รายงานการเยี่ยมพบผู้นำเข้าสินค้า Food & Non-Food ในตลาดเยอรมนี

ข่าวเศรษฐกิจ Friday February 10, 2012 15:25 —กรมส่งเสริมการส่งออก

๑. ข้อมูลบริษัท
          ๑.๑  ชื่อบริษัท         Kreyenhop & Kluge GmbH & Co. KG

๑.๒ ผู้บริหารที่เข้าพบ Mr. J๖rn Kreyenhop, Managing Director

Mr. Rainer G๖ths, Sales Director

Mr. Nikolaus Martin, Purchasing Director

          ๑.๓  ที่อยู่            Kreyenhop & Kluge GmbH & Co. KG

Food & Non-Food Import

Industriestra฿e 40-42

28876 Oyten

โทรศัพท์ : +49 42 07 / 604 - 0

โทรสาร : +49 42 07 / 604 - 185

เว็บไซต์ : www.kreyenhop-kluge.com

อีเมล์ : kreyenhop@kreyenhop.de

๑.๔ รูปแบบกิจการ และสินค้าหลักของบริษัท

Kreyenhop & Kluge GmbH & Co. KG (K&K) เป็นบริษัทผู้ค้าส่ง และนำเข้าสินค้าอาหารจากภูมิภาคเอเชีย ที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของยุโรป (และมีการนำเข้าสินค้าอาหารอื่นๆ จากประเทศในยุโรป แอฟริกา และลาตินอเมริกาด้วย) Supply สินค้าให้กับกลุ่มห้างสรรพสินค้าต่างๆในตลาดเยอรมนี และตลาดยุโรป ทั้งที่เป็นกลุ่ม Cash&Carry และ Mainstream อาทิ Edeka Group (Edeka, Markkauft), METRO Group (Metro Cash & Carry, Real, Galeria Kaufhof), REWE Group (REWE, Fegro/Selgros, TOOM), Tengelmann Group (Kaiser's Tengelmann), Globus SB-Waren และ CITTI เป็นต้น ส่งวัตถุดิบอาหารแช่เย็นแช่แข็งให้แก่บริษัทผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง เช่น บริษัท FROSTA AG รวมทั้งส่งสินค้าให้กับร้านค้าอาหารเอเชีย (Asia/Ethnic stores) ทั่วประเทศเยอรมนี(กว่า ๒,๐๐๐ ร้าน) รวมทั้งกลุ่มธุรกิจ Hotel Restaurant and Catering อีกด้วย

บริษัทฯ มี Sister company ชื่อ Brinkhoff Trading GmbH & Co. KG เป็นผู้นำเข้าและค้าส่งสินค้า Lifestyle ของขวัญ ของประดับตกแต่งบ้าน ให้แก่ห้างสรรพสินค้า Discounters และ Special trading อย่างบริษัท Tchibo GmbH เป็นต้น

          K&K ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๓๓ (พ.ศ. ๒๔๗๖) ในลักษณะบริษัทครอบครัว (Family-owned) และยังคงลักษณะธุรกิจครอบครัวมาจนกระทั่งปัจจุบัน     ในปี ๒๕๕๔  บริษัทฯ มียอดขายเป็นมูลค่าประมาณ  ๗๐.๐ ล้านยูโร  (ประมาณ ๒,๘๐๐ ล้านบาท)    ปัจจุบันมีพนักงาน  ๑๗๐ คน  มีที่ตั้งบริษัทฯบนพื้นที่กว่า ๑๕,๐๐๐ ตารางเมตร  ซึ่งใช้เป็นคลังสินค้าอาหารแห้งประมาณ ๗,๐๐๐ ตารางเมตร และคลังสินค้าแช่เย็นแช่แข็งประมาณ  ๔,๐๐๐ ตารางเมตร   มีความจุแท่นวางสินค้ารวมทั้งสิ้นกว่า ๑๘,๐๐๐ Pallets  และมีรถบรรทุกห้องเย็นขนส่ง/กระจายสินค้าให้แก่ลูกค้าของบริษัท รวม ๑๗ คัน    บริษัทฯ ได้ตั้งสำนักงานจัดซื้อในต่างประเทศ รวม ๖ สำนักงาน ในฮ่องกง จีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินเดีย  ทั้งนี้ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ไว้ว่าเป็น "ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์/สินค้าจากเอเชีย  ในตลาดยุโรป"

