ราชอาณาจักรเดนมาร์ก (Kingdom of Denmark)

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 30, 2012 14:48 —กรมส่งเสริมการส่งออก

๑. ข้อมูลพื้นฐาน

๑.๑ สภาพภูมิประเทศ

ตั้งอยู่บนทวีปยุโรปตอนเหนือ ระหว่างเส้นรุ้งเหนือที่ ๕๖ ๐๐ เส้นแวงตะวันออกที่๑๐ ๐๐ บนคาบสมุทรจัตแลนด์ (Jutland) ระหว่างทะเลเหนือกับทะเลบอลติก ทางทิศตะวันตก และทิศตะวันออก ส่วนทางทิศใต้ติดกับตอนเหนือของสหพันธรัฐเยอรมนี เป็นประเทศหนึ่งในกลุ่มนอร์ดิก ๕ ประเทศ ซึ่งประกอบด้วย เดนมาร์ก สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์

เดนมาร์กมีพื้นที่รวม ๔๓,๐๙๘ ตารางกิโลเมตร จัดเป็นประเทศที่ใหญ่อันดับที่ ๑๓๓ ของโลก ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่จำนวน ๔๐๖ เกาะ เกาะใหญ่ๆ ได้แก่ เกาะ Sjaelland เกาะ Fyn และเกาะ Bornholm แต่ไม่รวมดินแดนปกครองตนเอง คือ เกาะกรีนแลนด์ (Greenland) และหมู่เกาะแฟร์โร (Faroe)

๑.๒ สภาพภูมิอากาศ

แบบเขตอบอุ่นขั้วโลก ความชื้นสัมพัทธ์สูง ปีหนึ่งมี ๔ ฤดู คือ ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผผลิ และฤดูร้อน

๑.๓ เมืองสำคัญ มี ๔ เมือง

  • กรุงโคเปนเฮเกน (Copenhagen) เป็นเมืองหลวง เมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้า ตั้งอยู่บนเกาะ Zealandซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก มีประชากรอาศัยอยู่ราว ๑.๕ ล้านคน หรือประมาณหนึ่งในสี่ของประเทศ เมืองสำคัญรองลงมา ได้แก่
  • เมือง ออฮุส (Arhus) ตั้งอยู่บนคาบสมุทร Jutland มีประชากรราว ๒๖๕,๐๐๐ คน เป็นเมืองสำคัญด้านการค้า อุตสาหกรรม และเมืองท่าด้วย
  • เมืองโอเดนส์ (Odense) ตั้งอยู่บนเกาะ Funen มีประชากรราว ๑๗๓,๐๐๐ คน
  • เมืองอัลบอร์ก ( Allborg ) ตั้งอยู่บนคาบสมุทร Jutland มีประชากรราว ๑๕๕,๐๐๐ คน

๑.๔ การแบ่งเขตการปกครอง

การแบ่งเขตการปกครองของเดนมาร์กมีทั้งหมด ๕ เขตด้วยกัน โดยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ แทนระบบเก่า (๑๓ เขต ๒ เทศบาล และ ๑ เทศบาลนคร) ซึ่งแต่ละเขตมีผู้อำนวยการบริหารรัฐ (Director of State Administration) และประธานกรรมการบริหารภูมิภาค ( Chairman of the Regional Council) ได้แก่

  • เขตเมืองหลวงเดนมาร์ก (Copenhagen Capital Region)
  • เขตยูดแลนด์กลาง (Central Jutland)
  • เขตยูดแลนด์เหนือ (North Jutland)
  • เขตซีแลนด์ (Zealand)
  • เขตเดนมาร์กตอนใต้ (South Denmark)

๑.๕ ระบบการปกครอง

เดนมาร์กมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ (Parliamentary Democracy and Constitutional Monarchy) รัฐสภาเดนมาร์กเป็นระบบรัฐสภาเดียว (Folketing) มีสมาชิกจำนวน ๑๗๙ คน มาจากการเลือกตั้ง (รวมผู้แทนจากหมู่เกาะ Faroe ๒ คน และเกาะ Greenland ๒ คน) มีวาระการดำรงตำแหน่ง ๔ ปี โดยมีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ทำหน้าที่บริหารประเทศตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา

ปัจจุบันมี สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ ๒ แห่งเดนมาร์ก ทรงเป็นประมุข และมีนาง Helle Throning-Schmidt จากพรรคสังคมประชาธิปไตย ( Social Democrats) ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ ซึ่งถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเดนมาร์ก และทำให้พรรค Liberal ของอดีตนายกรัฐมนตรี Mr. Lars L๘kke Rasmussen กลับไปเป็นฝ่ายค้าน หลังจากเป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๕

๑.๕.๑ คณะผู้บริหารประเทศปัจจุบัน

กระทรวง                                             รัฐมนตรี
กระทรวงเศรษฐกิจและมหาดไทย                            Margrethe Vestager
กระทรวงการต่างประเทศ                                 Villy Sovndal
กระทรวงการคลัง                                       Bjarne Corydon
กระทรวงยุติธรรม                                       Morten Bodskov
กระทรวงการวิจัย นวัตกรรม และการศึกษาขั้นสูง                Morten Ostergaard
กระทรวงภาษี                                          Thor Moger Pedersen
กระทรวงการคมนาคม                                    Henrik Dam Kristensen
กระทรวงธรุกิจและการเติบโต                              Ole Sohn
กระทรวงที่อยู่อาศัย เมือง และชนบท                         Carsten Hansen
กระทรวงแรงงาน                                       Mette Frederiksen
กระทรวงเด็ก และศึกษาธิการ                              Christine Antorini
กระทรวงสังคมและการบูรณาการ                            Karen Haekkerup
กระทรวงอาหาร เกษตรและการประมง                       Mette Gjerskov
กระทรวงสภาพภูมิอากาศ พลังงาน และอาคาร                  Martin Lidegaard
กระทรวงการค้าและการลงทุน                              Pia Olsen Dyhr
กระทรวงสาธารณสุข                                     Astrid Krag
กระทรวงกลาโหม                                       Nick Haekkerup
กระทรวงสิ่งแวดล้อม                                     Ida Auken
กระทรวงกิจการสหภาพยุโรป                               Nicolai Wammen
กระทรวงความเสมอภาคทางเพศ กิจการคณะสงฆ์ และ            Manu Sareen
ความร่วมมือกลุ่มประเทศนอร์ดิกส์
กระทรวงความร่วมมือด้านการพัฒนา                          Christian Friis Bach
กระทรวงวัฒนธรรม                                      Uffe Elbaek

๑.๕.๒ การเมือง

เดนมาร์กจัดว่าเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีระบบตลาดแรงงานที่ยืดหยุ่น ในภาวะเศรษฐกิจที่กำลังตึงเครียดในปัจจุบัน เดนมาร์กเป็นเพียงหนึ่งใน ๖ ประเทศสหภาพยุโรปที่ไม่ได้ใช้เงินสกุลยูโร และรัฐบาลภายใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ นาง Helle ThroningSchmidt ยังไม่ตัดสินใจในการเข้าร่วมใช้เงินสกุลยูโรในขณะนี้ แต่เฝ้าติดตามวิกฤติหนี้สาธารณะยุโรปอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเจรจาต่อรองข้อตกลงทางการเงินระหว่างประเทศกับกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร ๑๗ ประเทศ ซึ่งรัฐบาลเดนมาร์กจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจะมีนโยบายและแนวทางการช่วยเหลือหรือเข้าร่วมกับสหภาพยุโรปอย่างไร

๑.๖ ประชากร สังคมและวัฒนธรรม

ในปีพ.ศ. ๒๕๕๓ เดนมาร์กมีประชากรราว ๕.๕๖ ล้านคน จัดเป็นอันดับที่ ๑๑๐ ของโลก ประกอบด้วย ชาวเดนิช และกลุ่มชาวสแกนดิเนเวีย ร้อยละ ๙๐.๑ และที่เหลืออีกร้อยละ ๙.๙ ได้แก่ เยอรมนี ตุรกี ชนชาติอาหรับ เช่น ชาวอิหร่าน โซมาลี และชาวเอเชีย เช่น อินเดีย ไทย จีน คาดว่ามีคนไทยประมาณ ๑๐,๐๐๐ คนประชากรส่วนใหญ่ร้อยละ ๙๗ นับถือศาสนาคริสต์ นิกาย Evangelical Lutheran

โครงสร้างประชากร แยกตามกลุ่มอายุได้ ดังนี้ กลุ่มอายุ ๐ - ๑๔ มีสัดส่วนร้อยล ๑๗.๖ กลุ่มอายุ ๑๕ - ๖๔ มีสัดส่วนร้อยละ ๖๕.๓ และกลุ่มคนอายุมากกว่า ๖๕ มีสัดส่วนร้อยละ ๑๗.๑ และอัตราการขยายตัวเพิ่มขึนของประชากรค่อนข้างต่ำ เพียงร้อยละ ๐.๒๕ อัตราการเกิดเพียง ๑๐.๒๙ ต่อประชากร หนึ่งพันคน ระยะเวลาการดำรงชีพ (life expectancy) ถัวเฉลี่ยอายุของสตรีและบุรุษในเดนมาร์กค่อนข้างจะสูง คือ ๗๘ ปี และ ๗๒ ปี ตามลำดับ อัตราอายุเฉลี่ยของประชากร (median age) เท่ากับ ๔๐.๙ ปี จัดเป็นสังคมประชากรสูงวัย (aging society) ประชากรชายหญิงมีสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมกัน เดนมาร์กเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีสตรีประกอบอาชีพในจำนวนที่สูงมาก กล่าวคือ ในอัตราส่วน ๙ :๑๐ ต่อแรงงานชาย ซึ่งการมีงานทำของสตรีชาวเดนมาร์กก่อให้เกิดความรู้สึกที่ภาคภูมิใจและความเป็นอิสระในทางการเมือง สตรีชาวเดนมาร์กยังได้รับสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้มาตั้งแต่ปี ๒๔๕๘ (ค.ศ.๑๙๑๕) และในทางเศรษฐกิจ สตรีชาวเดนมาร์กได้รับค่าจ้างเท่าเทียมบุรุษตามกฎหมายเดนมาร์ก

เดนมาร์กเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบรัฐสังคมสวัสดิการที่ดีมาก มีการกระจายรายได้ที่ค่อนข้างเสมอภาคกัน ประชากรประมาณร้อยละ ๗๐ มีรายได้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๘๐ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมรายได้ประชาชาติ และประชากรร้อยละ ๑.๙ ที่มีรายได้ต่ำสุดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑๐ ของรายได้ประชาชาติ ส่วนประชากรอีกร้อยละ ๒๘.๗ รายได้สูงสุดของรายได้ประชาชาติ ประมาณร้อยละ ๑๐ อัตราประชากรที่รู้หนังสือสูงถึงร้อยละ ๙๙ โดยใช้ระบบภาษีเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระจายรายได้ อัตราประชากรที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนคิดเป็นร้อยละ ๑๒ (ปี ๒๕๕๐)

๑.๗ ภาษา

ภาษาราชการ คือ ภาษาเดนิช (Danish) ประชากรส่วนใหญ่เข้าใจภาษาอังกฤษ และใช้ภาษาอังกฤษกันทั่วไปจนสามารถนับเป็นภาษาที่สองได้ นอกจากนี้ ยังมีการใช้ภาษาชาวเกาะฟาโรส์ เกาะกรีนแลนด์ เยอรมัน สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์บ้าง

๑.๘ สกุลเงิน

ถึงแม้ว่าเดนมาร์กเป็นสมาชิกภาพยุโรป แต่เดนมาร์กยังคงใช้เงินสกุลตนเองคือ คือเดนิชโครน (Danish Krone - DKK) ที่ ๑ ยูโร ประมาณเท่ากับ ๗.๔ เดนิชโครน สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท ๑ DKK เท่ากับ ๕.๕๒ บาท (ณ วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔) ๑.๙ เวลา

เวลามาตรฐานของเดนมาร์กคือ UTC/GMT + ๑ ชั่วโมง ซึ่งช้ากว่าเวลาในประเทศไทย ๕ ชั่วโมงในฤดูร้อน และ ๖ ชั่วโมงในฤดูหนาว

๑.๑๐ วันหยุดนักขัตฤกษ์

(๑) วันหยุดทางศาสนาคริสต์ ได้แก่

  • Maundy Thursday หรือ Holy Thursday
  • เทศกาลอีสเตอร์
  • General Prayer Day
  • Whit Monday
  • Chirst 's Mas Eve
  • Boxing Day

(๒) วันหยุดประจำชาติ

  • ๑๖ เมษายน เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอ ที่ ๒ แห่งเดนมาร์ก (Her Majesty Queen Margrethe II)
  • ๙ เมษายน วันที่ระลึกการทำสงครามกับเยอรมนีและถูกยึดครอง
  • ๕ พฤษภาคม วันเสรีภาพของเดนมาร์ก
  • ๕ มิถุนายน วันรัฐธรรมนูญ

๑.๑๑ เส้นทางคมนาคม

เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีระบบเส้นทางคมนาคมภายในประเทศ ทั้งทางรถยนต์ รถไฟ ทางเรือ และทางอากาศ ที่ใช้ติดต่อเดินทางทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศที่มีการเชื่อมโยงติดต่อถึงกันไปทั่วยุโรปที่สะดวกดีมาก และทำเลที่ตั้งของเดนมาร์กช่วยเอื้ออำนวยต่อการเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าต่อไปยังกลุ่มประเทศนอร์ดิก และสามารถเป็นประตูไปสู่กลุ่มประเทศบอลติกได้

เดนมาร์กมีสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรปเหนือ และมีสะพาน Oresund Bridge เชื่อมระหว่างกรุงโคเปนเฮเกน เกาะ Zealand ของเดนมาร์กกับเมือง Malmo ทางตอนใต้ของสวีเดน ซึ่งได้เปิดใช้เมื่อเดือนกรกฎาคมปี ๒๕๔๓ จึงทำให้เดนมาร์กมีบทบาทในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าในภูมิภาคยุโรปเหนือ

๑.๑๒ ระบบการเงินการธนาคาร

เดนมาร์กมีข้อได้เปรียบด้านระบบการเงินการธนาคาร โครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านระบบสาธารณูปโภค การคมนาคมขนส่ง ระบบเทคโนโลยี่สารสนเทศ ตลาดทุน รัฐบาลไม่มีข้อกีดกันการลงทุนต่างชาติ บริษัทต่างชาติได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกันกับบริษัทเดนมาร์ก โดยล่าสุด 2011 Index of Economy Freedom ได้ให้คะแนนระบบการเงินการธนาคารที่ ๙๐ คะแนน ซึ่งหมายถึงเดนมาร์กมีอิสระในระบบการเงินการธนาคาร โดยที่รัฐบาลเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องน้อยที่สุด

ระบบการเงินของเดนมาร์กมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าธนาคารใหญ่ที่สุด ๒ แห่งคิดเป็นร้อยละ ๗๕ ของสินทรัพย์ทั้งหมด ธนาคารทั้งหมดในเดนมาร์กไม่ได้เป็นของภาครัฐ และธนาคารกลางมีความเป็นอิสระ การกำกับดูแลและการควบคุมขึ้นอยู่กับกฎหมายของสหภาพยุโรป ตลาดหลักทรัพย์ได้รับการพัฒนาสูงและมีตลาดตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากผลกระทบจากเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ธนาคารขนาดกลางและขนาดย่อมหลายแห่งต้องปิดตัวลง จากเหตุการณ์นี้ และรัฐบาลได้ออกมาตรการโครงการร่วมมือกัน (Joint financing program)ระหว่างธนาคารรัฐและธนาคารพาณิชย์ที่รัฐสภาผ่านกฎหมายที่เรียกสำหรับโปรแกรมการจัดหาเงินทุนโดยธนาคารเอกชนและรัฐบาล เพื่อให้เกิดการยืดหยุ่นในวิกฤตินี้

๑.๑๓ ศูนย์กลางการค้าและเศรษฐกิจของเดนมาร์ก ที่สำคัญ ๒ เมือง

กรุงโคเปนเฮเกน เป็นเมืองหลวง และเป็นศูนย์รวมเศรษฐกิจการเงิน การคลัง การค้า การลงทุน ขนส่ง รวมทั้งระบบราชการ สังคม การเมือง ตั้งอยู่บนเกาะ Zealand ซึ่งเป็นเกาะที่เป็นศูนย์กลางและสำคัญที่สุดของเดนมาร์ก มีประชากรอาศัยอยู่ราว ๑.๕ ล้านคน หรือประมาณหนึ่งในสี่ของประเทศ ประชากรชาวโคเปนเฮเกนมีลักษณะใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ จึงนิยมสินค้าเพื่อสุขภาพร่างกาย เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ประชาชนนิยมใช้รถจักรยานแทนรถยนต์มากที่สุดในยุโรป

