การค้าระหว่างประเทศของอิสราเอล ปี 2554
ในปี 2554 อิสราเอลมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ 140,797 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการส่งออกมีมูลค่า 67,261 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 15.1 จากปี 2553 และการนำเข้ามีมูลค่า 73,536 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 24.2 จากปี 2553 อิสราเอลขาดดุลการค้า 6,275 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2554
การค้าระหว่างประเทศของอิสราเอล ปี 2552-2554
มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว (%) 2552 2553 2554 2552/53 2553/54 มูลค่าการค้า 95,304 117,615 140797 23.4 19.7 การส่งออก 47,936 58,416 67,261 21.9 15.1 การนำเข้า 47,368 59,199 73,536 25 24.2 ดุลการค้า 568 -783 -6,275 ที่มา : CBS การค้ารายภูมิภาค ด้านการส่งออก อิสราเอลส่งออกไปอเมริกาเหนือมากที่สุด คิดเป็นมูลค่า 20,528 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 5 รองลงมาได้แก่ สหภาพยุโรป 18,585 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 21.1 และส่งออกมาเอเซียมีมูลค่า 16,370 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 18.7 สำหรับกลุ่ม OECD นั้น อิสราเอลมีการส่งออกไปสมาชิก OECD มีมูลค่า 43,140 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจาก OECD มีมูลค่า 44,516 ล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกของอิสราเอล ปี 2552-2554 รายภูมิภาค มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ 2552 2553 2554 2554 ขยายตัว +/- สัดส่วน (%) มูลค่าส่งออก 47,936 58,416 67,261 15.1 100.0 อเมริกาเหนือ 17,624 19,552 20,528 5.0 30.5 สหภาพยุโรป 12,390 15,348 18,585 21.1 27.6 เอเซีย 9,521 13,808 16,370 18.6 24.3 อื่นๆ 8,401 9,708 11,779 21.3 17.5 ที่มา : CBS เมื่อพิจารณามูลค่าการนำเข้ารายภูมิภาค อิสราเอลนำเข้าจากสหภาพยุโรปเป็นอันดับ 1 มีมูลค่า 25,434 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากปี 2553 ร้อยละ 26.5 รองลงมา คือ เอเซีย มีมูลค่า 16,318 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากปี 2553 ร้อยละ 22.4 และอเมริกาเหนือ มีมูลค่า 9,298 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากปี 2553 ร้อยละ 27.7 ซึ่งร้อยละ 94 เป็นการนำเข้าจากอเมริกา การนำเข้าของอิสราเอล ปี 2552-2554 รายภูมิภาค มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ 2552 2553 2554 2554 ขยายตัว +/- สัดส่วน (%) มูลค่านำเข้า 47,368 59,199 73,536 24.2 100.0 สหภาพยุโรป 17,492 20,109 25,434 26.5 43.0 เอเซีย 10,082 13,327 16,318 22.4 27.6 อเมริกาเหนือ 6,261 7,279 9,298 27.7 15.7 อื่นๆ 13,533 18,484 22,486 21.7 38.0 ที่มา : CBS ประเทศคู่ค้าสำคัญ ตลาดส่งออกสำคัญของอิสราเอล ได้แก่ สหรัฐฯ มีสัดส่วนร้อยละ 28.8 ของมูลค่าส่งออกรวม ฮ่องกง (7.9%) เบลเยี่ยม (5.6%) อังกฤษ (5.0%) อินเดีย (4.5%) และจีน (4.0%) สำหรับไทยเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 22 มีสัดส่วนร้อยละ 0.9 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของอิสราเอล (ไม่รวมเพชร) มีมูลค่า 45,243 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 11.2 แบ่งเป็นการส่งออกสินค้าที่มีเทคโนโลยีสูงหรือไฮเทค มีสัดส่วนร้อยละ 47.2 เช่น คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เครื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เครื่องมือควบคุมและตรวจสอบ เครื่องบิน ของมูลค่าส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าที่มีเทคโนโลยีกลาง-สูง มีสัดส่วนร้อยละ 30.8 เช่น เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ สินค้าที่มีเทคโนโลยีกลาง-ต่ำ มีสัดส่วนร้อยละ 17.0 เช่น ยางและผลิตภัณฑ์ยาง แร่และหิน ผลิตภัณฑ์เหล็ก เพชร พลอย และเครื่องประดับ และสินค้าที่มีเทคโนโลยีต่ำมีสัดส่วนร้อยละ 4.9 เช่น อาหาร สิ่งทอ เสื้อผ้า และเครื่องหนัง กระดาษและสิ่งพิมพ์ สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตร มีมูลค่า 1,353 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 2.0 โดยเป็นการส่งออกผัก เช่น แครอท มะเขือเทศ เป็บเปอร์ มันฝรั่ง ฝ้าย ผลไม้ เช่น อโวคาโด ส้ม อินทผาลัม แหล่งนำเข้าสำคัญของอิสราเอล ได้แก่ สหรัฐฯ มีสัดส่วนร้อยละ 11.8 ของมูลค่านำเข้ารวม อันดับ 2 คือ จีน (7.4%) อันดับ 3 คือ เยอรมนี (6.2%) อันดับ 4 คือ เบลเยี่ยม (6.1%) และอันดับ 5 คือ สวิตเซอร์แลนด์ (5.4%) สำหรับไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 20 มีสัดส่วนร้อยละ 0.8 สำหรับสินค้าสำคัญที่อิสราเอลนำเข้า ได้แก่ สินค้าวัตถุดิบ มีมูลค่า 26,406 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36.3 รองลงมา ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง 13,638 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 18.7 สินค้าทุน 12,313 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 16.9 เพชร 10,157 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 14.0 และสินค้าอุปโภคบริโภค 10,040 ล้านเหรียญสหรัฐโดยมีสัดส่วนการนำเข้าร้อยละ 13.8 หากพิจารณาตามรายสินค้า สินค้าที่อิสราเอลนำเข้ามาก ได้แก่ เพชร น้ำมันดิบ น้ำมันปิโตรเลียม โทรศัพท์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เครื่องจักรผลิตเซมิคอนดักเตอร์หรือเวเฟอร์ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ ยารักษาโรค คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ การค้าระหว่างอิสราเอลกับประเทศไทย การค้าระหว่างอิสราเอลกับประเทศไทย ได้ขยายตัวมาโดยตลอด ในปี 2554 ที่ผ่านการค้ามีมูลค่า 1,213.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากปี 2553 ร้อยละ 16.9 ไทยเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 22 เป็นการส่งออกจากอิสราเอลมาประเทศไทย 637.0 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.5 ในขณะที่เป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 20 การนำเข้าของอิสราเอลจากไทยมีมูลค่า 576.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 โดยอิสราเอลได้ดุลการค้า 60.1 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณามูลค่าการค้าที่ไม่รวมเพชร อิสราเอลส่งออกมาไทย 294.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากไทย 484.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และอิสราเอลขาดดุลการค้ากับไทย 190 ล้านเหรียญสหรัฐ การค้าระหว่างอิสราเอลและไทย ปี 2552-2554 มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว (%) 2552 2553 2554 2552/53 2553/54 มูลค่าการค้า 738 1,038 1,213.90 40.7 16.9 การส่งออก 336 492 637 40.7 29.5 การนำเข้า 402 546 576.9 35.8 5.6 ดุลการค้า -66.5 -54.4 60.1 ที่มา : CBS สินค้าสำคัญที่อิสราเอลนำเข้าจากไทย เพิ่มขึ้น ได้แก่ โทรทัศน์สีอื่นๆ มีมูลค่า 36.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 รถยนต์นั่ง 1,000 — 1,500 ซีซี มีมูลค่า 31.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 307.9 โพลิเอทิลีน มีมูลค่า 23.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 66.8 ตู้เย็นมีมูลค่า 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 88.4 ปลาทูน่ากระป๋อง มีมูลค่า 18.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.7 รถยนต์นั่ง 1,500 — 2,500 ซีซี มีมูลค่า 13.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 828.8 ส่วนประกอบโทรศัพท์ มีมูลค่า 13,223 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เป็นต้น สินค้าที่นำเข้าจากไทยลดลง ได้แก่ เพชรที่ไม่ได้ใช้ในอุตสาหกรรมมีมูลค่า 88 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 22.9 ข้าวหอมมะลิและข้าวขาวมีมูลค่า 41.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง ร้อยละ 7.2 รถกระบะ มีมูลค่า 36.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 16.6 มอนิเตอร์และเครื่องฉาย โปรเจกเตอร์ มีมูลค่า 21.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 8.6 เป็นต้น สินค้าสำคัญที่อิสราเอลส่งออกมาไทย* ได้แก่ เพชร ส่วนประกอบโทรศัพท์ ปุ๋ย สารฆ่าแมลงและวัชพืช เครื่องจักรสำหรับผลิตแผงวงจรประกอบซีพียู อาหารแปรรูปอื่นๆ เคมีภัณฑ์อนินทรีย์ ฝ้ายดิบ เศษกระดาษ เป็นต้น สินค้าที่อิสราเอลยังมีความต้องการนำเข้า เช่น อาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้าและรองเท้า ของใช้ในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน เหล็ก และเหล็กกล้า อุปกรณ์และชิ้นส่วนสำหรับผลิตเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ คู่แข่งที่สำคัญของไทย คือ จีน อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งจากการที่รัฐบาลอิสราเอลมีนโยบายมุ่งเน้นภูมิภาคตะวันออก และภาคเอกชนจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลในการทำการค้าทำให้การค้ากับ 3 ประเทศนี้ขยายตัวอย่างมาก อย่างไรก็ดี เนื่องจากสินค้าไทยมีราคาสูงกว่าจีนร้อยละ 20-30 อิสราเอลจะเลือกซื้อสินค้าจากจีนเป็นส่วนใหญ่ แต่ผู้ที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพจึงจะนำเข้าจากไทย โดยเฉพาะ 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ ค่าครองชีพของอิสราเอลสูงขึ้น มากกว่ารายได้ ทำให้คนอิสราเอลคำนึงถึงราคาในการซื้อสินค้ามากกว่าคุณภาพ หมายเหตุ : * สำนักงานสถิติกลางของอิสราเอลยังไม่เผยแพร่สถิติการส่งออกรายพิกัดสินค้าของปี 2554 --------------------------------------- สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเทลอาวีฟ มีนาคม 2555