สินค้าของบริษัทฯ ที่จัดจำหน่ายมีมากกว่า ๒,๕๐๐ รายการ ประกอบด้วย

(๑) สินค้าอาหารแช่เย็นแช่แข็ง (รวมกว่า ๕๐๐ รายการ) ได้แก่ อาหารทะเล เนื้อสัตว์ชำแระสำเร็จรูป ผักสด ผลไม้ และขนมหวาน

(๒) สินค้าอาหารสำเร็จรูปบรรจุกระป๋อง จัดจำหน่ายโดยใช้ Owned Brands อาทิ แบรนด์ "Exotic Food" จากประเทศไทย แบรนด์ "Rajah" จากอินเดีย และแบรนด์ "Amoy" ของจีน เป็นต้น

(๓) สินค้าอาหารแห้ง ได้แก่ เครื่องเทศ ซอสปรุงรส น้ำพริก เครื่องดื่ม เป็นต้น

(๔) สินค้าที่มิใช่อาหาร ได้แก่ สินค้า Lifstyle ของขวัญ ของประดับตกแต่งบ้าน ของใช้ภายในครัว สินค้าทั้ง ๔ กลุ่มข้างต้น มีการนำเข้ามาจากประเทศไทย จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ อินเดีย และฟิลิปปินส์

K&K เริ่มธุรกิจนำเข้าสินค้าอาหารจากประเทศในเอเชีย รวมทั้งอาหารไทย มาตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๘๐ (พ.ศ. ๒๕๒๓) โดยสินค้าอาหารไทย มีสัดส่วนสูงสุดกว่า ร้อยละ ๕๐ ของอาหารที่บริษัทฯนำเข้าทั้งสิ้น ซึ่งปัจจุบันนำเข้าและเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าอาหารแบรนด์ไทยแล้วกว่า ๔๐ แบรนด์ และมีแนวโน้มจะสั่งซื้อสินค้าอาหารจากประเทศไทยให้หลากหลายมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากตลาดเยอรมนี และตลาดยุโรปโดยรวม ยังคงมีอุปสงค์ หรือความต้องการบริโภคอาหารไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในระยะยาว

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์/สินค้าอาหารไทยที่บริษัทฯ นำเข้า ได้แก่ เครื่องดื่มน้ำผลไม้ เครื่องแกง/น้ำพริกแกง ซอส/น้ำมันปรุงรสแบบปรุงสำเร็จสำหรับเมนูไทยหลากชนิด น้ำกะทิ ข้าวหอมมะลิ เส้นก๊วยเตี๋ยว น้ำจิ้มไก่/อาหารทะเล/สะเต๊ะ ซอสพริก น้ำปลา พริก/ตะไคร้/กระเทียมดอง อาหารกลุ่ม Ready to eat ถั่วอบกรอบรสชาติต่างๆ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เบียร์/สุรา กลุ่มอาหารแช่เย็นแช่แข็ง ได้แก่ ลูกชิ้นปลา/กุ้ง/ปลาหมึก ปลาสด ปูอัด อาหารทะเลผสม และตัดแต่งสำเร็จรูปสำหรับ Sushi ไก่ Yakitori ข่า/ตะไคร้/ใบมะกรูดสดแช่แข็ง ทุเรียนสดแช่แข็ง ไอศกรีมรสผลไม้ไทย ขนมหวานของไทย อาทิ ลอดช่อง รวมมิตร บัวลอย ข้าวเหนียวถั่วดำน้ำกะทิ ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวต้มมัด ขนมสอดไส้ เป็นต้น กลุ่มสินค้าบรรจุกระป๋อง เช่น ข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ ใบย่านาง ผลไม้ในน้ำเชื่อม ปลากระป๋อง รวมถึงกลุ่มอาหารแห้ง ได้แก่ ถั่วต่างๆ มะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ พริกไทย และพริกแดงป่น เป็นต้น (ภาพประกอบ การเยี่ยมชมบริษัท ดังแนบ)

๒.ข้อมูล/ข้อคิดเห็น ที่ได้รับจากการหารือ :

๒.๑ แนวโน้มความนิยมบริโภคอาหารเอเชีย และโดยเฉพาะอาหารไทย มีเพิ่มขึ้นอย่างมากในตลาดเยอรมนีในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา ซึ่งในสายตาของผู้บริโภคชาวเยอรมันเองแล้ว มองว่าเป็นอาหาร Trendy ที่มีผู้นิยมบริโภคมากขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยที่ว่ากลุ่มประเทศในเอเชีย และประเทศไทยได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากในกลุ่มชาวเยอรมัน และเมื่อนักท่องเที่ยวเหล่านี้เดินทางกลับประเทศ ต่างมีความต้องการทั้ง ต้องการรับประทาน และต้องการทดลองปรุงอาหารเหล่านั้นที่ตนเคยได้ไปชิมรสชาติของแท้ดั้งเดิมมาแล้ว เพื่อให้คนในครอบครัวและเพื่อนฝูงได้ทดลองรับประทานด้วย จึงทำให้ดีมานด์ในสินค้าอาหารดังกล่าวเพิ่มขึ้น และยังคงมีแนวโน้มขยายตัวในระยะยาว