เมืองออฮุส เป็นเมืองใหญ่อันดับ ๒ ของเดนมาร์ก ตั้งอยู่บนเกาะ Jutlands มีประชากรราว ๑.๒ ล้านคน เป็นเมืองสำคัญด้านการค้า อุตสาหกรรม และเมืองท่า วางเป้าหมายเป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป (European Capital of Culture) ในปี ๒๕๖๐ มีสนามบินนานาชาติ ๒ แห่งรองรับเส้นทางต่างชาติกว่า ๓๕ เส้นทาง เป็นเมืองเส้นทางทางการคมนาคมขนส่งที่สำคัญของเดนมาร์ก มีท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าทางเรือถึง ๒ ใน ๓ ของการขนส่งทางเรือในเดนมาร์ก มีบริษัทเดนมาร์กและต่างชาติเข้ามาตั้งสำนักงานที่เมืองออร์ฮุสมากมาย เช่น Google, Bang & Olufsen, Vestas, Danisco, Arla Foods, JYSK และ BESTSELLER เป็นต้น อีกทั้งเป็นเมืองสำคัญทางการศึกษา มีสถาบันการศึกษาที่สำคัญของเดนมาร์กตั้งอยู่ที่เมืองนี้ เช่น Aarhus University, Business Academy Aarhus และ Aarhus Business College เป็นต้น อุตสาหกรรมที่โดดเด่นในเมืองออร์ฮุส ได้แก่

I.อุตสาหกรรมพลังงาน

เมืองออร์ฮุสเป็นศูนย์กลางทางอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของเดนมาร์ก เช่น บริษัทพลังงานลม Vestas และ Siemens Wind Power จากเยอรมันมาตั้งสำนักงานใหญ่ที่นี่ อีกทั้งเมืองออร์ฮุสเป็นแหล่งผลิตพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก จนมีการขนานนามเมืองออร์ฮุสว่า World's Capital of Wind Energy และเมืองออร์ฮุสมีสถาบันการศึกษาในเมืองออร์ฮุสผลิตบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมนี้ เช่น The Aarhus University -Aarhus Faculty of Science & Technology, The Engineering College of Aarhus และ Aarhus School of Architecture เป็นต้น

II.อุตสาหกรรมอาหาร

ผลิตภัณฑ์อาหารส่งออกของเดนมาร์กกว่าร้อยละ ๖๐ มาจากเมืองออร์ฮุส มีศูนย์วิจัยและพัฒนาทางด้านอาหารมากมายในเมืองนี้ เช่น Arla Foods และ Agro Food Park (ศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรมและการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านอุตสาหกรรมอาหารแหล่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเดนมาร์ก) เป็นต้น

III.สถาปัตยกรรมและการออกแบบ

บริษัทสถาปัตยกรรมกว่า ๓๓๐ บริษัทตั้งอยู่ในเมืองออร์ฮุส และกว่า ๒๑๕ บริษัทเป็นบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม และมีบริษัททางด้านการออกแบบกว่า ๕๐๐ บริษัทรองรับการออกแบบในแขนงต่างๆ เช่น การออกแบบอุตสาหกรรม การออกแบบผลิตภัณฑ์ การสื่อสาร กราฟฟิก และการออกแบบตกแต่งภายใน เป็นต้น ซึ่งบริษัทเหล่านี้เป็นตัวขับเคลื่อนการส่งออกงานบริการการออกแบบกว่าร้อยละ ๕๕ ของการส่งออกการออกแบบทั้งหมดของเดนมาร์ก สำนักงานใหญ่บริษัท LEGO ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองนี้

๒. เศรษฐกิจการค้า

๒.๑ ภาวะเศรษฐกิจ

เดนมาร์กมีระบบเศรษฐกิจเปิดแบบเสรีนิยมและกฎระเบียบส่วนใหญ่อิงกฎระเบียบของสหภาพยุโรปเป็นหลัก จัดเป็นหนึ่งในเมืองที่มีระดับความเป็นอยู่สูงที่สุดในโลก มีระดับการกระจายรายได้ที่เท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นผลมาจากระบบสวัสดิการของภาครัฐบาลและระบบการจัดเก็บภาษี เดนมาร์กได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกทำให้ประสบปัญหาเศรษฐกิจในช่วงปี ๒๕๕๑ เกิดปัญหาราคาบ้านที่อยู่อาศัย และปัญหาภาคการเงินในประเทศ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่แท้จริงลดลง อยู่ที่ร้อยละ ๔.๗ ในปี ๒๕๕๒ และอัตราการฟื้นตัวเป็นไปอย่างเชื่องช้า ในปี ๒๕๕๓ อัตราการเจริญเติบโตที่แท้จริงอยู่ที่ร้อยละ๒ ความต้องการสินค้าและบริการภายในประเทศอ่อนตัว แต่ค่อยๆฟื้นตัว ระดับการจ้างงานยังคงอยู่ในระดับที่สูง ในขณะที่ชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำ การเปลี่ยนแปลงภาษีถูกออกแบบให้เป็นสิ่งกระตุ้นการทำงาน

Economist Intelligence Unit คาดการณ์ว่าในปี ๒๕๕๔ เดนมาร์กจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ ๒ ในปี ๒๕๕๓ เป็นขยายตัวร้อยละ ๒.๓ ในปี ๒๕๕๔ แต่ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจและผู้บริโภคยังคงบอบบาง ตลาดแรงงานยังคงทรงตัว และยังคงจะไม่มีการปรับตัวขึ้น

๒.๒ เศรษฐกิจเดนมาร์กปัจจุบัน

เศรษฐกิจเดนมาร์กยังอยู่ในช่วงชะลอตัวอันเนื่องมาจากตลาดอหังสาริมทรัพย์ และเศรษฐกิจถดถอย (The Great Depression) การขยายตัวทางเศรษฐกิจตั้งแต่ปลายปี ๒๕๕๒ ไม่ได้ส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัมากนักน และในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๕๔ เศรษฐกิจเดนมาร์กมีการถดถอยทางเทคนิค การเจริญเติบโตของอุปสงค์ภายในประเทศยังคงเบาบาง และมีปัจจัยความไม่แน่นอนของแนวโน้มทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะของสหภาพยุโรป และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐ การเกิดปัญหาภัยร้ายแรงทางธรรมชาติและปัญหาการเดินขบวนในหลายประเทศ เป็นต้น จึงมีการคาดการณ์กันว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ จะเป็นเพียงประมาณร้อยละ ๑-๑.๒ แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ ๑.๕ ในปี ๒๕๕๖

เดนมาร์กจัดเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็ก เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม มีเทคโนโลยีสูง เดนมาร์กมีข้อได้เปรียบด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านระบบสาธารณูปโภค การคมนาคมขนส่ง ระบบเทคโนโลยี่สารสนเทศ ระบบการเงินการธนาคาร ตลาดทุน รัฐบาลไม่มีข้อกีดกันการลงทุนต่างชาติ บริษัทต่างชาติได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกันกับบริษัทเดนมาร์ก เดนมาร์กมีเสถียรภาพทางการเมือง ภาวะความมั่นคงทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากนาง Helle Throning-Schimdt หัวหน้าพรรค Social Democrats ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2554

เดนมาร์กถือว่าเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรป และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรปแล้ว เดนมาร์กยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี โดยที่อัตราการเจริญเติบโตที่แท้จริงในปี ๒๕๕๔ คาดว่าอยู่ที่ร้อยละ ๑.๒เพิ่มขึ้นจาก ๓๐๙.๙ พันล้านเหรียญสหรัฐในปี ๒๕๕๓ เป็น ๓๔๔.๙ พันล้านเหรียญสหรัฐในปี ๒๕๕๔ หนี้สาธารณะในปี ๒๕๕๔ คาดว่าอยู่ที่ร้อยละ ๔๖.๖ ของจีดีพี การขาดดุลรัฐบาลคาดว่าอยู่ที่ร้อยละ ๓.๙ ในปี 2554 เงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ ๗๖.๕ ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 จากนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ คาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงอยู่ที่ร้อยละ 1.6 อัตราเงินเฟ้อปี ๒๕๕๔ คาดว่าอยู่ที่ร้อยละ ๒.๘

๒.๓ เครื่องชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญ

ตารางด้านล่างแสดงถึงข้อมูลเศรษฐกิจเบื้องต้นประเทศเดนมาร์ก

ตาราง ๑ : ข้อมูลเศรษฐกิจเบื้องต้นประเทศเดนมาร์ก

ปี ๒๕๕๓ ปี ๒๕๕๔

GDP (current prices) (US$bn)                                   ๓๐๔.๖       ๓๑๓.๙
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (ราคาตลาดในปีที่วัดค่า)
หน่วย: พันล้านเหรียญสหรัฐ
GDP PPP (US$bn )ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ  ความเท่าเทียมกันของ         ๒๐๓.๒       ๒๑๐.๖
อำนาจซื้อ หน่วย: พันล้านเหรียญสหรัฐ
GDP per capita (US$)                                          ๕๕,๑๑๓      ๕๖,๖๕๒
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ต่อหัวประชากร  หน่วย: ดอลล่าห์สหรัฐ
GDP per capita (US$)                                          ๓๖,๗๖๔      ๓๘.๐๐๐
รายได้ประชาชาติเฉลี่ยประชากร (ความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ)
หน่วย: เหรียญสหรัฐ
Real GDP growth (% change yoy)                                   ๒.๐        ๒.๓
การเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่แท้จริง (ร้อยละการเปลี่ยนแปลงปีต่อปี)
Current account balance (US$m)                                ๑๐,๔๒๑      ๙,๕๑๒
ดุลบัญชีเดินสะพัด
หน่วย: ล้านเหรียญสหรัฐ
Current account balance (% GDP)                                  ๓.๔        ๖.๐
ดุลบัญชีเดินสะพัด
(ร้อยละของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ)
(ร้อยละของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ)
Goods & services exports (% GDP)                                ๕๑.๘            ๕๔.๖
การส่งออกสินค้า และบริการ
(ร้อยละของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ)
Inflation (% change yoy)                                         ๒.๐             ๒.๐
ระดับอัตราเงินเฟ้อ
(ร้อยละการเปลี่ยนแปลงปีต่อปี)
อัตราการว่างงาน (%)                                                ๔.๒
การลงทุนสุทธิคิดเป็นสัดส่วนของ GDP (%)                                 ๑๗.๕
งบประมาณ (พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
-รายได้                                                         ๑๖๐.๓
-รายจ่าย                                                        ๑๗๕.๙
ขาดดุล (ประมาณการ)                                              (๑๕.๖)
หนี้สาธารณะ (คิดเป็นร้อยละของ GDP)                                   ๔๖.๖
อัตราส่วนลดธนาคารกลาง (ร้อยละ)                                     ๑.๗๕
ที่มา IMF/EIU (2011)

๒.๔ อัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อของเดนมาร์ก

อัตราดอกเบี้ยในปี ๒๕๕๔ อยู่ต่ำที่ระดับร้อยละ ๑.๑ คาดว่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยในปีหน้าอยู่ที่ร้อยละ ๑.๐ และกลับอยู่จุดเดิมในปี ๒๕๕๖ แต่คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้นสูงในปี ๒๕๕๗ ที่ ๑.๖ และสูงสุดที่ปี ๒๕๕๙ ที่ระดับ ๒.๖

อัตราเงินเฟ้อในเดนมาร์กถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำ โดยอยู่ระดับที่ร้อยละ ๒.๐ และคาดว่าจะปรับตัวเล็กน้อยอยู่ร้อยละ ๒.๑ - ๒.๓ จนถึงปี ๒๕๕๙ และในฐานะที่เดนมาร์กมีส่วนร่วมในนโยบายเกษตรของสหภาพยุโรป รัฐบาลได้อุดหนุนผลผลิตทางการเกษตร และเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าเกษตรกรรม โดยเฉพาะการใช้ยา และอัตรการเช่าถูกกำหนดด้วยกฏหมาย 2011 Index of Economic Freedom ให้คะแนนเดนมาร์กที่ ๘๑.๔ ในปี ๒๕๕๔

๒.๕ นโยบายทางเศรษฐกิจการค้า

เดนมาร์กเป็นประเทศเสรีนิยม มีระบบรัฐสวัสดิการที่เข้มแข็ง และเป้าหมายที่สำคัญ คือ การทำให้เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีอัตราการจ้างงานที่สูง การพัฒนาปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพและความมั่นคง การส่งเสริมระบบรัฐสวัสดิการเพื่อความมั่นคงของประชาชนและความปลอดภัยทางสังคม รวมทั้งการจัดสรรเงินสนับสนุนจากรัฐบาลให้กับประชาชนอย่างมีเหตุผล โดยเดนมาร์กและเยอรมนีมีระดับการจ้างแรงงานที่อยู่ในวัยทำงานในภาคอุตสาหกรรมที่สูงที่สุดร้อยละ ๑๔.๖ เมื่อเปรียบเทียบกับสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ โดยเฉลี่ยร้อยละ ๑๒.๒ และสหรัฐฯ ร้อยละ ๑๑.๘

ในอดีตเศรษฐกิจของเดนมาร์กขึ้นอยู่กับภาคเกษตรกรรม จนกระทั่งในช่วงตั้งแต่ปี ๒๕๐๓ เป็นต้นมา เดนมาร์กได้พบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเลเหนือ ซึ่งมาช่วยส่งเสริมให้การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมให้มีความเข้มแข็งและเจริญก้าวหน้ามากขึ้นไปอีก จนทำให้เดนมาร์กกลายเป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมการเกษตรที่ก้าวหน้าในระดับต้นของโลก ผลจากการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้ระบบเศรษฐกิจเสรีนิยม และระบบรัฐสวัสดิการที่ดี ทั้งด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล ระบบบำเหน็จบำนาญ การคุ้มครองแรงงาน การประกันราคาสินค้าเกษตร ฯลฯ และระบบจัดเก็บภาษีในอัตราสูงมาก ทำให้ชาวเดนมาร์กมีรายได้ประชากรอันดับต้นๆของโลก และมีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดี ในขณะเดียวกันต้นทุนการผลิต ได้แก่ ค่าแรง ที่ดิน ค่าเช่า ก็สูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้สภาวะเศรษฐกิจของเดนมาร์กต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบเพื่ออุตสาหกรรมจากต่างประเทศ หรือย้ายฐานการผลิตไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อลดต้นทุนสินค้าลง

ภาคเศรษฐกิจของเดนมาร์กประกอบด้วย ๓ ภาคที่สำคัญ ได้แก่

ก) ภาคเกษตรกรรมและการประมง ซึ่งได้พัฒนามาเป็นภาคเกษตรกรรมแบบใช้เทคโนโลยี่สมัยใหม่ (ใช้แรงงานเพียงร้อยละ ๔ ของประชากรทั้งหมด) ผลผลิตที่สำคัญ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี มันสำปะหลัง น้ำตาล สุกร ผลิตภัณฑ์จากนม และ ปลา

ข) ภาคบริการ ซึ่งเป็นของภาครัฐ ร้อยละ ๓๑ และภาคธุรกิจร้อยละ ๔๑

ค) ภาคอุตสาหกรรมและก่อสร้าง (คิดเป็นร้อยละ ๒๔ ของประชากรทั้งหมด)

อุตสาหกรรมที่สำคัญของเดนมาร์ก แยกได้ดังนี้

  • อุตสาหกรรมสินค้าอาหาร (Food industry) นับเป็นภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก คือ โดยมีสินค้าที่ส่งออกสำคัญ ได้แก่ เนื้อสุกร ไก่ วัว ผลิตภัณฑ์ประเภทนม เนย (Dairy products) เบียร์ สินค้าประมง
  • อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกในการผลิตสินค้าเกษตร รวมทั้งการขนส่งสินค้าที่เน่าเสียง่าย ได้แก่ ตู้แช่แข็ง/แช่เย็นในรถบรรทุก/เรือ
  • อุตสาหกรรมเคมี (Chemical industry) เพื่อป้องกันแมลง และโรคพืช
  • อุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้แก่ ขนมิ้งค์ (Mink) เสื้อผ้า
  • อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์
  • อุตสาหกรรมเภสัชกรรม (Pharmaceutical industry) ได้แก่ อินซูลิน (insulin) โดยเดนมาร์กเป็นประเทศผู้นำประเทศหนึ่งในโลกที่ผลิตอินซูลินส่งออกไปจำหน่ายในตลาดโลก
  • อุตสาหกรรมการก่อสร้าง และเฟอร์นิเจอร์ (เดนมาร์ก มีความเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องของการออกแบบและคุณภาพ) กังหันลมที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า (เดนมาร์กเป็นประเทศผู้นำประเทศหนึ่งที่ส่งออกกังหันลมดังกล่าว)
  • อุตสาหกรรม Software อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Industry) เครื่องมือสื่อสารโทรคมนาคม และ
  • อุตสาหกรรมการต่อเรือ (Shipbuilding)
  • อุตสาหกรรมพลังงานทางเลือก โยเฉพาะพลังงานลม

ธุรกิจ/อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของเดนมาร์กจะมีขนาดกลาง (Medium-sized industry) โดยธุรกิจ/อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สำคัญของเดนมาร์ก และธุรกิจที่มีการลงทุนในต่างประเทศ เช่น กลุ่มบริษัท A.P. Moller ซึ่งมีบริษัทเดินเรือ Maersk Line รวมอยู่ด้วย บริษัท Danfoss (Refrigeration technology) บริษัท Grundfos (ผลิต Pumps) บริษัท Novo Nordisk (Pharmaceuticals) บริษัท Ventas (กังหันลม) เบียร์ Carlsberg และ Tuborg และรองเท้า Ecco เป็นต้น นอกจากนี้ เดนมาร์กมีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเลเหนือซึ่งมีปริมาณมากพอที่นำไปใช้ภายในประเทศ รวมทั้งสามารถส่งออกไปยังตลาดโลกได้นับตั้งแต่ปี ๒๕๓๔ เป็นต้นมา

