ดุลการค้ายูเออีเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์
*************************************
จากที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ปี 2554 มียอดเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นแตะ 23.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงสุดในประวัติการณ์ รวมทั้งดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account Balance) หรือคิดเป็น 10% ของ GDP ขยายตัวขึ้นเช่นกัน
การส่งออกสินค้าของยูเออีก็ขยายเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในปี 2554 มูลค่า 72.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นการเติบโตในอัตราที่สูง ในขณะที่นำเข้า 48.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ การขยายตัวของการส่งออกในอัตราที่สูงดังกล่าวส่งผลให้การเกินดุลการค้า (Trade Surplus) ขยายตัวถึงร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับปี 2553
จากรายงานของ AMF เกี่ยวกับระดับราคาน้ำมันเมื่อปี 2554 เฉลี่ยบาเรลละ 105 เหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ยูเออีมีงบประมาณเกินดุล (Budget Surplus) เพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ปี 2554 ยูเออีส่งออกน้ำมันดิบจำนวน 2.6 ล้านบาเรลต่อวัน (bnd) สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศถึง 111 พันล้านเหรียญสหรัฐฯหรือคิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่เคยมีรายได้จากการส่งออกน้ำมัน 75 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งตรงกับตัวเลขประมาณการของ International Monetary Fund ว่ายูเออีจะมีรายได้จากการส่งออกน้ำมันในปี 2555 มูลค่า 122 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2555 มูลค่า GDP ประมาณ 386 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเพิ่มขึ้นเป็น 394 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2556
ราคาน้ำมันดิบของตลาดโลกที่ยังไม่มีทีท่าอ่อนตัวลง จึงเป็นกลไกขับเคลื่อนรายได้เข้าประเทศ ยิ่งเมื่อผนวกกับการลงทุนของภาครัฐ ก็ยิ่งทำให้เศรษฐกิจยูเออีขยายตัวต่อไป โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในกรุงอาบูอาบีที่กำลังจะแล้วเสร็จ ก็จะส่งผลให้มีการนำเข้าสินค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าของตกแต่งภายในเพื่อการก่อสร้าง และ เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
-------------------------------------------
สำนักงานส่งเสริมการค้าในจต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ
เมษายน 2555