การค้าระหว่างประเทศของอิสราเอล ปี 2554

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 30, 2012 14:13 —กรมส่งเสริมการส่งออก

การค้าระหว่างประเทศของอิสราเอล ปี 2554

ในปี 2554 อิสราเอลมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ 140,797 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการส่งออกมีมูลค่า 67,261 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 15.1 จากปี 2553 และการนำเข้ามีมูลค่า 73,536 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 24.2 จากปี 2553 อิสราเอลจึงขาดดุลการค้า 6,227 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2554

เมื่อพิจารณามูลค่าการค้ารายภูมิภาค อิสราเอลทำการค้ามาก ได้แก่ สหภาพยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเซีย ในปี 2554 อิสราเอลนำเข้าจากสหภาพยุโรปมากที่สุดมีมูลค่า 25,434 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากปี 2553 ร้อยละ 24.6 รองลงมา คือ เอเซีย มีมูลค่า 16,317 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากปี 2553 ร้อยละ 22.4 และอเมริกาเหนือ มีมูลค่า 9,298 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากปี 2553 ร้อยละ 12.6 ซึ่งร้อยละ 94 เป็นการนำเข้าจากอเมริกา

ส่วนการส่งออก อิสราเอลส่งออกไปอเมริกาเหนือมากที่สุด คิดเป็นมูลค่า 20,528 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 5 รองลงมาได้แก่ สหภาพยุโรป 18,585 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 21.1 และส่งออกมาเอเซียมีมูลค่า 16,370 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 18.7 สำหรับกลุ่ม OECD นั้น อิสราเอลมีการส่งออกไปสมาชิก OECD มีมูลค่า 43,140 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจาก OECD มีมูลค่า 44,516 ล้านเหรียญสหรัฐ

ประเทศคู่ค้าสำคัญ ตลาดส่งออกสำคัญของอิสราเอล ได้แก่ สหรัฐฯ มีสัดส่วนร้อยละ 28.8 ของมูลค่าส่งออกรวม ฮ่องกง มีสัดส่วนร้อยละ 7.9 เบลเยี่ยม มีสัดส่วนร้อยละ 5.6 อังกฤษ มีสัดส่วนร้อยละ 5.0 อินเดีย มีสัดส่วนร้อยละ 4.5 จีนมีสัดส่วนร้อยละ 4.0 สำหรับไทยเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 22 มีสัดส่วนร้อยละ 0.9

แหล่งนำเข้าสำคัญ ของอิสราเอล ได้แก่ สหรัฐฯ มีสัดส่วนร้อยละ 11.8 ของมูลค่านำเข้ารวม จีน มีสัดส่วนร้อยละ 7.4 เยอรมนี มีสัดส่วนร้อยละ 6.2 เบลเยี่ยมมีสัดส่วนร้อยละ 6.1 สวิตเซอร์แลนด์มีสัดส่วนร้อยละ 5.4 และไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 20 มีสัดส่วนร้อยละ 0.8

สำหรับสินค้าสำคัญที่อิสราเอลนำเข้า ได้แก่ สินค้าวัตถุดิบ มีมูลค่า 26,406 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36.3 รองลงมา ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง 13,638 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 18.7 สินค้าทุน 12,313 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 16.9เพชร 10,157 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 14.0 และสินค้าอุปโภคบริโภค 10,040 ล้านเหรียญสหรัฐโดยมีสัดส่วนการนำเข้าร้อยละ 13.8 หากพิจารณาตามรายสินค้า สินค้าที่อิสราเอลนำเข้ามาก ได้แก่ เพชร น้ำมันดิบ น้ำมันปิโตรเลียม โทรศัพท์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เครื่องจักรผลิตเซมิคอนดักเตอร์หรือเวเฟอร์ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ ยารักษาโรค คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์

การส่งออกตามเทคโนโลยีของอิสราเอล สินค้าที่มีเทคโนโลยีสูงหรือไฮเทค เช่น คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เครื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เครื่องมือควบคุมและตรวจสอบ เครื่องบิน มีมูลค่าส่งออก 21,357 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงขึ้นร้อยละ 6.1 สินค้าที่มีเทคโนโลยีกลาง-สูง เช่น เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ มีมูลค่าส่งออก 13,939 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.0 สินค้าที่มีเทคโนโลยีกลาง-ต่ำ เช่น ยางและผลิตภัณฑ์ยาง แร่และหิน ผลิตภัณฑ์เหล็ก เพชร พลอย และเครื่องประดับ มีมูลค่าส่งออก 7,710 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงขึ้นร้อยละ 14.4 สินค้าที่มีเทคโนโลยีต่ำ เช่น อาหาร สิ่งทอ เสื้อผ้า และเครื่องหนัง กระดาษและสิ่งพิมพ์ มีมูลค่าส่งออก 2,238 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5