ปี ๒๕๕๔ การดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทำให้การขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น เช่น การประชาสัมพันธ์การใช้พลังงานทดแทน (renewable energy) ทดแทนเชื้อเพลิงที่ได้จากฟอสซิล การปฏิรูปตลาดแรงงาน การเสนอมาตรการเพื่อเป็นการเพิ่มแรงจูงใจในการทำงาน และเป็นค่าใช้จ่ายสำคัญของงบประมาณรวมในระยะกลาง อีกทั้ง รัฐสภาได้มีมติอนุมัติเบี้ยบำนาญการว่างงาน จาก ๔ ปี เหลือเพียง ๒ ปี ในกลางปี ๒๕๕๕ นอกจากนี้รัฐบาลยังได้เสนอให้มีการปฏิรูปเงินบำนาญผู้พิการ การเลื่อนการเกษียณอายุก่อนกำหนด (early retirement) จากเดิมอายุ ๖๐ ปี เป็น ๖๒ ปี และเลื่อนการเกษียณอายุ (Normal Retirement ) จากอายุ ๖๕ ปี เป็น ๖๗ ปี โดยเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ แต่ฝ่ายค้านได้คัดค้านต่อนโยบายนี้ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านได้พิจารณาการปฏิรูปด้านอื่นๆ เพื่อเพิ่มการจ้างงาน เช่น การเจรจาเพื่อเพิ่มวันทำงาน เป็นต้น

จากผลกระทบจากภาวะวิกฤติการเงินโลกในปี ๒๕๕๑ และการลดการบริโภคภายในประเทศ ทำให้รัฐบาลเดนมาร์กต้องเข้ามาช่วยเหลือธนาคารของเดนมาร์กตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ รวมไปถึงการประกันเงินฝากและหนี้ธนาคาร และการเพิ่มทุน และเมื่อสิ้นปี ๒๕๕๓ เดนมาร์กได้มีการออกหุ้นเพื่อประกันหนี้มีมูลค่าสูงถึง ๓๔.๕ พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณร้อยละ ๑๑ ของจีดีพี ซึ่งธนาคารขนาดกลาง และขนาดใหญ่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายนี้ การโอนเงินกู้ยืมเงินทุนระหว่างธนาคารทำให้ธนาคารเหล่านี้รอดพ้นจากความเสี่ยงในตลาด ถึงแม้ว่าธนาคารขนาดเล็กของเดนมาร์กยังคงต้องประสบปัญหาในตลาด มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๑ จนทำให้ Finansiel Stabilitet (บริษัทการบริหารธนาคารของภาครัฐ)ได้เข้าควบคุมกิจการถึง ๘ ธนาคาร และอาจจะต้องขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐบาลในเรื่องเงินทุนในช่วงนี้

๒.๖ การค้าระหว่างประเทศของเดนมาร์กกับทั่วโลก

ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ (มกราคม-ธันวาคม) การค้าระหว่างประเทศของเดนมาร์กมีมูลค่า ๑๘๒.๔๕๕ พันล้านเหรียญสหรัฐ แยกเป็น เดนมาร์กส่งออกรวมมูลค่า ๙๗.๖๔๘ พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๓.๙๒ และนำเข้ารวมมูลค่า ๘๔.๘๐๗ พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ ๒.๗๒ เดนมาร์กได้เปรียบดุลการค้ารวม ๑๒.๘๔๑ พันล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับในรอบ ๘ เดือนแรกของปี ๒๕๕๔ (มกราคม-สิงหาคม) การค้าระหว่างประเทศของเดนมาร์กมีมูลค่า ๑๔๑.๓๖ พันล้านเหรียญสหรัฐ แยกเป็นส่งออกรวมมูลค่า ๗๖ พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๒๑.๖๗ และนำเข้ารวมมูลค่า ๖๕ พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๒๐.๕๑ เดนมาร์กได้เปรียบดุลการค้ารวมประมาณ ๑๑ พันล้านเหรียญสหรัฐ

สินค้าส่งออกสำคัญได้แก่ เครื่องจักรกล น้ำมันและพลังงานธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้า เนื้อสัตว์ เครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์ เฟอร์นิเจอร์ เหล็กและเหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ ปลาและอาหารทะเล และยานพาหนะ และกังกันลม โดยมี ตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ เยอรมนี (คิดเป็นร้อยละ ๑๕.๙๓ ของยอดส่งออกทั้งหมด) สวีเดน (ร้อยละ ๑๒.๘๗) สหราชอาณาจักร (ร้อยละ ๙.๔๓) สหรัฐฯ (ร้อยละ ๕.๘๘) และ นอร์เวย์ (ร้อยละ ๕.๗๒)

สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกล น้ำมันและทรัพยากรธรรมชาติ เครื่องจักรไฟฟ้า ยานพาหนะ และพลาสติก แหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เยอรมนี (คิดเป็นร้อยละ ๒๐.๑๐ ของยอดการนำเข้าทั้งหมด) สวีเดน (ร้อยละ ๑๓.๒๙) เนเธอร์แลนด์ (ร้อยละ ๖.๘๕) จีน (ร้อยละ ๖.๗๑) และ สหราชอาณาจักร (ร้อยละ ๖.๕๓)

เดนมาร์กทำการค้าระหว่างประเทศกับสมาชิกสหภาพยุโรปมากถึง ๒ ใน ๓ ของการค้าระหว่างประเทศทั้งหมด โดยคู่ค้าที่สำคัญของเดนมาร์กในยุโรปเรียงตามลำดับ ได้แก่ เยอรมนี สวีเดน อังกฤษ นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และอิตาลี ส่วนประเทศคู่ค้าที่อยู่นอกภูมิภาคยุโรป ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และเอเซีย

๒.๗ การค้ากับประเทศไทย

ประเทศไทยและเดนมาร์กเริ่มมีการติดต่อค้าขายกันมาช้านาน นับแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี ๒๑๖๔ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม โดยเรือสินค้าเดนมาร์กได้เดินทางมาถึงเมืองตะนาวศรีและเมื่อไทยได้สั่งซื้อปืนใหญ่จาก Danish Royal Asiatic Company ต่อมาชาวเดนมาร์กได้รับอนุญาตให้เข้ามาค้าขายในราชอาณาจักร หลักฐานการติดต่อระหว่างไทยกับเดนมาร์กปรากฏอีกครั้งเมื่อปี ๒๓๑๓ ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไทยและเดนมาร์ก ได้ลงนามร่วมกันในสนธิสัญญาว่าด้วยมิตรภาพ การค้า และการเดินเรือ (Treaty of Friendship, Commerce and Navigation) เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๐๑ และก็ได้ทำการติดต่อค้าขายสืบเนื่องกันมา

ในปี ๒๕๕๓ การค้าระหว่างประเทศไทยกับเดนมาร์กมีมูลค่ารวม ๙๕๓.๓๙ ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๒ ที่มีมูลค่า ๗๒๑.๐๓ ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๒.๐๙ โดยแยกเป็น การส่งออกจากไทยไปยังเดนมาร์กมูลค่า ๗๒๓.๐๒ ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นการนำเข้าจากเดนมาร์กมูลค่า ๒๒๙.๓๗ ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับปี ๒๕๕๒ การส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๙.๓๖ การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๔๓ ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ารวมทั้งสิ้น ๔๙๓.๖๔ ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับปี ๒๕๕๒ ที่ไทยได้เปรียบดุลการค้า ๓๑๖.๖๑ ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับเดนมาร์ก เป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ ๔๒ ของไทยและเป็นตลาดส่งออกสำคัญลำดับที่ ๓๙ คิดเป็นร้อยละ ๐.๓๗ ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย

ตาราง: การค้าระหว่างประเทศไทย-เดนมาร์ก (ม.ค.-ต.ค. ๒๕๕๔)

   มูลค่า      ม.ค. - ธ.ค.      ม.ค. - ต.ค.     ม.ค. - ต.ค.        % เพิ่ม/ลด
               ปี ๒๕๕๓           ปี ๒๕๕๓          ปี ๒๕๕๔         ปี ๒๕๕๔ ม.ค. - ต.ค.
 การค้ารวม      ๙๕๒.๓๙           ๗๔๑.๑๑         _๘๖๓.๐๓             +๑๖.๔๕
การส่งออก       ๗๒๓.๐๒           ๕๖๒.๐๖          ๖๖๓.๐๕             +๑๗.๙๗
 การนาเข้า      ๒๒๙.๓๗           ๑๗๙.๐๕          ๑๙๙.๙๘             +๑๑.๖๙
 ดุลการค้า       ๔๙๓.๖๕           ๓๘๓.๐๒          ๔๖๓.๐๗             +๒๐.๙๐
หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ในรอบ ๑๐ เดือนแรกของปี ๒๕๕๔ (ม.ค.-ต.ค.) การค้าระหว่างประเทศไทยกับเดนมาร์ก มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น ๘๖๓.๐๓ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๓ ที่มีมูลค่า ๗๔๑.๑๑ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖.๔๕ โดยแยกเป็นการส่งออกจากไทยไปยังเดนมาร์กปี ๒๕๕๔ (ม.ค.-ต.ค.) ๖๖๓.๐๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับในช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๓ ที่ส่งออกมูลค่า ๕๖๒.๐๖ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๗.๙๗ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญลำดับที่ ๓๙ ของไทย (สวีเดนลำดับที่ ๔๕, ฟินแลนด์ลำดับที่ ๕๐, นอร์เวย์ลำดับที่ ๗๐, และไอซ์แลนด์ลำดับที่ ๑๖๙)

สำหรับการนำเข้าจากเดนมาร์ก ปี ๒๕๕๔ (ม.ค-ต.ค) มูลค่า ๑๙๙.๙๘ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๓ ที่นำเข้ามูลค่า ๑๗๙.๐๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑.๖๙ ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าปี ๒๕๕๔ (ม.ค.-ต.ค) รวมทั้งสิ้นมูลค่า ๔๖๓.๐๗ ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับปี ๒๕๕๓ ที่ไทยได้เปรียบดุลการค้า ๓๘๓.๐๒ ล้านเหรียญสหรัฐฯ

สินค้าส่งออกของไทยที่มีศักยภาพ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน แผงสวิทช์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า หนังสือและสิ่งพิมพ์ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ไก่แปรรูป แผงวงจรไฟฟ้า ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารในครัวและบ้านเรือน ผลิตภัณฑ์พลาสติก วงจรพิมพ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องวิดีโอ เครื่องเสียง อุปกรณ์และส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ รถจักรยานและส่วนประกอบ และผ้าแบบสำหรับตัดเสื้อและผ้าที่จัดทำแล้ว

สินค้าที่ไทยนำเข้าจากเดนมาร์กที่สำคัญในรอบ ๑๐ เดือนแรกของปี ๒๕๕๔ (ม.ค.-ต.ค.) ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและสัชกรรม เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นต้น

๒.๘ กฎระเบียบการนำเข้าสินค้า

๒.๘.๑ มาตรการทางภาษี

กฎระเบียบเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของเดนมาร์กเป็นไปตามระบบการจำแนกพิกัดและการประเมินราคาของอียู (EU Rule) ปกติสินค้าที่ผลิตและนำเข้าจากนอกประเทศอียูจะต้องชำระภาษีศุลกากรก่อนนำเข้า สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมอัตราภาษีศุลกากร (Custom duties) อัตราปกติจะอยู่ระหว่างร้อยละ ๕-๑๔ ส่วนอัตราภาษีที่ลดลง(Reduced) และกรณียกเว้นไม่จัดเก็บ (No duties at all) จะใช้กับสินค้าบางประเภทที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศซึ่งทางอียูได้มีข้อตกลงพิเศษระหว่างกัน หรือภายใต้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ที่อียูให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา หรือประเทศที่มีข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกัน

นอกเหนือจากการเก็บอัตราภาษีศุลกากรในอัตราเดียวกับสหภาพยุโรปแล้ว ยังมีสินค้าบางรายการที่แต่ละประเทศในสหภาพยุโรปสามารถกำหนดอัตราพิเศษที่แตกต่างจากอัตราภาษีศุลกากรของอียูได้ เรียกว่า Specific national Duties ซึ่งเดนมาร์กมีการจัดเก็บภาษี Specific national Duties สำหรับสินค้าประเภทฟุ่มเฟือยจากผู้นำเข้าสินค้า ตัวอย่างอัตราที่จัดเก็บ อาทิ จัดเก็บ ๕ เดนิชโครนต่อกิโลกรัมสำหรับการนำเข้าชา จัดเก็บ ๒๒๙ เดนิชโครนต่อกิโลกรัมสำหรับการนำเข้า Chewing tobacco เป็นต้น สินค้าอื่นๆที่มีการจัดเก็บ Specific national Duties ได้แก่ ชอคโกแลต ผงโกโก้ น้ำตาลทำขนม ชะเอม หมากฝรั่ง สินค้าประเภทถั่วไอศกรีม น้ำอัดลม กาแฟ ชา บุหรี่ หลอดไฟ ฟิวส์ สินค้าประเภทถ่านหิน แก้วสำหรับภาชนะบรรจุ พลาสติก โลหะ (สำหรับเครื่องดื่ม) แบตเตอร์รี่แบบชาร์ต วัตถุดิบ เช่น ดิน ก้อนกรวด

อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

เดนมาร์กจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๒๕ สำหรับสินค้าที่วางขายในตลาดเดนมาร์กทุกประเภทโดยไม่คำนึงว่าสินค้าชนิดนั้นจะผลิตที่ประเทศใด และอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บเป็นอัตราที่สูงที่สุดในยุโรป

มาตรการเก็บภาษีไขมันในสินค้าอาหาร

เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ กระทรวงภาษีเดนมาร์ก (The Danish Ministry of Taxation) ได้กำหนดมาตรการเรียกเก็บภาษีไขมันในอาหาร ซึ่งนับเป็นประเทศแรกในโลกที่นำภาษีนี้มาบังคับใช้ ( First Fat Tax in the world) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำระบบภาษีมาใช้ในการปรับพฤติกรรมการบริโภคของประชากรชาวเดนมาร์กและคุ้มครองสุขภาพผู้บริโภค (Health related taxes)

เดนมาร์กนับได้ว่าเป็นประเทศที่มีความห่วงใยในสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (Health & Environment Concern) เป็นอย่างมาก ซึ่งในปี ๒๕๕๒ เดนมาร์กได้มีการปฎิรูปกฎหมายภาษีในลักษณะนี้มาแล้วมา โดยเก็บภาษีน้ำตาลเพื่อลดการบริโภคน้ำตาลของประชากรเดนมาร์ก ในสินค้าไอศกรีม เพิ่มขึ้น ๑ เดนิชโครนต่อลิตร ( ๑ เดนิชโครน เท่ากับประมาณ ๕.๕ บาท) ชอกโกแลต ขนมหวาน เพิ่มขึ้น ๔.๕ เดนิชโครน ต่อกิโลกรัม น้ำอัดลม ๐.๓๔ เดนิชโครนต่อลิตร บุหรี่ จำนวน ๓ เดนิชโครนต่อซอง ๒๐ มวน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ ซึ่งเป็นระดับภาษีที่สูงกว่าระดับเฉลี่ยของกลุ่มประเทศยุโรปด้วยกัน

ระเบียบการเก็บภาษีไขมันนี้กำหนดให้เก็บภาษีสินค้าที่ผลิตและนำเข้าและวางจำหน่ายในเดนมาร์ก ( ไม่รวมสินค้าที่ส่งออกจากเดนมาร์ก) ซึ่งมีส่วนประกอบของไขมันอิ่มตัว (Saturated Fat Tax)มากกว่าร้อยละ ๒.๓ อัตราภาษีดังกล่าวนี้จะแตกต่างกันไปตามปริมาณของไขมันอิ่มตัว ซึ่งโดยประมาณแล้วจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา ๑๖ เดนิชโครนเนอร์ (ประมาณ ๙๐ บาท) ต่อไขมันอิ่มตัวร้อยละ ๒.๓

ตัวอย่างประมาณการปรับขึ้นของราคาสินค้าที่ได้รับผลกระทบในเดนมาร์ก

สินค้าอาหาร    จำนวนไขมันอิ่มตัว    ราคา( เดิม)      ราคา( ใหม่)      ร้อยละของการ
              ต่อ ๑๐๐ กรัม       เดนิชโครน        เดนิชโครน       เปลี่ยนแปลง (%)
เนย ๒๕๐ กรัม     ๕๑.๘             ๑๕.๕             ๑๘.๑           ๑๖.๗
ชีส ๕๐๐ กรัม      ๑๖.๗            ๓๔.๔๐             ๓๖.๑            ๔.๙
น้ำมันพืช๑ลิตร       ๖.๔             ๙.๙๕            ๑๑.๐๓           ๑๐.๙
เนื้อหมู ๐.๕กิโลกรัม  ๖.๕            ๑๙.๙๕            ๒๐.๙๖            ๕.๑
เนื้อวัว ๑ กิโลกรัม   ๕.๒           ๑๙๙.๘๘            ๒๐๐.๙            ๐.๕
ที่มา  กระทรวงภาษีเดนมาร์ก

ภาษีนี้ครอบคลุมถึงสินค้าที่นำเข้ามาจำหน่ายในเดนมาร์กด้วย ผู้นำเข้าจึงต้องไปแจ้งจดทะเบียนกับสำนักงานภาษี (Danish Customs and Tax Administration ) ซึ่งจะต้องแจ้งก่อนที่สินค้าจะถูกส่งออกจากประเทศต้นทาง ซึ่งภาษีใหม่นี้จะเป็นภาระให้ผู้ส่งออกต้องคำนวณจำนวนไขมันอิ่มตัว เพื่อให้ผู้นำเข้านำไปคำนวณเพื่อชำระค่าภาษี และทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผู้นำเข้าจะผลักภาระต่อไปยังผู้บริโภค

