สังกัดพรรคได้ 3 ที่นั่ง

ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประธานาธิบดีหม่าและพรรค KMT เอาชนะคู่แข่งได้อย่างไม่ยากเย็นนักมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ด้วยการที่เหล่านักธุรกิจคนสำคัญของไต้หวัน เช่น นายกัวไถหมิง (Terry Gou) ประธานบริษัท Hon Hai Precision และ Foxconn Electronic Group นางหวังเสวี่ยหง (Cher Wang) ประธานบริษัท HTC Corp. นายสวีสวี้ตง (Y.Z. Hsu) ประธานกลุ่ม Far Eastern Group นายซือฉงถัง (Jonney Shih) ประธานบริษัท ASUS และนายอิ๋นอิ่นเหลียง (Samuel Yin) ประธานกลุ่มบริษัท Ruentex Financial Group เป็นต้น ต่างก็พร้อมใจกันออกมาสนับสนุนนายหม่าอย่างเปิดเผย ผ่านทางการประกาศสนับสนุนฉันทามติ 92 1 ระหว่างไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่ อย่างไรก็ดี แม้ว่าการที่นายหม่าอิงจิ่วและพรรค KMT จะสามารถชนะการเลือกตั้งได้อย่างราบรื่นจะถือเป็นข่าวดีสำหรับเหล่านักลงทุน แต่ตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันก็ไม่ได้ดีดตัวรับข่าวดีนี้เลย โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไต้หวันปิดตลาดวันที่ 16 มกราคม 2555 (วันซื้อขายวันแรกหลังเลือกตั้ง) ที่ระดับ 7,103.62 จุด ลดลง 77.92 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 76,842 ล้านเหรียญไต้หวัน (1 เหรียญไต้หวันเท่ากับประมาณ 1 บาท) ต่างจากหลังการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว (ปี 2008) ซึ่งปิดตลาดซื้อขายวันแรกหลังชัยชนะของนายหม่าในเลือกตั้งด้วยดัชนีที่เพิ่มขึ้นถึง 340.36 จุด และมีมูลค่าซื้อขายมากกว่า 2 แสนล้านเหรียญไต้หวัน สาเหตุสำคัญที่ตลาดทุนไม่ขานรับชัยชนะของนายหม่าในครั้งนี้ เป็นเพราะเศรษฐกิจโลกโดยรวมยังอยู่ในภาวะซบเซา อีกทั้งการถูกลดอันดับเครดิตของประเทศยุโรป 9 ประเทศ ก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนไม่น้อย ประกอบกับการที่ตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันจะปิดทำการช่วงตรุษจีนเป็นเวลา 11 วัน (วันที่ 19 - 29 มกราคม 2555) ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่อยากรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงนี้

ภายหลังจากชนะการเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลหม่าก็รีบเดินหน้าสานต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนแผ่นดินใหญ่อย่างทันควัน โดยนายซือเหยียนเสียง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการไต้หวันได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2555 ที่ผ่านมาว่า การเจรจาข้อตกลงกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับจีนแผ่นดินใหญ่ (Economic Cooperation Framework Agreement, ECFA) รอบใหม่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ คาดว่าในการประชุมระหว่างผู้แทนของทั้งสองฝ่ายที่จะมีขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้จะสามารถลงนามในข้อตกลงได้ นอกจากนี้จะยังมีการลงนามในข้อตกลงคุ้มครองการลงทุนระหว่างกันในการประชุมครั้งนี้ด้วย โดยไต้หวันจะเปิดรับทุนจีนแผ่นดินใหญ่ให้มาลงทุนในไต้หวันได้เพิ่มเติมในอุตสาหกรรม LED สาธารณูปโภคพื้นฐานด้านคมนาคม (รถไฟฟ้า ระบบรถไฟ สถานีขนส่ง) และด้านการศึกษาและวัฒนธรรม ซึ่งคาดว่าอย่างเร็วที่สุดจะสามารถเปิดรับทุนจีนแผ่นดินใหญ่ได้ในเดือนมีนาคม 2555 นี้

เห็นได้ชัดว่าชัยชนะของนายหม่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีนัยสำคัญเกี่ยวกับทัศนคติของชาวไต้หวันที่มีต่อฉันทามติดังกล่าวแอบแฝงอยู่ด้วย เนื่องจากพรรค DPP ประกาศจุดยืนที่ไม่ยอมรับความมีอยู่จริงของฉันทามติดังกล่าวมาโดยตลอด และการที่พรรคก๊กมินตั๋งและนายหม่าอิงจิ่วสามารถรักษาเก้าอี้ไว้ได้น่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไต้หวันในระยะยาวด้วย เพราะจะมีความต่อเนื่องในด้านนโยบายที่นายหม่าและ KMT ดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับจีนแผ่นดินใหญ่ในขณะที่นโยบายของ DPP จะแตกต่างกันอย่างชัดเจน

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2)

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