ด้านการส่งออกสินค้าสำคัญ ในปี 2553* สินค้าสำคัญที่อิสราเอลส่งออก ได้แก่ เพชร ยารักษาโรค วงจรอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ โทรศัพท์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ปุ๋ย ส่วนประกอบของเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ เครื่องวัดและเครื่องตรวจสอบ เครื่องมือวิทยาศาสตร์และการแพทย์

การค้าระหว่างอิสราเอลกับประเทศไทย

การค้าระหว่างอิสราเอลกับประเทศไทย ได้ขยายตัวมาโดยตลอด ในปี 2554 ที่ผ่านการค้ามีมูลค่า 1,213.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากปี 2553 ร้อยละ 16.9 ไทยเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 22 เป็นการส่งออกจากอิสราเอลมาประเทศไทย 637.0 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.5 ในขณะที่เป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 20 การนำเข้าของอิสราเอลจากไทยมีมูลค่า 576.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 โดยอิสราเอลได้ดุลการค้า 60.1 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณามูลค่าการค้าที่ไม่รวมเพชร อิสราเอลส่งออกมาไทย 294 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากไทย 484 ล้านเหรียญสหรัฐ และอิสราเอลขาดดุลการค้ากับไทย 190 ล้านเหรียญสหรัฐ

สินค้าสำคัญที่อิสราเอลนำเข้าจากไทย เพิ่มขึ้น ได้แก่ โทรทัศน์สีอื่นๆ มีมูลค่า 36.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 รถยนต์นั่ง 1,000 — 1,500 ซีซี มีมูลค่า 31.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 307.9 โพลิเอทิลีน มีมูลค่า 23.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 66.8 ตู้เย็นมีมูลค่า 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 88.4 ปลาทูน่ากระป๋อง มีมูลค่า 18.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.7 รถยนต์นั่ง 1,500 — 2,500 ซีซี มีมูลค่า 13.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 828.8 ส่วนประกอบโทรศัพท์ มีมูลค่า 13,223 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เป็นต้น

สินค้าที่นำเข้าจากไทยลดลง ได้แก่ เพชรที่ไม่ได้ใช้ในอุตสาหกรรมมีมูลค่า 88 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 22.9 ข้าวหอมมะลิและข้าวขาวมีมูลค่า 41.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง ร้อยละ 7.2 รถกระบะ มีมูลค่า 36.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 16.6 มอนิเตอร์และเครื่องฉายโปรเจกเตอร์ มีมูลค่า 21.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 8.6 เป็นต้น

สินค้าสำคัญที่อิสราเอลส่งออกมาไทย* ได้แก่ เพชร ส่วนประกอบโทรศัพท์ ปุ๋ย สารฆ่าแมลงและวัชพืช เครื่องจักรสำหรับผลิตแผงวงจรประกอบซีพียู อาหารแปรรูปอื่นๆ เคมีภัณฑ์ อนินทรีย์ ฝ้ายดิบ เศษกระดาษ เป็นต้น

สินค้าที่อิสราเอลยังมีความต้องการนำเข้า เช่น อาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้าและรองเท้า ของใช้ในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน เหล็ก และเหล็กกล้า อุปกรณ์และชิ้นส่วนสำหรับผลิตเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ ยางพาราและผลิตภัณฑ์

คู่แข่งที่สำคัญของไทย คือ จีน อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งจากการที่รัฐบาลอิสราเอลมีนโยบายมุ่งเน้นภูมิภาคตะวันออก และภาคเอกชนจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลในการทำการค้าทำให้การค้ากับ 3 ประเทศนี้ขยายคัวอย่างมาก อย่างไรก็ดี เนื่องจากสินค้าไทยมีราคาสูงกว่าจีนร้อยละ 20-30 อิสราเอลจะเลือกซื้อสินค้าจากจีนเป็นส่วนใหญ่ แต่ผู้ที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพจึงจะนำเข้าจากไทย โดยเฉพาะ 2-3 ที่ผ่านมานี้ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น มากกว่ารายได้ ทำให้คนอิสราเอลคำนึงถึงราคาในการซื้อสินค้ามากกว่าคุณภาพ

หมายเหตุ : * สำนักงานสถิติกลางของอิสราเอลยังไม่เผยแพร่สถิติการส่งออกรายสินค้าของปี 2554

---------------------------------------

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเทลอาวีฟ

มีนาคม 2555


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