ผู้ส่งออกไทยควรประสานกับผู้นำเข้าอย่างใกล้ชิดในการปรับสูตรสินค้าให้ตรงกับความต้องการ หรือเหมาะสมที่จะจำหน่ายในเดนมาร์ก และควรระวังและควบคุมคุณภาพให้ตรงตามความต้องการของผู้นำเข้าและผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นประโยชน์และช่วยดูแลบำรุงสุขภาพ เช่น กะทิที่ไม่มีส่วนประกอบไขมัน น้ำมันรำข้าว และจมูกข้าว ที่มีส่วนประกอบของไขมันอิ่มตัวต่ำ เมื่อเทียบกับน้ำมันประเภทอื่นๆ และ ชาวเดนมาร์กมีแนวโน้มการบริโภคน้ำมันรำข้าวเพิ่มสูงขึ้น ถือว่าเป็นโอกาสดีที่สินค้าเพื่อสุขภาพสามารถเข้ามาแข่งขันกับตลาด

๒.๘.๒ มาตรการที่มิใช่ภาษี

ระเบียบเกี่ยวกับใบอนุญาตนำเข้า (Import License)

ปกติสินค้านำเข้าโดยทั่วไปไม่ได้มีข้อกำหนดที่ต้องมีใบอนุญาตนำเข้า เว้นแต่สินค้าบางประเภทอาทิ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เภสัชภัณฑ์เคมีภัณฑ์ อาวุธ และสินค้าที่อียูกำหนดโควต้าการนำเข้า เช่น สิ่งทอ เป็นต้นที่ต้องมีใบอนุญาตนำเข้า

ระเบียบเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าอาหาร

การส่งสินค้าอาหารเข้าไปยังประเทศเดนมาร์กจะถูกควบคุมภายใต้กฎหมายที่เรียกว่า European Food Law โดยสหภาพยุโรปได้ให้ความสำคัญในการควบคุมด้านสุขอนามัย (Veterinary and Health Control) เพื่อปกป้องสุขอนามัยของผู้บริโภค และมาตรการตรวจสอบสินค้าอาหารเนื้อสัตว์ทุกชนิด (รวมทั้งอาหารทะเล) สหภาพยุโรปได้จัดตั้งหน่วยงานที่มีอำนาจในการกำกับดูแลการตรวจสอบคือ EU's Food Veterinary Office (FVO) โดย FVO จะส่งผู้แทนไปยังประเทศต่างๆ ที่เป็นผู้ส่งออกอาหารไปยังสหภาพยุโรปเพื่อตรวจสอบโรงงานร่วมกับหน่วยงานของรัฐบาลของประเทศนั้นๆ (Competent Authority) เพื่อจัดทำรายชื่อโรงงาน (Establishment List) ให้การรับรองว่าเป็นสินค้าที่ผลิตจากโรงงานที่ได้รับการรับรอง ในส่วนของประเทศเดนมาร์กหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการควบคุมตรวจด้านสุขอนามัยในอาหารคือ Danish Veterinary and Food Administration

ดังนั้นในการส่งออกสินค้าอาหารมายังเดนมาร์กจึงต้องมีความเข้มงวดในด้านสุขอนามัยและมีใบรับรองการตรวจสอบความปลอดภัย ระดับสารตกค้าง ที่เรียกว่า Health Certificate กำกับมาพร้อมกับสินค้าอาหารที่ส่งออก

ข้อกำหนดด้านฉลากและการหีบห่อ (Labeling & Packaging)

สำหรับกรณีสินค้าอาหาร มีกฎระเบียบกำหนดให้ต้องติดฉลากเป็นภาษาเดนิช ระบุส่วนผสมในอาหาร น้ำหนักสุทธิ วันที่ผลิตและวันหมดอายุ ประเทศที่ผลิต และกำหนดการหีบห่อสินค้าอาหารบางอย่างใส่ในหีบห่อที่เป็นพลาสติกหรือกระดาษถึงแม้ว่าไม่ระเบียบกำหนดการห้ามใช้พลาสติกพีวีซี แต่บางครั้งเป็นความต้องการของผู้ค้าปลีกที่ต้องการให้หีบห่อบรรจุสินค้าอาหารปราศจากพลาสติกพีวีซี

มาตรฐานทางเทคนิคและใบรับรองคุณภาพสินค้า (Technical standards and Certification)

มาตรฐานทางเทคนิคเป็นมาตรฐานที่แต่ละประเทศกำหนดขึ้นและเพิ่มเงื่อนไขหรือคุณภาพจากมาตรฐานทั่วไปของสหภาพยุโรป โดยถือเป็นข้อยกเว้นให้ประเทศสมาชิกอียูสามารถทำได้ตามกฎระเบียบที่ประเทศนั้นๆกำหนดอาทิ การวางเงื่อนไขที่คำนึงถึงสุขอนามัยความปลอดภัย สิ่งแวดล้อมแต่อย่างไรก็ตามข้อกำหนดที่แตกต่างจากกฎระเบียบมาตรฐานของอียูเหล่านี้จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการของสหภาพยุโรปเป็นประเทศๆไป แต่อย่างไรก็ตามในอนาคตทางสหภาพยุโรปมีเป้าหมายที่ให้กฎระเบียบทางด้านเทคนิคของทุกประเทศในสหภาพเป็นระเบียบเดียวกันและบังคับใช้เหมือนกันในทุกประเทศของสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อยกเว้นภายใต้มาตรฐานเดียวคือ CE- marking

๒.๙ โอกาสและสิ่งท้าทายทางการค้า

๒.๙.๑ โอกาสทางการค้า

เดนมาร์กเป็นกลุ่มประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยต่อประชากรสูง ประมาณ ๓๖,๗๖๔ เหรียญสหรัฐต่อปี จัดเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม มีมาตรฐานความเป็นอยู่สูง ทำให้ต้นทุนการผลิต ค่าแรงงาน สูงตามไปด้วย จึงต้องพึ่งพานำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เสื้อผ้า สิ่งทอ อัญมณีเครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าไทยที่มีความชำนาญและมีศักยภาพในการส่งออกสูง

ระบบการค้าพาณิชย์อีเลคทรอนิกส์ (E- Commerce) ได้เข้ามามีบทบาทในการสั่งซื้อสินค้าแนวโน้มการสั่งซื้อสินค้าที่สั่งซื้อผ่านทางออนไลน์มีปริมาณเพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย สำหรับลูกค้าที่ชอบความสะดวกสบายและกลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงทำให้สินค้าไทยมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น

ชาวเดนมาร์ก เป็นกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม มีความกังวลห่วงใยในสุขภาพ และโครงสร้างประชากรเป็นสังคมผู้สูงวัย (aging society) เป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน ผู้ส่งออกไทยจึงต้องพัฒนาปรับปรุงสินค้าให้เข้ากับนิสัยความเป็นอยู่ของชาวเดนมาร์ก เช่น การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ให้สวยงาม เข้าใจง่าย มีรูปแบบเรียบง่ายแต่ดูดี ทำจากวัสดุที่ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีขนาดบรรจุภัณฑ์เหมาะสำหรับการบริโภคของครอบครัวขนาด ๑-๒ คน ใช้ครั้งเดียวหมด หรือง่ายต่อการใช้โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ หรือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหรือทำจากธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง การผลิตอาหารบำรุง สุขภาพ เช่น มีส่วนผสมของน้ำตาลน้อย หรือใช้สารความหวานอื่นที่ไม่เป็นอันตรายแทนน้ำตาล สินค้าทีทำจากสมุนไพร และผลิตจากวัตถุธรรมชาติ เป็นต้น

คนเดนมาร์กมีการติดต่อซื้อขายและรู้จักประเทศไทยมานาน จึงมีความผูกพันและรู้จักประเทศไทยจากการที่ติดต่อซื้อขายกันมานาน และการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย การทำธุรกิจนิยมระบบการค้าแบบยั่งยืน เมื่อสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทใดก็จะติดต่อสั่งซื้อเป็นเวลานาน ราคาเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในการทำธุรกิจ มาตรฐานคุณภาพสินค้า การส่งมอบที่ตรงเวลา ความเป็นพันธมิตรการค้าที่ดีต่อกันเป็นปัจจัยสำคัญในการติดต่อธุรกิจกับเดนมาร์ก

เดนมาร์กจัดเป็นประเทศผู้มีความชำนาญด้านการค้ามาช้านาน (Trading Nation) และภูมิประเทศ เส้นทางคมนาคมเป็นศูนย์กลางยุโรปเหนือกับกลุ่มประเทศนอร์ดิกส์ และกลุ่มบอลติก ดังนั้น ผู้ส่งออกไทยสามารถใช้เดนมาร์กเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศเหล่านั้นได้

๒.๙.๒ สิ่งท้าทายทางการค้า

ประเทศไทยและเดนมาร์ก มีระยะทางอยู่ค่อนข้างห่างกันและเนื่องจากประชากรเดนมาร์กมีไม่มาก เพียงประมาณ ๕ ล้านคน จัดเป็นตลาดขนาดแล็ก ยอดสั่งซื้อแต่ละครั้ง จึงอาจมีปริมาณไม่มากหรือต้องมีการรวมตู้ ทำให้ผู้ส่งออกไทย ไม่ค่อยให้ความสำคัญผู้ซื้อเดนมาร์กมากนัก

การติดต่อค้าขายส่วนใหญ่เดนมาร์กจะนิยมค้าขายกับกลุ่มสหภาพยุโรปและประเทศยุโรปตะวันตกด้วยกัน

ปัญหาการค้าทวิภาคีระหว่างไทยกับเดนมาร์กส่วนหนึ่งเป็นปัญหาภายใต้กรอบของสหภาพฯ เนื่องจากสหภาพยุโรปให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมอย่างมาก โดยได้ออกมาตรการด้าน Food Safety, Integrated Product Policy (IPP) และนโยบาย Waste Electrical and Electronic Equipment (WEEE) รวมทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสารตกค้างในสินค้าไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผักสด กุ้งและไก่ นอกจากนั้น สหภาพยุโรปยังได้ตัดสิทธิ GSP ที่ให้กับสินค้าไทยและเรียกเก็บภาษี AD และ CVD กับสินค้าไทยด้วย ซึ่งสินค้าอาหารของไทยหลายรายการมีการตรวจพบเชื้อโรคและสารตกค้างปนเปื้อนเป็นระยะๆ

ปัญหาการค้าระหว่างภาคเอกชนไทยและเดนมาร์กมีไม่มากนัก เช่น ปัญหาผู้ส่งออกไทยไม่ส่งมอบสินค้าตรงเวลา ผู้นำเข้าเดนมาร์กไม่ชำระเงินค้าสินค้า เป็นต้น

๓. รายงานสินค้าและตลาดที่น่าสนใจ

สินค้าและบริการที่มีศักยภาพ สามารถขยายตลาดได้ในเดนมาร์กมีหลายประเภท เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร โดยเฉพาะข้าว และสินค้าเกษตรอินทรีย์ ของขวัญ ของตกแต่งบ้าน เครื่องครัวและของใช้ในบ้าน อัญมณีและเครื่องประดับ โดยเฉพาะเครื่องประดับเงิน และหินสี อีกทั้งบริการสปาและนวดแผนโบราณไทย ยังได้รับความนิยมอย่างสูงด้วย สินค้าที่สามารถเข้ามาตีตลาดในเดนมาร์กได้ ควรมีจุดเด่นและมีการใส่ใจด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยการเพิ่มมาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลกกับสินค้า เช่น มีตราสัญญลักษณ์ของตน มีมาตรฐานคุณภาพได้รับการยอมรับ หรือเลือกใช้สัญลักษณ์หรือตรารับรองเกษตรอินทรีย์ของอียู (EU Organic Logo)

โปรดดูในเอกสารแนบเกี่ยวกับรายงานสินค้าที่น่าสนใจ ได้แก่

๓.๑ อาหารทะเลแช่แข็ง

๓.๒ กล้วยไม้ตัดดอก

๓.๓ ข้าวในกลุ่มประเทศนอร์ดิกส์

๓.๔ ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ในเดนมาร์ก

๓.๕ รายงานการพัฒนาสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้าในเดนมาร์ก

นอกจากนี้ จากแนวโน้มผู้บริโภคเดนมาร์กที่เข้าสู่สังคมสูงวัย นิยมสินค้าเพื่อสุขภาพ ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสังคม การซื้อสินค้าและบริการผ่านออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น และนิยมสินค้าอิเลคทรอนิกส์ที่ทันสมัย ผู้ส่งออกไทยจึงต้องเน้นสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคดังกล่าวนี้ เช่น ในภาคการประกอบธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคาร จากแนวโน้มที่ผู้บริโภคนิยมบริโภคอาหารออร์แกนิกส์ ผู้ประกอบการจึงต้องใช้วัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ สถานที่ประกอบการต้องมีมาตรฐานความสะอาดสูง เป็นระเบียบเรียบร้อย ในปัจจุบันมีภัตตาคารอาหารไทยอยู่หลายแห่งในเดนมาร์ก เช่น KLIN KIN และ Blue Elephant เป็นต้น บริษัทไทยที่เข้ามาลงทุนในเดนมาร์ก เช่น CPF Denmark A/S (บริษัทในเครือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ตัวอย่างผู้ประกอบการร้านอาหารจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุน และขยายสาขาในเดนมาร์ก เช่น ร้านเบเกอรี่ ANDERSEN จากญี่ปุ่น ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวเดนมาร์กอย่างมาก และในทางกลับกันในปัจจุบัน มีบริษัทเดนมาร์กเข้าไปลงทุนในประเทศไทยมากมาย เช่น PANDORA, George Jensen, Royal Copenhagen ECCO, Bang & Olufsen, Novo Nordisk และ Maersk Line เป็นต้น

๔. การลงทุน

เดนมาร์กเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าสนใจในการลงทุน โดย World Bank ได้จัดอันดับให้เดนมาร์กอยู่ในอันดับที่ ๖ ของประเทศที่น่าลงทุนในปี ๒๕๕๔ รองจากสิงคโปร์ ฮ่องกง นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ

๔.๑ การลงทุนจากต่างประเทศ

การลงทุนจากต่างชาติของเดนมาร์กอยู่ที่สูงสุดที่ ๑๑.๘๑ พันล้านเหรียญสหรัฐในปี ๒๕๕๐ แต่ตกต่ำลงไปที่ ๒.๖๑ พันล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปี ๒๕๕๑ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ ๒.๙๑ พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี ๒๕๕๒

ประเทศที่เข้ามาลงทุนมากที่สุดในเดนมาร์ก ๕ ประเทศแรกในปี ๒๕๕๒ คือ เยอรมันนี คิดเป็นมูลค่า ๑.๘๒ ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาได้แก่ สวีเดน มูลค่า ๑.๐๕ ล้านเหรียญสหรัฐ สหรัฐอเมริกา มูลค่า ๐.๗๖ ล้านเหรียญสหรัฐ สวิตเซอร์แลนด์ มูลค่า ๐.๖๓ ล้านเหรียญสหรัฐ และสหราชอาณาจักร ๐.๕ ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ สำหรับประเทศไทยอยู่ลำดับที่ ๒๙ คิดเป็นมูลค่าประมาณ ๙,๗๐๓ เหรียญสหรัฐ

การลงทุนในเดนมาร์กปี ๒๕๕๒ มีมูลค่ารวมประมาณ ๒.๙๑ พันล้านเหรียญสหรัฐ จากรูปด้านล่าง จะเห็นได้ว่าภาคธุรกิจไปรษณีย์ และการขนส่งเป็นภาคธุรกิจแรกที่มีการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด มูลค่า ๑.๕๙ ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาได้แก่ ภาคการขนส่ง การจัดเก็บ และการสื่อสาร มูลค่า ๑.๔๔ ล้านเหรียญสหรัฐ ภาคไปรษณีย์ และโทรคมนาคม มูลค่า ๐.๙๓ ล้านเหรียญสหรัฐ ภาคการบริการทั้งหมด มูลค่า ๐.๘๑ ล้านเหรียญสหรัฐ ภาคเกษตรกรรม ภาคผลิตภัณฑ์อาหาร และภาคเหมืองแร่ และหิน มีมูลค่าเท่ากันที่ ๐.๘ ล้านเหรียญสหรัฐ

๔.๒ สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน

IMD World Competitiveness Online (2011) ได้จัดอันดับให้โครงสร้างพื้นฐานที่ความได้เปรียบของเดนมาร์กอยู่ในลำดับที่ ๕ ของโลก เดนมาร์กนับว่ายังคงเป็นประเทศที่มีสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดอีกประเทศหนึ่งในสหภาพยุโรป และในโลก Forbes ได้จัดอันดับให้เดนมาร์กเป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการดำเนินธุรกิจ (Best Countries for Business) 3 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2551 - 2553 และ World Bank จัดอันดับให้เดนมาร์กอยู่ในอันดับที่ ๖ ของโลกในปี ๒๕๕๔ ใน Ease of Doing Business Ranking และในปี ๒๕๕๓ เดนมาร์กได้รับการจัดอันดับจาก Transparency International เกี่ยวกับการทุจริตให้อยู่ที่ระดับ ๙.๓ ร่วมกับนิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีการทุจริตน้อยที่สุดในโลก และเดนมาร์กเป็นผู้ลงนามของอนุสัญญา OECD ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนระหว่างประเทศ (OECD Convention on Combating Bribery)

