รายงานการเข้าร่วมประชุมสัมมนา ชิ้นส่วนยานยนต์และยานยนต์อิเล็กทรอนิคส์ไทเป ปี 2012

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 20, 2012 15:19 —กรมส่งเสริมการส่งออก

รายงานการเข้าร่วมประชุมสัมมนา

ชิ้นส่วนยานยนต์และยานยนต์อิเล็กทรอนิคส์ไทเป ปี 2012

2012 Taipei International Auto Parts&Auto Electronics Forum

จัดโดย Taiwan External Trade Development Council (TAITRA)

ภายใต้การสนับสนุนของ Ministry of Economic Affairs, Taiwan

วันที่ 11 เมษายน 2555 Nangang Exhibition Center, Room 506

---------------------------------------------------------

วิทยากรประกอบด้วย

1. Mr. Antonio Radaelli - Infortainment BU Director, Automotive Product Group. STMicroelectronics

2. Mr. David Xu - Executive Vice President, Bosch (China) Investment Ltd

3. Mr. Kevin Yu - Director of Asia Pacific, Tesla Motors

4. Mr. Philippe Halot - Commodity Purchasing Director, Faurecia

5. Mr. Francis Foo - Marketing Director, Automotive Regional Centre, Infineon Technologies Asia Pacific

6. Mr. Hong-fu Tien, Deputy Director of Planning Department, First Automobile Works

7. Mr. Vivek Vaidya, Vice President, Automotive Practice, Asia Pacific, Frost & Sullivan

สรุปสาระสำคัญของการบรรยาย

1. การผลิตและการประยุกต์ใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์มีความหลายหลาย และมีศักยภาพสูงในอนาคต สถิติของศูนย์วิจัยรถยนต์ของไต้หวันระบุว่า ในปี 2010 สัดส่วนต้นทุนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ในรถยนต์เท่ากับ 35% ของต้นทุนรถทั้งคัน และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปี 2012 เชื่อว่ามูลค่าตลาดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์สำหรับรถยนต์จะสูงถึง191,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ ภาพเสียงบันเทิง การประหยัดพลังงาน ความปลอดภัย เซมิคอนดักเตอร์และ LED ซึ่งจะมีการผสานรวมเป็นระบบการเดินทางอัจฉริยะ การปกป้องมนุษย์แบบอัตโนมัติ การประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมที่ทันสมัย จึงนับเป็นอุตสาหกรรมแขนงใหม่ที่สามารถสร้างโอกาสธุรกิจมหาศาล

2. ระบบอิเล็กทรอนิคส์ในรถยนต์ปัจจุบันมุ่งเน้นในเรื่องความปลอดภัยและภาพเสียงเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก มีเทคโนโลยีจำนวนมากที่อาจนา มาปรับปรุงความปลอดภัยของยานยนต์ การส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้จะต้องอาศัยการบังคับโดยกฎหมาย และจา หน่ายในระดับราคาที่ตลาดยอมรับได้เทคโนโลยีความปลอดภัยแบ่งเป็นแบบเชิงรับ (Passive) ได้แก่ ระบบเตือน เข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัย ฯลฯ และแบบเชิงรุก (Active) ได้แก่ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) ระบบป้องกันการชน(Anticollision System) ฯลฯ

ในส่วนของความบันเทิงนั้น มีแนวโน้มอาจมีการผสานการใช้งานโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะเข้ากับระบบบันเทิงในรถยนต์ หรือระบบการติดต่อสารทางอินเตอร์เน็ต

3. รถยนต์ที่มีการติดตั้งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ที่มีราคาสูง รถยนต์ที่มีราคาต่ำ มีสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์น้อยกว่า

4. เทคโนโลยีที่มีการใช้งานแพร่หลายได้แก่ เรดาร์ ซึ่งช่วยในการจอดรถ ตรวจจับสิ่งกีดขวางช่วยเตือนหรือเบรครถ อาทิเช่น บริษัท Tesla Motors ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ดังนี้

  • ระบบเรดาร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง (ACC, Radar)
  • ระบบควบคุมแรงบิดและมุมเลี้ยวของพวงมาลัย (Torque & Steering Angular)
  • ระบบตรวจวัดแรงดันลมของล้อ (Pressure Sensing and RF Transmission for Tire Pressure Monitoring System - TPMS)
  • ระบบถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Airbag Pressure)

5. ในอนาคตอาจมีบริการระบบติดตามความปลอดภัยรถยนต์ เช่นการติดตั้งอุปกรณ์วัดแรงดันลมของล้อ (TPMS) หากล้อรถยนต์มีความผิดปกติ อุปกรณ์ดังกล่าวจะส่งข้อมูลผ่านระบบสื่อสารไร้สายไปยังศูนย์ซ่อมบำรุง และศูนย์ซ่อมบำรุงจะแจ้งให้ผู้ใช้รถยนต์มารับบริการซ่อมบำรุง โดยอาจมีการใช้กลยุทธทางการตลาดคือ ติดตั้งอปุกรณ์ตรวจสอบให้ในราคาต่ำ หรือฟรี แต่จะต้องจ่ายค่าบริการซ่อมบำรุงรายเดือน ซึ่งเมื่อคำนวนค่าใช้จ่ายในระยะยาวแล้ว จะมีมูลค่าสูงกว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้ง กลยุทธ์เช่นนี้คล้ายกับการจา หน่ายเครื่องพรินเตอร์ซึ่งราคาเครื่องถูกมาก แต่จะมีบริการเตือนให้ลูกค้าเปลี่ยนตลับหมึก และบริการส่งตลับหมึกถึงบ้าน โดยราคาตลับหมึกค่อนข้างสูง

TPMS ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญและหลายประเทศให้การสนใจพัฒนา กลุ่มประเทศ EU มีแนวโน้มจะบังคับใช้กฎหมายให้รถยนต์ทุกคันต้องติดอุปกรณ์ TPMS

6. ไต้หวันถือว่าได้เปรียบในการพัฒนาอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์อิเล็กทรอนิคส์ เนื่องจากมีพื้นฐานที่ดีในส่วนของอุตสาหกรรมสารสนเทศ (IT) ชิ้นส่วนที่ไต้หวันมีการผลิตมากในปัจจุบันได้แก่ ระบบเซ็นเซ่อร์ กล้องมอนิเตอร์ถ่ายภาพการเดินทาง

7. การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อิเล็กทรอนิคส์ในตลาดอาฟเตอร์มาร์เก็ตมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมานั้น การซ่อมบำรุงอุปกรณ์อิเล็อกทรอนิคส์ ผู้ใช้รถจะต้องกลับไปรับบริการเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ที่ศูนย์ของผู้ขายรถ แต่ปัจจุบันตลาดอาฟเตอร์มาร์เก็ตเติบโตมากขึ้น อาทิเช่น ในสหรัฐฯ มีการใช้ระบบ TPMS ตั้งแต่ปี 2007 ปัจจุบันชิ้นส่วนเหล่านี้เริ่มหมดอายุใช้งานและต้องทำการเปลี่ยน ผู้ใช้รถสามารถเลือกได้ว่าจะกลับเปลี่ยนที่ศูนย์บริการของศูนย์ซ่อมรถยี่ห้อนั้น ๆ หรือเปลี่ยนกับอู่ซ่อมรถทั่วไปก็ได้

---------------------------------------------

รายงานโดย : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2)

โทร. 886-2-2723 1800 โทรสาร. 886-2-2723 1821

E-mail: thaicom.taipei@msa.hinet.net


แท็ก ยานยนต์   Trade   2012   AIT  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