๒.๒ บริษัท K&K มองเห็นความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องดังกล่าว จึงตัดสินใจเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดในการนำเข้า และสร้างแบรนด์ให้แก่สินค้าอาหาร Original Brands จากประเทศในเอเชียต่างๆ รวมทั้งแบรนด์สินค้าอาหารไทย ด้วยเหตุผลที่ว่า ในปัจจุบันผู้บริโภคมีความรู้ในเรื่องรสชาติอาหาร และสามารถแยกแยะได้เองว่าเป็นสินค้าจากชาติใดในเอเชีย จึงมักให้ความสำคัญกับการเลือกซื้ออาหารที่เป็น Original brands มากขึ้น ซึ่งบริษัทฯได้ก็ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี สินค้าอาหารไทยที่เป็นแบรนด์ไทยแท้สร้างยอดขายได้เพิ่มมากขึ้น มีแนวโน้มความต้องการในตลาดขยายตัว เมื่อเทียบกับบริษัทคู่แข่งอื่นๆที่เลือกดำเนินกลยุทธ์การขายสินค้าอาหารเอเชียโดยใช้แบรนด์ของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปสงค์จากกลุ่มลูกค้า Mainstream

๒.๓ นอกจากนี้ กลยุทธ์การส่งเสริมการขายสินค้าอาหารไทยที่สำคัญ และควรทำอย่างต่อเนื่อง ก็คือสร้าง Consumer perception ของตลาดเยอรมันที่มีต่อสินค้าอาหารไทย ให้ผู้บริโภคในตลาดระดับกลางถึงระดับบน รู้จักและคุ้นเคยกับอาหารไทยให้ขยายในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งในปีงบประมาณ ๒๕๕๕ นี้ สคต.เบอร์ลิน ได้มีแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย/ประชาสัมพันธ์สินค้าอาหารไทย ร่วมกับทางบริษัท K&K และห้างค้าปลีกสินค้าอาหาร ซึ่งบริษัท K&K เป็นผู้ Supply สินค้าอาหารไทยให้ด้วยแล้ว และในงาน THAIFEX ๒๐๑๒ นี้ ทางผู้บริหารฝ่ายจัดซื้อของบริษัทฯ จะเดินทางไปเลือกสั่งซื้อสินค้าอาหารไทยจากในงาน เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าอาหารไทยในตลาดเยอรมนีอีกด้วย

๒.๔ ในส่วนของกลุ่มสินค้าที่มิใช่อาหาร ที่ Sister company : Brinkhoff Trading GmbH & Co. KG นำเข้ามาจำหน่ายในตลาดเยอรมนี นั้น เป็นกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ ของใช้ในบ้าน ของประดับตกแต่งบ้าน และของขวัญประจำเทศกาลพิเศษต่างๆ บริษัทฯ มีระยะเวลาวางแผนและสั่งนำเข้าล่วงหน้า ๖-๙ เดือน ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าของบริษัท อย่างกลุ่ม Tchibo GmbH ที่มีการวางแผนส่งเสริมการขายสินค้าใน Theme ต่างๆไว้ล่วงหน้าตามช่วงระยะเวลาดังกล่าวด้วยแล้ว นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา Mr. J๖rn Kreyenhop ซึ่งดูแลการนำเข้าสินค้ากลุ่ม Non-food ได้เดินทางเข้าชมงานแสดงสินค้า BIG & BIH ที่กรุงเทพฯ ด้วย และได้ให้ความคิดเห็นว่าสินค้าไทยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพอยู่แล้ว แต่ควรเพิ่มความหลากหลายของรูปแบบสินค้าให้แตกต่างจากที่ผ่านมา และหากขยายขนาดงาน เพิ่มจำนวน Exhibitors ให้มากขึ้น งานดังกล่าวจะสามารถดึงดูดผู้นำเข้าจากต่างประเทศได้มากทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม สัดส่วนสินค้านำเข้ากลุ่ม Non-food ของบริษัทฯ ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากประเทศจีน ด้วยเหตุผลของราคา ที่นับเป็นปัจจัยในการพิจารณาสั่งซื้อเป็นสำคัญ

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


แท็ก เยอรมนี   rain  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