นโยบายเศรษฐกิจของเดนมาร์กของรัฐบาลนาง Helle Throning-Schimdt ในปัจจุบันเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสร้างความเจริญเติบโต และดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณในช่วงปี ๒๕๕๔- ๒๕๕๕ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงิน เพิ่มค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคม เช่น การศึกษา ส่วนลดภาษีสำหรับการซื้อบ้าน การปรับปรุงบ้านและสำหรับธุรกิจใหม่ เพิ่มการจ้างงานและเพิ่มชั่วโมงการทำงาน เน้นการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เพิ่มแรงจูงใจในการทำงานโดยการเปลี่ยนแปลงนโยบายสวัสดิการและการปฏิรูปตลาดแรงงาน

๔.๒.๑ โครงสร้างพื้นฐาน

ความได้เปรียบทางโครงสร้างพื้นฐานของเดนมาร์กอยู่ในอันดับที่ ๗ ของโลก เดนมาร์กมีจำนวนประชากรประมาณ ๕.๕๓ ล้านคนในปี ๒๕๕๓ โดยที่จำนวนประชากรอายุต่ำกว่า ๑๕ ปีคิดเป็นร้อยละ ๑๘.๑๐ ของจำนวนประชากรทั้งหมด และประชากรที่มีอายุมากกว่า ๖๕ ปีคิดเป็นร้อยละ ๑๖.๓๕ ของจำนวนประชากรทั้งหมด โดยดัชนีชี้วัดโอกาสในการบริโภค และอุปโภคน้ำอยู่ที่ระดับ ๙.๒๓1 ของโลก ดัชนีชี้วัดโอกาสในการบริโภค และอุปโภคสินค้าอยู่ที่ระดับ ๙.๒๙ ของโลก ดัชนีชี้วัดการมีลักษณะแบบเมืองอยู่ที่ระดับ ๘.๗๑ ของโลก ดัชนีชี้วัดคุณภาพการขนส่งทางอากาศอยู่ที่ระดับ ๘.๕๗ ของโลก ดัชนีชี้วัดการกระจายโครงสร้างพื้นฐานอยู่ที่ระดับ ๘.๙๗ ของโลก ดัชนีชี้วัดคุณภาพการขนส่งทางน้ำอยู่ที่ระดับ ๘.๘๙ ของโลก และดัชนีชี้วัดการพัฒนาและการบำรุงรักษาอยู่ที่ระดับ ๗.๖๓ ของโลก

๔.๒.๒ โครงสร้างเทคโนโลยี

ความได้เปรียบทางด้านโครงสร้างเทคโนโลยีของเดนมาร์กอยู่ที่อันดับ ๖ ของโลกในปี ๒๕๕๓โดยมีดัชนีชี้วัดด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร อยู่ที่ระดับ ๙.๐๐ ของโลก ดัชนีชี้วัดภาวการณ์เชื่อมต่ออยู่ที่ระดับ ๙.๐๙ ของโลก ดัชนีชี้วัดทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอยู่ที่ระดับ ๘.๖๖ ของโลก ดัชนีชี้วัดจำนวนวิศวกรที่มีความชำนาญอยู่ที่ระดับ ๗.๙๔ ของโลก ดัชนีชี้วัดความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีอยู่ที่ระดับ ๗.๐๓ ของโลก ดัชนีชี้วัดความร่วมมือของภาคธุรกิจและรัฐบาลที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีอยู่ที่ระดับ ๖.๘๓ ของโลก

๔.๒.๓ โครงสร้างทางวิทยาศาสตร์

ในปี ๒๕๕๓ เดนมาร์กได้รับการจัดอันดับให้อยู่ลำดับที่ ๑๙ ของโลกในด้านความได้เปรียบทางโครงสร้างวิทยาศาสตร์ โดยดัชนีชี้วัดการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อยู่ที่ระดับ ๗.๒๕ ของโลก ดัชนีชี้วัดนักวิจัย และวิทยาศาสตร์อยู่ที่ระดับ ๕.๓๕ ของโลก ดัชนีชี้วัดการออกกฎหมายการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อยู่ที่ระดับ ๖.๕๒ ของโลก ดัชนีชี้วัดสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาอยู่ที่ระดับ ๘.๒๓ ของโลก ดัชนีชี้วัดการถ่ายทอดองค์ความรู้อยู่ที่ระดับ ๖.๖๓ ของโลก ดัชนีชี้วัดกำลังการผลิตนวัตกรรมอยู่ที่ระดับ ๗ ของโลก โดยเดนมาร์กได้รับรางวัลโนเบลคิดเป็น ๐.๗๒ ต่อประชากรล้านคน

๔.๒.๔ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ

ในปี ๒๕๕๓ เดนมาร์กได้รับการจัดอันดับให้อยู่ลำดับที่ ๕ ของโลกทางด้านความได้เปรียบด้านสิ่งแวดล้อม และสภาพร่างกาย โดยดัชนีชี้วัดโครงสร้างสภาพร่างกายอยู่ที่ระดับ ๗.๕๑ ของโลก ประชากรมีอายุขัยเฉลี่ย ๗๑.๘๐ ปี โดยร้อยละ ๘๖.๐๓ ของประชากรทั้งหมดอาศัยอยู่ในเขตตัวเมือง ดัชนีชี้วัดปัญหาสุขภาพร่างกายอยู่ที่ระดับ ๘.๘๖ ของโลก ดัชนีชี้วัดเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมอยู่ที่ระดับ ๗.๐๔ ของโลก ดัชนีชี้วัดการพัฒนาอย่างยั่งยืนอยู่ที่ระดับ ๗.๕๔ ของโลก ดัชนีชี้วัดปัญหาภาวะมลพิษอยู่ที่ระดับ ๘.๐๓ ของโลก ดัชนีชี้วัดกฎหมายสิ่งแวดล้อมอยู่ที่ระดับ ๗.๒๐ ของโลก ดัชนีชี้วัดการเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพอากาศอยู่ที่ระดับ ๗.๓๑ ของโลก และดัชนีชี้วัดคุณภาพชีวิตอยู่ที่ระดับ ๗.๑๖ ของโลก

๔.๒.๕ การศึกษา

ในปี ๒๕๕๓ เดนมาร์กได้รับการจัดอันดับให้อยู่ลำดับที่ ๓ ของโลกทางด้านความได้เปรียบทางด้านการศึกษา โดยดัชนีชี้วัดระบบการศึกษาอยู่ที่ระดับ ๗.๒๙ ของโลก ดัชนีชี้วัดด้านการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนอยู่ที่ระดับ ๖.๐๙ ของโลก ดัชนีชี้วัดด้านการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยอยู่ที่ระดับ ๗.๑๒ ของโลก ดัชนีชี้วัดการศึกษาทางด้านการจัดการอยู่ที่ระดับ ๗.๓๐ ของโลก และดัชนีชี้วัดทักษะทางด้านภาษาอยู่ที่ระดับ ๘.๐๓ ของโลก

๔.๓ กฎระเบียบการลงทุน

กฎระเบียบ และข้อบังคับทางด้านการลงทุนของเดนมาร์ถือเป็นระบบเปิด และไม่มีการกีดกันทางด้านการลงทุน รัฐบาลเดนมาร์กได้พยายามปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆเพื่อเสริมการลงทุนจากต่างชาติ ลดข้อกีดขวางต่างๆ

เดนมาร์กปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าขององค์การการค้าโลก (WTO) ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการลงทุน (Trade-related Investment Measures: TRIMs) และข้อกำหนดของประสิทธิภาพการทำงานมีผลเฉพาะกับการลงทุนในการสำรวจไฮโดรคาร์บอน

๔.๔ ข้อกำหนดในการลงทุนต่างชาติ

ผู้ลงทุนเอกชนจากต่างประเทศหรือในประเทศสามารถจัดตั้ง เป็นเจ้าของ และโอนธุรกิจได้อย่างอิสระในเดนมาร์ก ข้อกำหนดของเงินทุนในการลงทุนบริษัทจำกัดมหาชน (Public limited liability company: A/S) คิดเป็นจำนวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ เดนิชโครน (ประมาน ๘๙,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ)2 และบริษัทเอกชนจำกัด (Private limited liability company: ApS) เป็นจำนวน ๑๒๕,๐๐๐ เดนิชโครน (ประมาน ๒๒,๔๐๐ เหรียญสหรัฐ) ไม่มีข้อกำหนดสำหรับถิ่นที่อยู่ของกรรมการและผู้บริหารของ A / S หรือ ApS

เดนมาร์กเรียกเก็บภาษีการจัดตั้งบริษัทสำหรับการให้บริการโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น บริษัททางด้านกฎหมาย การบัญชีตรวจสอบและการบริการทางการแพทย์ เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ โดยผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ ต้องจัดหาใบรับรองทางอาชีพของเดนมาร์ก และ/หรือมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องในเดนมาร์ก ในบางกรณี เดนมาร์กอาจยอมรับใบรับรองอาชีพจากกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป หรือกลุ่มประเทศนอร์ดิกส์ภายใต้การยอมรับซึ่งกันและกัน

การจัดตั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในเขตนอกเมืองอยู่ภายใต้กฎการไม่เลือกปฏิบัติตามความต้องการทางเศรษฐกิจ และต้องได้รับความยินยอมจากหน่วยงานท้องถิ่น

๔.๕ นโยบายส่งเสริมการลงทุน

นอกจากนี้นโยบายส่งเสริมการลงทุนส่วนมากถูกกำหนดโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น การลดปริมาณการใช้พลังงานและการใช้น้ำ เดนมาร์กเป็นประเทศแรกในสหภาพยุโรปที่มีการลดภาษีสำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรมที่สามารถลดจำนวนการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO 2)

เดนมาร์กมีนโยบายส่งเสริมการลงทุน มีทั้งสำหรับนักลงทุนในประเทศ และจากต่างชาติ เช่น การลงทุนในด้านการพัฒนาภูมิภาคที่เดนมาร์กส่งเสริม โดยนักลงทุนทั้งต่างประเทศและภายในประเทศอาจได้ประโยชน์จากเงินอุดหนุนบางอย่างและยังเข้าถึงเงินที่ให้สิทธิพิเศษอีกด้วย เช่น การลงทุนในกรีนแลนด์ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า เดนมาร์กไม่ได้ให้สิทธิพิเศษใดๆ กับนักลงทุนต่างชาติที่แตกต่างจากบริษัทของเดนมาร์กเอง บริษัทย่อยจากต่างประเทศที่เข้ามาตั้งในเดนมาร์กสามารถมีส่วนร่วมในการเงินของภาครัฐ หรือเงินอุดหนุนโครงการวิจัยโดยอยู่ภายใต้กฏพื้นฐานเช่นเดียวกับชาวเดนมาร์ก

๔.๖ ภาษี

ระบบภาษีของเดนมาร์กถือว่าเอื้อประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ โดยมีอัตราภาษีนิติบุคคล (Corporate tax) ที่ร้อยละ ๒๕ มีเครือข่ายสนธิสัญญาภาษีที่กว้างขวาง และกฎระเบียบภาษีที่ดึงดูดผู้ลงทุนชาวต่างชาติ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

๔.๖.๑ อัตราภาษีนิติบุคคล

อัตราภาษีนิติบุคคลของเดนมาร์กเป็นอัตราคงที่ (Flat rate) อยู่ที่ร้อยละ ๒๕ ซึ่งต่ำกว่าโดยเฉลี่ยในยุโรป อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในอัตราต่ำ ซึ่งเป็นภาษีที่สามารถหักค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ และค่าเสื่อมได้ แทบจะไม่มีเงินอุดหนุนสวัสดิการทางสังคม สำหรับนายจ้างดังเช่นอีกหลายๆ ประเทศ ไม่มีภาษีทรัพย์สิน (Capital duty & Wealth tax) หรือภาษีการโอน (Share transfer duty) โดยทั่วไป เงินปันผลอาจได้รับ และแจกจ่ายโดยไม่เสียภาษี กฎหมายการกำหนดราคาโอน (Transfer pricing) เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ OECD ซึ่งโดยภาพรวมแล้ว เดนมาร์กเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เข้าร่วมสนธิสัญญาทางภาษีมากที่สุดเพื่อลดการเก็บภาษีซ้ำซ้อน (Double taxation)

๔.๖.๒ ระบบภาษี

เงินได้นิติบุคคล และค่าเสื่อมถือเป็นภาษีนิติบุคคล ในเดนมาร์กสามารถจดทะเบียนบริษัทได้ทั้งในรูปแบบ A/S และ ApS การลงทุนแบบร่วมมือกับพันธมิตรเป็นการลงทุนเพื่อความโปร่งใสทางด้านภาษี

๔.๗ แรงงาน

เดนมาร์กปฏิบัติตามอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศคุ้มครองสิทธิคนงาน (ILO conventions protecting worker rights) กำลังแรงงานเดนมาร์กโดยทั่วไปมีเสถียรภาพ ได้รับการศึกษาดีเป็นอย่างดี และมีประสิทธิภาพ มีทักษะทางภาษาที่ดีและภาษาอังกฤษถือเป็นภาษาที่สองในสัดส่วนที่สูงมากในเดนมาร์ก นอกจากนี้ตลาดแรงงานเดนมาร์กมีความยืดหยุ่น กฎการจ้างงานและการปลดพนักงานของเดนมาร์กไม่เป็นภาระต่อนายจ้าง ซึ่งช่วยให้บริษัทปรับพนักงานได้อย่างรวดเร็วเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะตลาด จำนวนกำลังแรงงานเดนมาร์กมีประมาณ ๒.๙ ล้านคน ถือเป็นร้อยละ ๕๑.๙๗ ของจำนวนประชากรทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม อัตราเจริญเติบโตของกำลังแรงงานถือว่าอยู่ในช่วงถดถอย โดยลดลงร้อยละ ๑.๘๓ ในปี ๒๕๕๒ อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ ๖ ในปี ๒๕๕๓ ซึ่งถือว่าต่ำกว่ากลุ่มประเทศสหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศ OECD ที่ร้อยละ ๗.๔ การปรับตัวในภาคกำลังแรงงานส่งผลดีให้กับภาคการเงินในเดนมาร์กหลังภาวะเศรษฐกิจตกต่ำด้วย กำลังแรงงานของกลุ่มทำงานเป็นกะเวลา (Part time) ในเดนมาร์กคิดเป็นร้อยละ ๑๘.๘๘ ของกำลังแรงงานทั้งหมด เดนมาร์กมีกำลังแรงงานที่เป็นเพศหญิงอยู่ร้อยละ ๔๗.๒๐ ของกำลังแรงงานทั้งหมด จากการจัดอันดับของ IMD World Competitiveness Online ความได้เปรียบทางด้านกำลังแรงงานของเดนมาร์กได้ถูกจัดอันดับให้อยู่ลำดับที่ ๓๗ จากทั้งหมด ๕๘ ประเทศทั่วโลก โดยที่ ดัชนีชี้วัดแรงงานสัมพันธ์อยู่ที่ระดับ ๗.๗๑ ในปี ๒๕๕๓ ดัชนีชี้วัดแรงจูงใจของกำลังแรงงานอยู่ที่ระดับ ๗.๘๐ ดัชนีชี้วัดการอบรมพนักงานอยู่ที่ระดับ ๗.๗๗ ดัชนีชี้วัดแรงงานที่มีทักษะอยู่ที่ระดับ ๗.๖๐ ดัชนีชี้วัดทักษะทางการเงินอยู่ที่ระดับ ๗.๘๖ การดึงดูดและรักษาความสามารถพิเศษอยู่ที่ระดับ ๗.๘๒ ดัชนีชี้วัดปัญหาภาวะหมองไหลที่ไม่มีผลกระทบต่อความได้เปรียบต่อเศณษฐกิจอยู่ที่ระดับ ๖.๐๖ ดัชนีชี้วัดแรงงานต่างชาติที่มีทักษะที่ส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจอยู่ที่ระดับ ๓.๗๑ ดัชนีชี้วัดประสบการณ์ต่างประเทศในระดับผู้จัดการอยู่ที่ระดับ ๕.๕๙ และดัชนีชี้วัดความสามารถของผู้จัดการระดับสูงอยู่ที่ระดับ ๖.๖๐3 โดยเฉลี่ย แรงงานเดนมาร์กมีชั่วโมงการทำงาน ๑,๖๘๕ ชั่วโมงต่อปีในปี ๒๕๕๒ ภาครัฐของเดนมาร์กถือว่ามีขนาดใหญ่และกำลังแรงงานในภาคนี้คิดเป็นร้อยละ ๓๖ ของกำลังแรงงานเต็มเวลา ร้อยละ ๘๐ ของกำลังแรงงานทั้งหมดมีความสัมพันธ์กับสหภาพแรงงาน โดยกฏหมายแล้ว พนักงงานมีวันหยุดพักร้อนโดยได้รับค่าจ้าง ๔ สัปดาห์ต่อปี แต่กำลังแรงงานหลายแห่งมีสิทธิได้รับวันหยุดพักร้อนโดยได้รับค่าจ้าง ๖ สัปดาห์ต่อปี

เดนมาร์กมีระบบประกันการว่างงาน และลาป่วยที่ดี ซึ่งเป็นการสนับสนุนจากฝ่ายรัฐบาล ลูกจ้างสามารถลาคลอดได้ ๕๒ สัปดาห์ และนายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างเป็นจำนวน ๑๔ สัปดาห์เป็นอย่างน้อย ค่าจ้างในเดนมาร์กถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตาม จำนวนนายจ้างที่เข้าร่วมระบบสวัสดิการสังคมยังอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น ค่าพนักงานสำหรับนายจ้างจึงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วประเทศอื่นๆ

การได้รับใบอนุญาตการทำงานของชาวต่างชาติในเดนมาร์กถือว่าไม่ยากนัก มีข้อกำหนดพิเศษที่เรียกว่า Job Card Scheme สำหรับบางสาขาอาชีพที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน เช่น วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ หมอ พยาบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที นักเศรษฐศาสตร์ นักกฏหมาย นักบัญชี และเดนมาร์กยังให้ Green Card scheme แก่ผู้ที่ต้องการมาทำงานในเดนมาร์กด้วย

ระบบภาษีรายได้บุคคลของเดนมาร์กเป็นภาษีที่สูงที่สุดในโลก แต่โดยทั่วไปแล้ว แรงงานและนักวิจัยชาวต่างชาติจ่ายภาษีที่ร้อยละ ๒๕ ภายใน ๓ ปีแรกของการทำงานในเดนมาร์ก เพื่อเป็นสิ่งแรงจูงใจในการทำงาน รายละเอียดสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Danish Immigration Service

๔.๘ อุตสาหกรรมที่โดดเด่นในปัจจุบัน

๔.๘.๑ ผู้นำทางด้านพลังงานสีเขียว

บริษัทเดนมาร์กควบคุมตลาดพลังงานลมถึง ๑ ใน ๓ ของตลาดพลังงานลมโลก โดยมีบริษัททางด้านพลังงานลมที่สำคัญ คือ Vestas ซึ่งลงทุนในหลายประเทศทั่วโลก เช่น จีน อินเดีย สิงคโปร์และไทย เป็นต้น พลังงานไฟฟ้าในเดนมาร์กประมาณร้อยละ ๒๐ มาจากพลังงานลม และเดนมาร์กยังเป็นประเทศแรกที่ใช้ประโยชน์จากเชื้อเพลิงชีวภาพรุ่นที่ ๒ ในเชิงพาณิชย์ และเป็นผู้นำโลกในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเปรียบเทียบกับจีดีพี นอกจากนี้ ในเดนมาร์กมี บริษัททางด้านไบโอดีเซลที่สำคัญ เช่น Daka Biodiesel และ Biofuel Express เป็นต้น

๔.๘.๒ ศูนย์กลางทางด้านยาและเวชภัณฑ์

เดนมาร์กมีบริษัทเภสัชกรรมระดับโลกหลายแห่งด้วยกัน เช่น Novo Nordisk, Lundbeck และ Leo Pharma และบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อยอีกหลายแห่งที่มีการลงทุนทางด้านการวิจัยสูง การลงทุนทางด้านการวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพของเดนมาร์กสูงถึง ๓,๘๖๐ พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากเป็นอันดับ ๒ ในยุโรป ซึ่งผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรมเป็นสินค้านำเข้าจากเดนมาร์กที่สำคัญอันดับที่ ๒ ของเมืองไทยในช่วง ๘ เดือนแรกของปี ๒๕๕๔ นี้

๔.๘.๓ ผู้นำอุตสาหกรรมไอซีที

เดนมาร์กมีโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศในระดับต้นๆ ของโลก ด้วยการเข้าถึงระบบบรอดแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลก เดนมาร์กยังคงรั้งตำแหน่งที่ ๔ ของโลกในปี ๒๕๕๔ ในด้านโครงสร้างเทคโนโลยี่จากการจัดอันดับของ IMD World Competitiveness Report โดยมีบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft เข้ามาตั้งศูนย์การค้นคว้าและวิจัย (Research & Development Center) ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และ DELL เข้ามาตั้งศูนย์กลางทางยุโรปตอนเหนือ (Nordic Business Center) ในเดนมาร์ก บริษัทในอุตสาหกรรมไอซีทีจากเดนมาร์กอื่นๆ ที่โดดเด่นในตลาดโลก เช่น Bang & Olufsen (บริษัทผู้ผลิตและให้บริการเครื่องเสียง วีดีโอ และผลิตภัณฑ์มัลติมิเดียอื่นๆ) และ GN ReSound Group (กลุ่มบริษัทให้บริการเครื่องมือช่วยเหลือด้านการได้ยินและเครื่องมือการวินิจฉัยการได้ยินที่ใหญ่ที่สุดในโลก) เป็นต้น

๔.๘.๔ อุตสาหกรรมทางด้านการออกแบบ

เดนมาร์กนับเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำทางด้านการออกแบบซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า " DANISH DESIGN"และ " SCANDINAVIAN DESIGN " ซึ่งจะเน้นรูปแบบเรียบหรู ดูดี มีสไตล์ โดยเฉพาะในสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของประดับตกแต่งบ้าน เครื่องประดับตกแต่งร่างกาย เช่น เครื่องประดับอัญมณี เสื้อผ้า เป็นต้น นอกจากนี้ สถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงของโลกหลายแห่งก็ออกแบบโดยชาวเดนมาร์ก เช่น Sydney Opera House รัฐบาลเดนมาร์กจึงพยายามผลักดันให้โคเปนเฮเกนเป็นศูนย์รวมแห่งการออกแบบของกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียนและยุโรป ปัจจุบันบริษัทเดนมาร์กได้ตั้งศูนย์ออกแบบและวิจัยผลิตภัณฑ์ในเดนมาร์ก และไปตั้งโรงงานในไทยรวมทั้งประเทศเอเชียอื่น และใช้เป็นฐานส่งสินค้าออกไปจำหน่ายทั่วโลก เช่น อัญมณีเครื่องประดับ PANDORA, เครื่องประดับเงินและของประดับตกแต่งบ้าน George Jensen รองเท้า ECCO เครื่องถ้วยชาม Royal Copenhagen เป็นต้น

นอกจากนี้ เดนมาร์กยังมีอุตสาหกรรมๆเด่นๆอื่นอีก ได้แก่ อุตสาหกรรมทางด้านโลจิสติกส์การขนส่งทางเรือ ( Maersk Line) อุตสาหกรรมนมและผลิตภัณฑ์ (Dairy and dairy products) อุตสาหกรรมเกษตรอาหารแปรรูป ฯลฯ

๔.๙ โอกาสความร่วมมือทางด้านการลงทุนกับเดนมาร์ก

มีบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนในเดนมาร์กมากมาย เช่น Unilever, DELL, Microsoft, Pfizer (บริษัทเภสัชกรรมจากสหรัฐอเมริกา), Nokia, IKEA, Siemens Wind Power และ Biogen Idec (บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากสหรัฐอเมริกา) เป็นต้น การเข้าสู่ตลาดเดนมาร์กเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเข้าสู่ตลาดอื่นๆ ในสหภาพยุโรป เนื่องจากเดนมาร์กเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ใช้มาตรฐานกฎระเบียบเดียวกับสหภาพยุโรป ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการบริโภคที่ยอมรับสินค้าใหม่ๆ โดยง่าย นิยมสินค้าที่มีนวัตกรรม ดีไซน์ที่แปลกใหม่ รักษ์สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ โดยเฉพาะสินค้าที่อำนวยความสะดวกสำหรับสังคมสูงวัยหรือชะลอความแก่ ภาษาที่ใช้โดยทั่วไปในเดนมาร์กคือ ภาษาเดนนิช แต่ประชากรส่วนใหญ่เข้าใจภาษาอังกฤษจนสามารถนับเป็นภาษาที่สองได้ เดนมาร์กจึงเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าสนใจในการทดลองตลาดสำหรับผู้ส่งออก กรุงโคเปนเฮเกนถือว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และการค้าในยุโรปเหนือ มีการคมนาคมขนส่งที่สะดวกทันสมัย สนามบินโคเปนเฮเกนได้รับการยกย่องให้เป็นสนามบินที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในยุโรปในปี 2554 จากการจัดอันดับของ Air Transport Research Society

จากแนวโน้มผู้บริโภคเดนมาร์กที่เข้าสู่สังคมสูงวัย นิยมสินค้าเพื่อสุขภาพ ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสังคม การซื้อสินค้าและบริการผ่านออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น และนิยมสินค้าอิเลคทรอนิกส์ที่ทันสมัย ผู้ส่งออกไทยจึงต้องเน้นสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคดังกล่าวนี้ เช่น ในภาคการประกอบธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคาร จากแนวโน้มที่ผู้บริโภคนิยมบริโภคอาหารออร์แกนิกส์ ผู้ประกอบการจึงต้องใช้วัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ สถานที่ประกอบการต้องมีมาตรฐานความสะอาดสูง เป็นระเบียบเรียบร้อย ในปัจจุบันมีภัตตาคารอาหารไทยอยู่หลายแห่งในเดนมาร์ก เช่น KLIN KIN และ Blue Elephant เป็นต้น บริษัทไทยที่เข้ามาลงทุนในเดนมาร์ก เช่น CPF Denmark A/S (บริษัทในเครือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ตัวอย่างผู้ประกอบการร้านอาหารจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุน และขยายสาขาในเดนมาร์ก เช่น ร้านเบเกอรี่ ANDERSEN จากญี่ปุ่น ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวเดนมาร์กอย่างมาก และในทางกลับกันในปัจจุบัน มีบริษัทเดนมาร์กเข้าไปลงทุนในประเทศไทยมากมาย เช่น PANDORA, George Jensen, Royal Copenhagen ECCO, Bang & Olufsen, Novo Nordisk และ Maersk Line เป็นต้น

สินค้าที่สามารถเข้ามาตีตลาดในเดนมาร์กได้ ควรมีจุดเด่นและมีการใส่ใจด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยการเพิ่มมาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลกกับสินค้า เช่น มีตราสัญญลักษณ์ของตน มีมาตรฐานคุณภาพได้รับการยอมรับ หรือเลือกใช้สัญลักษณ์หรือตรารับรองเกษตรอินทรีย์ของอียู (EU Organic Logo) หรือสัญลักษณ์เกษตรอินทรีย์ของเดนมาร์ก สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็ง ผู้ส่งออกสามารถหาตราสัญลักษณ์ Marine Stewardship Council ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มความเชื่อมั่นกับลูกค้าได้ ซึ่งตราสัญลักษณ์นี้แสดงถึงวิธีการจับปลา และสัตว์ทะเลด้วยวิธีการยั่งยืน (Sustainable Fishing Methods)

ความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนกับเดนมาร์ก สามารถทำได้หลายแขนง เช่นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ พลังงานสีเขียว (Green Energy &Green Technology) เป็นจุดเด่นของเดนมาร์ก และประเทศไทยยังคงขาดแคลนความรู้ ความชำนาญในด้านนี้ เช่น นวัตกรรมทางด้านเครื่องช่วยการได้ยิน (Widex และ Oticon) การกระจายเสียง และอุปกรณ์ทางด้านเสียงต่างๆ (Bang & Olufsen) เป็นต้น อีกทั้งการดีไซน์ของเดนมาร์กยังเป็นจุดเด่นที่สำคัญ สามารถพัฒนาไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทยได้อีกมาก เช่น เครื่องประดับอัญมณี รองเท้าและเครื่องหนัง เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ในบ้าน และเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปยังเดนมาร์ก อีกทั้งผู้บริโภคยังสนใจการด้านห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนด้วย (Supply Chain Sustainability) มีบริษัทของเดนมาร์กหลายแห่งที่เข้าไปลงทุนในประเทศไทย และช่วยพัฒนาสังคมในประเทศไทย

นอกจากนี้ ในเดนมาร์กยังมีสินค้าเหลือใช้อื่นๆ หลายประเภทที่ผลิตภายในประเทศแต่ผู้บริโภคเดนมาร์กไม่นิยมบริโภค หรือใช้หรือมีข้อจำกัดต่างๆ ในการผลิตในขั้นต่อไป เช่น เครื่องในสัตว์ ไขมันสัตว์ นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไส้กรอกในไทยและส่งไปยังญี่ปุ่น หรือ เศษไม้ และเศษขยะหรือชิ้นส่วนประกอบจากอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น จึงเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยสามารถนำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต่อไปได้ เนื่องจากสินค้าจากเดนมาร์กเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานคุณภาพสูง จึงเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปจากตลาดโลก นอกจากนี้ เดนมาร์กยังเป็นตลาดของเก่าหรือของเก่าวัตถุโบราณ (Antiques and Collection) ที่ใหญ่และเป็นที่นิยมแห่งหนึ่งในยุโรป

ตัวอย่างรายชื่อบริษัทดังกล่าวแสดงในตารางด้านล่าง

บริษัท                      สินค้า
Danish Crown AmbA         เนื้อสุกร เนื้อวัว
BHJ A/S                   อาหาร เนื้อสัตว์ อาหารสัตว์ สินค้าเภสัชกรรม
European Quality Food AS  เนื้อสัตว์
Tomex Danmark A/S         อาหาร อาหารทะเล
Damolin A/S               ขยะ มูลสัตว์ สารเคมีเหลือใช้ ผง/เมล็ดจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากอุตสาหกรรมการผลิต

๕. ข้อมูลที่น่าสนใจในการดำเนินธุรกิจในเดนมาร์ก

มีบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนในเดนมาร์กมากมาย เช่น Unilever, DELL, Microsoft, Pfizer (บริษัทเภสัชกรรมจากสหรัฐอเมริกา), Nokia, IKEA, Siemens Wind Power และ Biogen Idec (บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากสหรัฐอเมริกา) เป็นต้น การเข้าสู่ตลาดเดนมาร์กเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเข้าสู่ตลาดอื่นๆ ในสหภาพยุโรป เนื่องจากเดนมาร์กเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ใช้มาตรฐานกฎระเบียบเดียวกับสหภาพยุโรป ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการบริโภคที่ยอมรับสินค้าใหม่ๆ โดยง่ายนิยมสินค้าที่มีนวัตกรรม ดีไซน์ที่แปลกใหม่ รักษ์สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ โดยเฉพาะสินค้าที่อำนวยความสะดวกสำหรับสังคมสูงวัยหรือชะลอความแก่ ภาษาที่ใช้โดยทั่วไปในเดนมาร์กคือ ภาษาเดนนิช แต่ประชากรส่วนใหญ่เข้าใจภาษาอังกฤษจนสามารถนับเป็นภาษาที่สองได้ เดนมาร์กจึงเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าสนใจในการทดลองตลาดสำหรับผู้ส่งออก กรุงโคเปนเฮเกนถือว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และการค้าในยุโรปเหนือ มีการคมนาคมขนส่งที่สะดวกทันสมัย สนามบินโคเปนเฮเกนได้รับการยกย่องให้เป็นสนามบินที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในยุโรปในปี ๒๕๕๔ จากการจัดอันดับของ Air Transport Research Society

๕.๑ การจัดตั้งสำนักงานตัวแทน

การจัดตั้งสำนักงานตัวแทนนั้นมีสิทธิพิเศษไม่ต้องชำระภาษีภายใต้การควบคุมของเดนมาร์ก การบริหารค่าใช้จ่ายโดยการหลีกเลี่ยงภาษีซ้ำซ้อนคือ การตั้งสำนักงานใหญ่ในเดนมาร์กแทนประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประเทศนอร์ดิกส์ การจัดตั้งบริษัทเดนมาร์ก, A/S หรือ ApS สามารถจัดทำได้ ๓ ทางด้วยกัน

  • การลงทะเบียนออนไลน์ สามารถลงทะเบียนได้สะดวกรวดเร็วที่ Danish Commerce and Companies Agency
  • การลงทะเบียนด้วยตนเอง ใช้เวลาประมาณ ๒ ถึง ๓ สัปดาห์
  • การลงทะเบียนแบบต้องการ Shelf company สามารถทำได้วันต่อวัน อย่างไรก็ตาม การลงทะเบียนออนไลน์เป็นการลงทะเบียนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

๕.๒ การจดสิทธิบัตร

สิทธิในทรัพย์สินในประเทศเดนมาร์กได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเป็นอย่างดี การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในเดนมาร์กนับว่ายิ่งได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ เดนมาร์กปฏิบัติตามอนุสัญญาระหว่างประเทศที่สำคัญและสนธิสัญญาเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สิน WTO ข้อตกลงการค้าที่เกี่ยวข้องของด้านทรัพย์สินทางปัญญา (Trade Related Aspects of Intellectual Property Rights TRIPS) ได้รับการอนุมัติ เดนมาร์กได้เซ็นสัญญาสนธิสัญญาอินเทอร์เน็ต (WIPO), สนธิสัญญาลิขสิทธิ์ (WIPO Copyright Treaty: WCT) และ การปฏิบัติงานสนธิสัญญาอินเทอร์เน็ตและการบันทึกเสียง (WIPO Performances and Phonograms Treaty: WPPT) แต่ยังไม่อนุมัติเนื่องจากเดนมาร์กยังอยู่ระหว่างรอการดำเนินการร่วมสัตยาบันกันของสหภาพยุโรป

ผู้ประกอบการควรจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ และสิทธิบัตรต่อสำนักงานทรัพยสินทางปัญญา โดยสามารถดูรายละเอียดได้จาก Danish Patent and Trademark Office

๕.๓ แนวทางการจัดตั้งร้านอาหารและภัตตาคารไทยในเดนมาร์ก

จากผลการสำรวจในปี ๒๕๕๔ พบว่าปัจจุบันมีร้านอาหารไทยเปิดบริการในเดนมาร์กกว่า ๘๐ ร้าน และร้านอาหารไทยแบบซื้อกลับบ้าน (Take Away) กว่า ๖๐ ร้าน ผู้ประสงค์จะประกอบการร้านอาหารไทยจะต้องยื่นแบบฟอร์มการเสียภาษีที่เรียกว่า "Told & Skat" ซึ่งหมายถึง Tax & Customs เมื่อยื่นแบบฟอร์มดังกล่าวแล้ว จะได้รับหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีที่เรียกว่า SE Number หรือ Personal Number ซึ่งหมายเลข SE เป็นสิ่งที่แสดงว่าบริษัทที่จัดตั้งขึ้นดังกล่าวมีข้อผูกพันจะต้องจ่ายชำระภาษีตามกฎหมาย

๕.๓.๑ การจดทะเบียน

ผู้ประกอบการ/เจ้าของขอยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทกับ Told & Skat โดยจ่ายค่าธรรมเนียมในการนี้ ๒,๔๐๐ เดนิชโครน โดยใช้เวลาประมาณ ๑ เดือน จะได้รับหายเลข SE ซึ่งเป็นเลขประจำตัวที่แสดงการได้รับอนุญาตและเป็นเลขประจำตัวที่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ประจำปีด้วยก็เริ่มต้นประกอบธุรกิจได้ หากมีลูกจ้างจะต้องแจ้งจะทะเบียนในการจ่ายภาษีเงินได้ (เงินเดือน) Wage Tax ด้วย หากลูกจ้างอยู่ภายใต้สหภาพแรงงาน Union ก็จะต้องมีเอกสารรับรองการจ่ายภาษีเงินได้นี้ไปให้หน่วยงาน ATP ซึ่งเป็นผู้ดูแลภายหลังจากยื่นขอจดทะเบียนเป็นบริษัทแล้ว ภายใน ๑๔ วัน จะต้องส่งเอกสารการจดทะเบียนประกอบกับแจ้ง วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนของความต้องการเปิดธุรกิจนี้ไปยังหน่วยงาน Told & Skat ในพื้นที่ที่จะเปิดธุรกิจนั้น

นอกจากนี้จะมีเอกสารประกอบคำขอยื่นเปิดกิจการ/ผู้เสียภาษีด้วย คือ จะต้องแจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับกิจการที่จะเปิดเช่น ประวัติผู้ประกอบการ ที่ตั้ง ขนาดของภัตตาคารมีความจุได้กี่คน ประมาณการรายได้ในปีถัดไป วิธีการบริหารกิจการ วิธีการผลิตสินค้าหรือบริการนั้นๆ เพื่อ เป็นการแจ้งให้ทราบลักษณะของธุรกิจ ตลอดจนสิ่งที่กิจการมุ่งจะดำเนินการ

๕.๓.๒ ภาษีที่ต้องจ่าย

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) สินค้าและบริการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๒๕ ของราคาสินค้า และบริการกรณีของการค้าในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป บริษัทจดทะเบียนในประเทศของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสีย VAT สำหรับการค้าระหว่างกัน ประเทศผู้ซื้อเป็นผู้จ่าย VAT ภาษีสำหรับสิ่งแวดล้อม (Point & Environment Tax) Point Tax เป็นภาษีทางอ้อม เช่นเดียวกับ VAT Point Tax (ภาษีสรรพสามิต) เป็นการกำหนดภาษีที่ต้องเก็บเป็นการเฉพาะกับบางสินค้าและบริการเท่านั้น เช่น ไวน์ แอลกอฮอล์ กาแฟ และบุหรี่ เป็นต้น

ภาษีธุรกิจ ในการเริ่มธุรกิจจะต้องประมาณการรายรับ-รายจ่าย และกำไรที่คาดว่าจะได้รับเพื่อคำนวณจ่ายภาษี แม้ธุรกิจเป็นเจ้าของคนเดียวก็ต้องแจ้ง/จดทะเบียนที่จะต้องจ่ายภาษีในฐานะลูกจ้างด้วยเรียกว่า B-Tax ในกรณีที่มีผู้ร่วมหุ้นหรือทุนจากต่างประเทศ เมิ่อมีกำไรและส่งออกไปยังต่างประเทศจะสามารถแจ้งจ่ายได้ว่าเป็น Loyalty เพื่อนำมาหักลดหย่อนก่อนจ่ายภาษีเงินได้ ทั้งนี้สามารถทำได้ในกรณีที่จะต้องส่งออกไปนอกประเทศกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปเท่านั้น

๕.๓.๓ การขออนุญาตทำธุรกิจร้านอาหาร

ในเดนมาร์กมิได้มีข้อจำกัดว่าจะต้องมีสัญชาติเดนมาร์กจึงจะสามารถตั้งธุรกิจร้านอาหารได้ หากเป็นสัญชาติอื่นก็สามารถดำเนินการได้ หากมีคุณสมบัติครบถ้วน คือ * สามารถทำนิติกรรมได้ (อายุเกินกว่า 18 ปี) * มีถิ่นที่อยู่ในเดนมาร์ก (ยกเว้นประเทศที่มีข้อตกลง เช่นกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป เป็นต้น) * ไม่อยู่ในฐานะล้มละลาย * ต้องมีใบอนุญาตประกอบการค้า (Noringsbrev)

๕.๓.๔ ขั้นตอนการติดต่อ

ขั้นแรกควรติดต่อ Horesta (The Hotel Restaurant and Tourism Industry in Denmark) เพื่อทราบข้อมูลรายละเอียดก่อนว่าในกิจการร้านอาหารที่จะดำเนินการนั้นจะต้องได้รับใบอนุญาตอะไรบ้าง นอกจากนี้ในกรณีที่เปิดร้านอาหารแล้วจะต้องบริการเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะต้องได้รับใบอนุญาตที่เรียกว่า Bevilling จะต้องยื่นขออนุญาตที่สถานีตำรวจ จะต้องมีอายุไม่น้อยกว่า ๒๕ ปี และมีเอกสารอนุญาตให้เปิด ภัตตาคารได้แนบไปด้วย โดยแบบฟอร์มดังกล่าวจะถูกส่งไปยัง Kommune หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งใบอนุญาตนี้จะมีระยะเวลาจำกัด

๕.๓.๕ เงื่อนไขสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติ

ผู้ประกอบการจะต้องได้รับอนุญาตต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อนจึงจะสามารถเปิดดำเนินการ ห้ามเปิดดำเนินการก่อนได้รับอนุญาต Noringsbrev จะต้องตั้งอยู่ในที่ตั้งถาวร มิให้เคลื่อนย้ายร้านไปหลายๆ ที่ เปลี่ยนแปลงที่อยู่ของร้านมิได้ ต้องตั้งอยู่ที่แจ้งไว้ในการยื่นขออนุญาตเท่านั้น อาหารที่ปรุงแต่งจากร้าน ในลักษณะสำเร็จรูปสามารถรับประทานได้จะอนุญาตให้จำหน่ายในร้านได้เท่านั้น ในการดำเนินการ เจ้าของกิจการหรือผู้จัดการที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจจะต้องเป็นผู้กำกับ ควบคุม ดูแลโดยตรง มิให้ผู้อื่นที่มิได้รับอนุญาตดำเนินการ ในกรณีของการขออนุญาตจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ยื่นขออนุญาตจะต้องมีถิ่นที่อยู่ในประเทศเดนมาร์ก ด้วย การจ้างลูกจ้างในภัตตาคาร ลูกจ้างจะต้องมีอายุอย่างน้อย ๑๘ ปี

๕.๓.๖ การลงทุนเปิดร้านอาหารไทย

สัดส่วนการลงทุน (ประมาณ) เงินลงทุนโดยประมาณของร้านอาหารประเภทต่างๆ เป็นขั้นต่ำในกรณีการเช่าดำเนินการ (เดนิชโครน)

  • ภัตตาคารระดับดี ๑,๐๐๐,๐๐๐ เดนิชโครน
  • ภัตตาคารระดับกลาง ๓๐๐,๐๐๐ เดนิชโครน
  • อาหารจานด่วน ๒๐๐,๐๐๐ เดนิชโครน

๕.๔ ข้อมูลและภาพตลาดการค้า

แม้ว่าเดนมาร์กจะเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดเล็ก มีประชากรเพียง ๕.๕๓ ล้านคน (ปี ๒๕๕๔) แต่เป็นตลาดที่สำคัญในแถบยุโรปเหนือ ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง รายได้ต่อหัว ๓๖,๗๖๔เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี (ในปี ๒๕๕๓ ) เป็นกลุ่มคนสูงอายุ ที่นิยมธรรมชาติ ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมักเลือกสรรสินค้าที่ดูดี มีรสนิยม คุณภาพมาตรฐานสินค้าสูง และอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย หรือช่วยชะลอความแก่ บำรุงให้อ่อนเยาว์ เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารออร์แกนิกส์ และเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุเพื่อสิ่งแวดล้อม และสินค้าที่สามารถตรวจสอบ Supply Chain Sustainability ได้ สินค้าพร้อมบริโภค หรือกึ่งสำเร็จรูป สินค้า และบริการเพื่อกลุ่มคนสูงอายุ เนื่องด้วยจำนวนประชากรวัยสูงอายุในเดนมาร์กเพิ่มมากขึ้น สินค้าและบริการเพื่อลูกค้ากลุ่มนี้จึงมีความน่าสนใจในตลาดเดนมาร์ก เช่น การบริการด้านการแพทย์ เครื่องมือทางการแพทย์ เครื่องออกกำลังและสปา เป็นต้น

๕.๔.๑ ห้างสรรพสินค้า Magasin

ห้างสรรพสินค้า Magasin ก่อตั้งในปี ๒๔๑๑ เป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำระดับ High-end มีจำนวน ๕ แห่งทั่วเดนมาร์ก ได้แก่ Kongens Nytorv และ Lynby ในกรุงโคเปนเฮเกน และอีก ๓ แห่งที่ Rodovre, Odense และ Aarhus มีจำนวนพนักงานทั้งหมดกว่า ๒,๒๐๐ คน และมีการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ ปัจจุบันนำเข้าสินค้าประเภทของขวัญ และสินค้าตกแต่งบ้าน อาหาร จากประเทศไทยบ้าง

๕.๔.๒ ห้างสรรพสินค้า Illum

ห้างสรรพสินค้า Illum ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๔๓๔ เป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำระดับ High-end มีแบรนสินค้าจากสแกนดิเนเวียที่หลากหลาย ตั้งอยู่ที่ถนน stergade ๕๒ ณ ใจกลางกรุงโคเปนเฮเกนและมีสาขากระจายอยู่ทั่วไป รวมทั้งในประเทศสวีเดน

๕.๔.๓ ห้างสรรพสินค้า Illums Bolighus

ห้างสรรพสินค้า Illums Bolighus ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๔๖๘ จำหน่ายสินค้าประเภทของใช้ในบ้าน เครื่องครัว ของขวัญ ของแต่งบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ สาขาใหญ่ตั้งอยู่ Amagertorv ใจกลางกรุงโคเปนเฮเกน และอีก ๓ สาขาย่อยที่สนามบินนานาชาติโคเปนเฮเกน และสวนสนุก Tivoli

๕.๔.๓ ศูนย์ค้าส่งผัก ผลไม้ และดอกไม้สด Gronttorvet

ศูนย์รวมค้าส่งผักสด ผลไม้และดอกไม้ Gronttorvet เป็นตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในตลาดนอร์ดิกส์อยู่ที่ถนน Gronttorvet ๕ ณ กรุงโคเปนเฮเกน ผู้ค้าส่งจะส่งสินค้าไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket chains) ร้านค้าปลีกต่างๆ นักตกแต่งดอกไม้ (Flower decorators) บริษัทรับจัดเลี้ยง (Catering) โรงอาหาร และตามบริษัทอื่นๆ ต่อไป

๕.๔.๓ ตลาด Torvehallernekbh

ตลาด Torvehallernekbh เป็นตลาดใหม่ล่าสุดใจกลางกรุงโคเปนเฮเกน เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน ๒๕๕๔ เป็นศูนย์รวมจำหน่ายผัก ผลไม้ ดอกไม้ และผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ โดยเน้นที่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สินค้าเกษตรอินทรีย์

๕.๕ เที่ยวบินระหว่างไทย-เดนมาร์ก

มีเที่ยวบินไปตรงระหว่างไทยและเดนมาร์ก ดังนี้ ๕.๕.๑ สายการบินไทย

๑. กรุงเทพ - โคเปนเฮเกน สัปดาห์ละ ๗ เที่ยวบิน

๒. ภูเก็ต - โคเปนเฮเกน สัปดาห์ละ ๓ เที่ยวบิน

๕.๕.๒ สายการบิน Scandinavian Airlines

๑.กรุงเทพ - โคเปนเฮเกน สัปดาห์ละ ๗ เที่ยวบิน

๕.๕.๓ สายการบิน TUIfly Nordic

๑.ภูเก็ต - โคเปนเฮเกน

๕.๕.๔ สายการบิน Thomas Cook Airlines

๑.ภูเก็ต - โคเปนเฮเกน

เวปไซต์                                               รายละเอียดเวปไซต์
http://www.visitdenmark.com/                         ข้อมูลเดนมาร์กเบื้องต้น
http://www.visitcopenhagen.com/                      ข้อมูลเบื้องต้นกรุงโคเปนเฮเกน
http://www.investindk.com/                           ข้อมูลลงทุนในเดนมาร์ก
http://www.copcap.com/                               ข้อมูลลงทุนในโคเปนเฮเกน
http://www.skat.dk/                                  ข้อมูลด้านภาษี
http://um.dk/                                        กระทรวงการต่างประเทศ
http://www.danskerhverv.dk/                          หอการค้าเดนมาร์ก
http://www.danskebank.com                            ธนาคารพาณิชย์ Danske Bank
http://www.nyidamark.ok                              ข้อมูลการเข้าเมือง

๖. คำถามที่พบบ่อยๆ

๖.๑ อัตราภาษี

เดนมาร์กเป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิกส์ที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่ยังคงใช้เงินสกุลเดนนิชโครน มีระบบเศรษฐกิจเปิดและกฎระเบียบการนำเข้าส่งออกส่วนใหญ่อิงกฎระเบียบของสหภาพยุโรปเป็นหลัก

เดนมาร์กเป็นอีกประเทศหนึ่งที่จัดเก็บภาษีที่สูงที่สุดในโลก โดยเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร้อยละ ๒๕ และอาจมีระบบภาษีอื่นมาเพิ่ม เช่น ล่าสุด รัฐบาลเดนมาร์กโดยกระทรวงภาษีได้ประกาศมาตรการเก็บภาษีสินค้าที่มีส่วนประกอบของไขมันอิ่มตัวมากกว่าร้อยละ ๒.๓ ซึ่งประกาศเริ่มใช้เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ อัตราภาษีดังกล่าวนี้จะแตกต่างกันไปตามปริมาณของไขมันอิ่มตัว ซึ่งโดยประมาณแล้วจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา ๑๖ โครนเนอร์ (ประมาณ ๙๐ บาท) ต่อไขมันอิ่มตัวร้อยละ ๒.๓ ไม่ใช่เพียงภาษีไขมันอิ่มตัวเท่านั้นที่เดนมาร์กประกาศใช้ ในปี ๒๕๕๓ เดนมาร์กได้ขึ้นภาษีไอศกรีม ชอกโกแลต ขนมหวาน น้ำอัดลม บุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นระดับภาษีที่สูงกว่าระดับเฉลี่ยของกลุ่มประเทศยุโรปด้วยกัน

๖.๒ รูปแบบการชำระเงินในเดนมาร์ก

ระบบการเงินของเดนมาร์กจัดได้ว่าเป็นเป็นระบบมาตรฐานสากลและมีความเข้มแข็งแห่งหนึ่งของโลก ธนาคารกลางเดนมาร์กเข้ามากำหนด กำกับ ดูแลรูปแบบการชำระเงินเดนมาร์ก ซึ่งเดนมาร์กมีวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย ซึ่งความแตกต่างขึ้นอยู่กับระบบขึ้นต้นและสุทธิ (Gross & Netting Systems) ซึ่งสามารถชำระเงินได้ทั้งในรูปแบบเงินสกุลเดนิชโครน หรือยูโร สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากธนาคารกลางเดนมาร์ก (Danmarks NationalBank)

สำหรับการค้าทั่วไปการชำระเงินมักใช้ Letter of Credit หรือTT และมักนิยมใช้ในรูปสกุลเงินเหรียญสหรัฐ และยูโร

๖.๓ เส้นทางขนส่งสินค้าไทยไปยังเดนมาร์ก

Copenhagen Malmo Port

Copenhagen Malmo Port (CMP) ถือว่าเป็นท่าเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในกลุ่มประเทศนอร์ดิกส์ ตั้งอยู่ทางชายแดนระหว่างกรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก และเมืองมัลโม ซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางธุรกิจอันดับ ๓ ของสวีเดน CMP ก่อตั้งในปี ๒๕๔๔

รายละเอียด CMP

  • พื้นที่ประมาณกว่า ๒ ล้านตร.ม.
  • พื้นที่สำหรับการพัฒนาประมาณกว่า ๓ ล้านตร.ม.
  • ความยาวท่าเรือ ๑๖.๕ กม.
  • ความยาวรางรถไฟ ๓๖ กม.
  • ขนาดคลังสินค้า ๐.๒ ล้าน ตร.ม.
  • ท่าเรือจำนวน ๒ แห่ง โดยที่ ๑ แห่งเป็นท่าเรือปลอดภาษี (Free Port)
  • สถานีเก็บสินค้า (Container Terminal) ๒ แห่ง ด้วยความกว้าง ๐.๒๕ ล้านตร.ม.
  • ความจุถังน้ำมัน ๒ ล้านลบ.ม.
  • ที่จอดรถ ๔ แห่งพร้อมระบบ Pre-delivery Inspection Facilities (PDI)
  • พนักงานจำนวนกว่า ๕๐๐ คน

ในปี ๒๕๕๔ CMP ยังได้รับรางวัล Europe's Best Cruise Port โดยรองรับผู้โดยสารกว่า ๐.๗๗ ล้านคน และยังได้รับใบประกาศมาตรฐาน ISO 9001 และ ISO 14001 เป็นการประกันระดับการจัดการคุณภาพมาตรฐานสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานโลก CMP มีคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded warehouse) และสินค้าสามารถจัดเก็บได้ ณ ท่าเรือในช่วงเวลาหนึ่งโดยมิต้องเสียค่าบริการศุลกากร (Customs clearance)

นอกจากนี้อาจมีผู้ส่งออก/นำเข้าบางรายใช้ท่าเรือแฮมบูร์ก ท่าเรือโกเทนเบอร์ก ขึ้นอยู่กับคลังสินค้าผู้นำเข้าว่าอยู่ใกล้แหล่งใด หรือค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ตลอดจนช่วงระยะเวลาขนส่ง

๖.๔ หน่วยการนับเงินของเดนมาร์ก

เดนมาร์กไม่ได้เข้าร่วมใช้เงินสกุลยูโร แต่ใช้เงินเดนิชโครน (DKK)เป็นสกุลหลัก ๑ เดนิชโครนเป็น ๑๐๐ เอือร์ อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ ๑ ยูโร ประมาณเท่ากับ ๗.๔ เดนิชโครน สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท ๑ เดนิชโครน เท่ากับ ๕.๕๒ บาท (ณ วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔)เงินธนบัตรเดนิชโครนมีขนาด ๕๐, ๑๐๐, ๒๐๐, ๕๐๐ และ ๑,๐๐๐ โครน และเหรียญ ๑, ๒, ๕, ๑๐ และ ๒๐ เดนิชโครน โดยที่ ๕๐ เอือร์เป็นเงินขนาดที่ต่ำที่สุด

๖.๕ เกร็ดอื่นๆ ที่ผู้ส่งออกควรทราบ

การติดต่อธุรกิจเป็นไปอย่างเป็นทางการ ควรนัดหมายล่วงหน้า ควรพบปะกับผู้บริหารระดับสูงและประสานติดต่อธุรกิจกับผู้จัดการระดับกลางเนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นผู้ตัดสินใจในการสั่งซื้อ การตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญ การใช้นามบัตรเพื่อการแนะนำตัวสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ชาวเดนมาร์กนิยมแต่งกายแบบเรียบง่าย การใส่ยีนส์ในสถานที่ทำงานพบเห็นได้ทั่วไป เมื่อพบปะกันนิยมจับมือทักทายและเรียกนามสกุล การสื่อสารควรเป็นไปอย่างสั้นกระชับใจความและลงรายละเอียดชัดเจน และการส่งกำหนดการประชุม บันทึกรายละเอียดการเจรจาการประชุมเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจกับชาวเดนมาร์ก

๖.๖ เทศกาลหรือประเพณีที่สำคัญของเดนมาร์ก

ในเดนมาร์ก จะมีการเฉลิมฉลองวันสำคัญต่างๆทางศาสนา วันที่มีความหมาย และวันสำคัญพิเศษ ซึ่งมีอยู่ตลอดทั้งปี

๖.๖.๑ วันเด็ก Fastelavn เทศกาล Fastelavn หรือมีความหมายว่า "เทศกาลรื่นเริง" เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งมีความเป็นมายาวนานตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ ในเดนมาร์ก เทศกาล Fastelavn มักเป็นสัญญาณเริ่มต้นของเทศกาลถือศีลอดอาหาร ตามความเชื่อของชาวคริสต์ ตามคติเดิม เด็กๆ จะแต่งกายในชุดแฟนซีและเคาะถังไม้ ตามประเพณีโบราณ จะมีแมวอยู่ในถังไม้ด้วย ปัจจุบันผู้ที่สามารถเคาะจนถังไม้แตก จะได้รับฉายาว่า จ้าวแห่งแมว วัน Fastelavn จะเกิดขึ้นก่อนวันอีสเตอร์ ๔๙ วัน

๖.๖.๒ วันสตรีสากล

วันที่ ๘ มีนาคมของทุกปีเป็นวันสตรีสากล และมีกิจกรรมเฉลิมฉลองกันทั่วประเทศ

๖.๖.๓ วันอีสเตอร์ Pๅske

อีสเตอร์ Pๅske เป็นวันสำคัญทางศาสนาที่มีการเฉลิมฉลองกันของชาวคริสต์ ซึ่งเตือนให้รำลึกถึงวันที่พระเยซูทรงถูกตรึง สิ้นพระชนม์ และฟื้นกลับมาอีกครั้ง ในเดนมาร์กวันอีสเตอร์มักเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ในสมัยก่อน จะมีประเพณีการมอบไข่อีสเตอร์ที่ทำจากช็อกโกแล็ตให้กันและกัน เพราะไข่เป็นสัญลักษณ์ของการบังเกิดใหม่หรือมีชีวิตใหม่ เทศกาลอีสเตอร์จะอยู่ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนของทุกปี

๖.๖.๔ วันแรงงานสากล

วันที่ ๑ พฤษภาคมเป็นวันแรงงานสากล และมีการจัดงานเฉลิมฉลองและกิจกรรมต่างๆ กันทั่วประเทศ

๖.๖.๕ เทศกาล Pinse

ตามความเชื่อของชาวคริสต์ เทศกาล Pinse เป็นการฉลองการเสด็จลงมาบนโลกของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่เดิมเทศกาล Pinse จะบอกถึงช่วงสิ้นสุดการเฉลิมฉลอง เจ็ดสัปดาห์หลังเทศกาล อีสเตอร์ ในเทศกาลนี้ จะมีประเพณีการตื่นตั้งแต่ย่ำรุ่งเพื่อมาเฝ้าดูดวงอาทิตย์ "ร่ายรำ" และหลายคนนิยมนำอาหารไปปิกนิกกันในป่า เทศกาล Pinse จะอยู่ในเดือนพฤษภาคมหรือเดือนมิถุนายนของแต่ละปี

๖.๖.๖ วันรัฐธรรมนูญ

วันที่ ๕ มิถุนายนเป็นวันรัฐธรรมนูญ ผู้คนจะจัดประชุมและแสดงปาฐกถา เพื่อเป็นการรำลึกถึงรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญของเดนมาร์ก เดนมาร์กเริ่มมีรัฐธรรมนูญฉบับแรกเมื่อปี ๒๓๙๒

๖.๖.๗ วันกลางฤดูร้อน Sankt Hans

ในเดนมาร์ก วันกลางฤดูร้อน Sankt Hans จะมีขึ้นในเย็นวันที่ ๒๓ มิถุนายน โดยมีต้นกำเนิดมาจากประเพณีของชนนอกศาสนาคริสต์และคริสต์ศาสนา เป็นการเฉลิมฉลองในกลางฤดูร้อน ตามประเพณีโบราณ โดยมีการเผาตุ๊กตาที่เป็นสัญลักษณ์ของแม่มดร้ายในกองเพลิง นอกจากนี้ วันกลางฤดูร้อนยังเป็นการรำลึกถึงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของนักบุญ Johannes D๘ber

๖.๖.๘ เทศกาลคริสต์มาส

คริสต์มาส เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู คืนก่อนวันคริสต์มาส คือวันที่ ๒๔ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่สมาชิกในครอบครัวจะมาพร้อมหน้ากัน รับประทานอาหารร่วมกัน และให้ของขวัญแก่กันและกัน จะมีการเต้นรำรอบต้นคริสต์มาส และร้องเพลงคริสต์มาสและเพลงอื่นๆ ร่วมกัน คนส่วนใหญ่จะเข้าร่วมในพิธีฉลองวันคริสต์มาสในโบสถ์ ก่อนถึงวันคริสต์มาส ร้านรวงและถนนหนทางจะตกแต่งด้วยกิ่งต้นสน มีการประดับประดาไฟและหัวใจคริสต์มาส ปีศาจน้อย และเทพน้อยๆในจินตนาการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตำนานคริสต์มาสของชนนอกศาสนาคริสต์ และมีบทบาทสำคัญในการเฉลิมฉลองคริสต์มาสของชาวเดนมาร์ก ในเดือนธันวาคม สถานที่ทำงานหลายแห่งจะจัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันในเทศกาลคริสต์มาส ส่วนที่สถานรับเลี้ยงเด็ก ตามโรงเรียน และศูนย์สันทนา

การหลังเลิกเรียน พวกเด็กๆ จะช่วยกันจัดทำของขวัญคริสต์มาส ตกแต่งสถานที่ เด็กจะได้ของขวัญเล็กๆทุกวัน ตามปฏิทินคริสต์มาส เช่นเดียวกันกับสถานีโทรทัศน์ ที่จัดออกอากาศรายการสำหรับเด็กทุกวันเกี่ยวกับคริสต์มาส ปฏิทินเหล่านี้เป็นการนับย้อนหลังจนถึงวันก่อนวันคริสต์มาส ส่วนในวันที่ ๒๕ และ ๒๖ ธันวาคม หรือที่เรียกว่าวันคริสต์มาสวันแรก และวันที่ ๒ ซึ่งครอบครัวส่วนใหญ่จะมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันในเทศกาลคริสต์มาสพร้อมหน้ากัน

๖.๖.๙ เทศกาลปีใหม่ คืนก่อนวันปีใหม่หรือคืนวันที่ ๓๑ ธันวาคมนั้น ผู้คนทั่วเดนมาร์กจะร่วมกันเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ด้วยการจุดดอกไม้ไฟ ในวันปีใหม่ หรือวันที่ ๑ มกราคม ร้านรวงและสถานที่ทำงานต่างๆ จะปิดทำการเกือบทุกแห่ง

๖.๖.๑๐ วันสำคัญและเทศกาลเฉลิมฉลองในศาสนาอื่น วันสำคัญอื่นๆ เกิดขึ้นเนื่องจากกระแสการซึมซับทางวัฒนธรรมทั่วโลก และจากการที่มีคนเดนมาร์กที่มีพื้นฐานมาจากต่างชาติเข้ามาพำนักอาศัยในเดนมาร์กมากขึ้น ทำให้มีการรับเอาวันสำคัญตามประเพณีและเทศกาลเฉลิมฉลองของศาสนาอื่นเข้ามา ด้วย

  • โรงเรียนบางแห่งจะสัมผัสได้ชัดถึงการฉลองเทศกาลรัมมะฎอน หรือเดือนถือศีลอดอาหารของชาวมุสลิม
  • ใน หลายๆ สถานที่ จะมีการเฉลิมฉลองวันฮาโลวีนในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ตามประเพณีของชาวอเมริกัน เด็กๆ จะแต่งกายเป็นภูติผีปิศาจ มีการนำฟักทองมาคว้านไส้ออก เจาะทำตา จมูก และปาก แล้วจุดเทียนใส่เข้าไปทำเป็นโคมไฟ
  • ในหลายๆ พื้นที่ของเดนมาร์ก ประชาชนจะจัดงานรื่นเริงเลียนแบบการเฉลิมฉลองตามประเพณีของชาวอเมริกาใต้ โดยมีขบวนแห่และมีการเล่นดนตรีแซมบ้า เรียกว่าขบวนแห่ Kanival ซึ่ง ขบวนแห่ Kanival ที่ใหญ่ที่สุดจัดขึ้นที่กรุงโคเปนเฮเกน

๗. หน่วยงานติดต่อสำคัญ

๗.๑ สถานเอกอัครราชฑูตไทย / สถานกงสุลไทย

ที่อยู่ Royal Thai Embassy

Norgesmindevej 18

2900 Hellerup

Denmark

โทรศัพท์ + 45 39 62 50 10 โทรสาร + 45 39 62 50 59

อีเมล์ mail@thaiembassy.dk info@thaiembassy.dk

เวปไซต์ www.thaiembassy.dk

๗.๒ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ

ที่อยู่ Hellerupbej 76,

2900 Hellerup

Copenhagen, Denmark

โทรศัพท์ +45 3962 6999

โทรสาร +45 3962 6099

เวปไซต์ www.thaicom.dk

อีเมล์ dep@thaicom.dk

๗.๓ บริษัทการบินไทย

ที่อยู่THAI Airways International PCL

Radhuspladsen 16, 4. sal

1550 Kobenhavn V

โทรศัพท์ +45 3375 0120 โทรสาร +45 3375 0180

เวปไซต์ http://www.thaiairways.dk/

อีเมล์ จองตั๋ว res@thaiairways.dk ฝ่ายขาย sales@thaiairways.dk

๗.๔ Copenhagen Capacity

ที่อยู่Norregade 7 B

DK-1165 Copenhagen K

Denmark

โทรศัพท์ +45 33 22 02 22 โทรสาร +45 33 22 02 11

อีเมล์ info@copcap.com

เวปไซต์ http://www.copcap.com/

๗.๕ Danish Chamber of Commerce

ที่อยู่Dansk Erhverv

Borsen

DK-1217 K๘benhavn K

เวปไซต์ www.danskerhverv.dk

โทรศัพท์ 3374 6000 โทรสาร 3374 6080

อีเมล์ info@danskerhverv.dk

๗.๖ Danish Trade Council

Ministry of Foreign Affairs of Denmark

The Trade Council

ที่อยู่Asiatisk Plads 2

DK-1448 Copenhagen K

โทรศัพท์ +45 33 92 05 00 อีเมล์ eksportraadet@um.dk

๗.๗ รายชื่อห้างสรรพสินค้า / ไฮเปอร์มาร์เก็ต

เวปไซต์                                               ห้างสรรพสินค้า / ไฮเปอร์มาร์เก็ต
http://www.magasin.dk/                               Magasin
http://www.illum.eu/                                 Illum
http://www.illumsbolighus.dk/                        Illums Bolighus
http://www.groenttorvet.dk/                          Gronttorvet
http://torvehallernekbh.dk/                          Torvehallernekbh
http://www.cooptrading.com/                          Coop Trading A/S
http://www.s-engros.dk/                              Dagrofa
http://www.fakta.dk/                                 Fakta
http://www.superbest.dk/                             SuperBest
http://www.foetex.dk/                                Fotex
http://www.aldi.dk/                                  Aldi
http://www.bilka.dk/                                 Bilka
http://www.superbrugsen.dk/                          SuperBrugsen
http://www.kvickly.dk/                               Kvickly
http://www.irma.dk/                                  Irma
http://www.netto.dk/                                 Netto

๗.๘ รายชื่อร้านอาหารไทย

ภัตตาคารไทยในเดนมาร์กมีมากกว่า ๘๐ แห่ง และเป็นร้านแบบ Take away กว่าอีก ๖๐ แห่ง ซึ่งดีรับความนิยมเป็นอย่างสูง ตัวอย่างภัตตาคารไทยในเดนมาร์ก ได้แก่

เวปไซต์                                               ภัตตาคารไทย
http://www.ayuttaya.dk/                              Ayuttaya 1
http://www.bangaw.dk/                                Bangaw
http://www.blueelephant.com/copenhagen/              Blue Elephant
http://www.easterncorner.dk/                         Eastern Corner
http://justthai.dk/                                  Just Thai
http://www.khunjuk.dk/                               Khunjuk
http://kiin.dk/                                      Kiin Kiin
http://www.poonchai.dk/                              Poonchai
http://www.panya-thai.dk/                            Panya Thai
http://www.thaitakeaway2970.dk/                      Sawasdee
http://www.silom.dk/                                 Silom
http://www.sirivanthai.dk/                           Sirivan
http://www.sukhumvit.dk/                             Sukhumvit
http://restaurantspicylicious.dk/                    Spicylicious
http://www.thaipan.dk/                               Thai Pan
http://www.thaiogsushi.dk/                           Thai og Sushi
http://www.ricemarket.dk/                            Rice Market
http://www.chiangmaithai.dk/                         Chiangmai Thai
http://thaimekong.dk/                                Thai Mekong
http://ranees.dk/                                    Ranee's
http://www.wokbaren.dk/                              Wok Baren
http://www.๘stens-perle.dk/                          Ostens Perle

๘. ข้อมูลอ้างอิง

กระทรวงพาณิชย์

กระทรวงการต่างประเทศ

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโคเปนเฮเกน

Aarhus Kommune

CIA

Copenhagen Malmo Port

Danish Chamber of Commerce

Danish Trade Council

Danmarks NationalBank

Economist Intelligence Unit

Export Promotion Denmark

Global Competitiveness Report

IMF

Invest in Denmark

PwC

SKAT

The Heritage Foundation

Visit Aarhus

Visit Copenhagen

Visit Denmark

World Atlas

World Bank

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโคเปนเฮเกน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