ภาวะตลาดอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในไต้หวัน
อุตสาหกรรมภาพยนตร์ถือเป็นส่วนหนึ่งของCultural & Creative Industry ที่เป็น 1 ใน อุตสาหกรรมสำคัญซึ่งรัฐบาลไต้หวันให้ความสำคัญในการผลักดันตามเป้าหมายในการยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับล่าสุด และนับตั้งแต่ความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องCape No.7 ของผู้กำกับเว่ยเต๋อเสิ่ง ซึ่งกวาดรายได้จากการออกฉายในไต้หวัน และต่างประเทศ(จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ได้รวมมากกว่า 530 ล้านเหรียญไต้หวัน1ทำให้วงการภาพยนตร์ไต้หวันเกิดความตื่นตัวขึ้นมาว่าภาพยนตร์ไต้หวันก็มีดีไม่แพ้ภาพยนตร์จากฮอลลีวูดหรือฮ่องกงและสามารถทำรายได้สูงๆจากการออกฉายได้เช่นกัน จนทำให้มีผลงานดีๆ ตามออกมาเป็นจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น Monga
โดยผู้กำกับหนิ่วเฉิงเจ๋อ ซึ่งเข้าฉายในปี 2010 และกวาดรายได้มากกว่า 260 ล้านเหรียญไต้หวันรวมทั้งส่งให้ชื่อของจ้าวยิ่วถิงและหร่วนจิงเทียนสองดารานำของเรื่องโด่งดังเป็นพลุแตกต่อเนื่องมาจนถึงในปี 2011 ที่มีภาพยนตร์ไต้หวันสามารถทำรายได้จากการออกฉายได้มากกว่า 100 ล้านเหรียญไต้หวันถึง 3 เรื่องคือภาพยนตร์ฟอร์มเล็กม้ามืดอย่างYou are the apple of my eye ของผู้กำกับหน้าใหม่อย่างจิ๋วป่าเตา สามารถทำรายได้อย่างถล่มทลายจากการออกฉายทั้งในไต้หวัน (414 ล้านเหรียญไต้หวัน) และที่ฮ่องกง (61 ล้านเหรียญฮ่องกง) รวมทั้งยังทำสถิติเป็นภาพยนตร์จีนที่ออกฉายในฮ่องกงซึ่งทำรายได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย โดยสามารถทำรายได้สูงกว่าภาพยนตร์เรื่องคนเล็กหมัดเทวดาของโจวซิงฉือดาราตลกและผู้กำกับคนดังที่เป็นเจ้าของสถิติเดิม สำหรับภาพยนตร์ไต้หวันอีกสองเรื่องที่ทำรายได้สูงกว่า100 ล้านเหรียญไต้หวันคือ Seediq Bale ซึ่งเป็นภาพยนตร์ทุนไต้หวันฟอร์มยักษ์ของเว่ยเต๋อเซิ่งผู้กำกับ 500 ล้านที่เคยฝากฝีมือไว้ใน Cape No. 7 มาแล้ว โดยนำเอาความขัดแย้งระหว่างชนเผ่าพื้นเมืองกับกองทัพญี่ปุ่นยุคปกครองไต้หวันมาใช้ในการดำเนินเรื่องและเป็นที่สนใจของผู้คนมาตั้งแต่ช่วงเปิดกล้อง ด้วยทุนสร้างมหาศาลที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 700 กว่าล้านเหรียญไต้หวัน (ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลไต้หวัน 300 ล้านเหรียญไต้หวัน) แต่ก็สามารถกวาดรายได้จนคุ้มค่ากับการลงทุนจากการออกฉายทั้งสองภาคคือ The Flag of Sun (ภาค 1) ซึ่งทำรายได้จากการออกฉายในไต้หวันประมาณ 471 ล้านเหรียญไต้หวัน และ The Bridge of Rainbow (ภาค 2) ที่กวาดรายได้ไปอีกประมาณ 318 ล้านเหรียญไต้หวัน
จากสถิติในปี 2553 ของ Government Information Office, R.O.C. มีภาพยนตร์เข้าฉายรวม 404 เรื่อง(ไม่รวมการออกฉายในโรงภาพยนตร์ชั้นสองและในเทศกาลภาพยนตร์ทั่วประเทศ) ในจำนวนนี้เป็นภาพยนตร์ต่างประเทศจำนวน 335 เรื่อง(เป็นภาพยนตร์ใหม่ 326 เรื่องและภาพยนตร์ที่นำกลับมาฉายซ้ำ 9 เรื่อง)และภาพยนตร์จีน 78 เรื่อง(เป็นภาพยนตร์ใหม่ทั้งหมด) ทำรายได้จากการออกฉายทั่วไต้หวันคิดเป็นมูลค่ารวม 2,808.39 ล้านเหรียญไต้หวัน โดยในจำนวนภาพยนตร์ต่างประเทศทั้งหมด 335 เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์จากสหรัฐฯมากที่สุด (121 เรื่อง)รองลงมาได้แก่จากญี่ปุ่น (70 เรื่อง)ฝรั่งเศส (50 เรื่อง)อังกฤษ (26 เรื่อง)และเยอรมัน (13 เรื่อง)รายละเอียดเพิ่มเติมปรากฏตามตารางที่ 1 และ 2
ตารางที่ 1 รายได้จากการฉายภาพยนตร์ในไต้หวันระหว่างปี 2008-2010
หน่วย: เรื่อง/เหรียญไต้หวัน
ปี จำนวนภาพยนตร์ต่างประเทศ* รายได้ภาพยนตร์ต่างประเทศ จำนวนภาพยนตร์จีน* รายได้ภาพยนตร์จีน 2010 335 (9) 2,421,568,428 78 386,820,874 2009 306 (6) 2,827,650,129 62 (3) 207,887,726 2008 316 (10) 1,955,102,846 60 (4) 526,425,158 ที่มา : 2011 Taiwan Cinema Yearbook *(?) คือจำนวนภาพยนตร์ที่นำกลับมาฉายซ้ำ ตารางที่ 2 จำนวนภาพยนตร์ต่างประเทศที่ออกฉายในไต้หวันแยกตามรายประเทศ ปี สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน เกาหลี สเปน ไทย อิตาลี ฮอลแลนด์ อินเดีย 2010 121 70 50 26 13 11 10 7 5 4 3 2009 120 61 36 21 18 7 9 8 6 2 2 2008 136 49 38 22 7 6 6 17 6 0 0 2007 135 52 29 27 6 7 4 9 5 0 0 ที่มา : 2011 Taiwan Cinema Yearbook เห็นได้ชัดว่าภาพยนตร์จากฮอลลีวูดยังคงได้รับความนิยมจากผู้ชมในไต้หวันมากที่สุดอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2010 ภาพยนตร์สหรัฐฯ ทำรายได้รวมจากการออกฉายสูงถึงประมาณ 2,126.90 ล้านเหรียญไต้หวัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 88 ของรายได้จากการออกฉายของภาพยนตร์ต่างประเทศทั้งหมด รองลงมาได้แก่ภาพยนตร์จากญี่ปุ่น ซึ่งทำรายได้รวมประมาณ 107.07 ล้านเหรียญไต้หวัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.4 ในส่วนของภาพยนตร์จากเกาหลีใต้ที่ออกฉายจำนวน 11 เรื่องทำรายได้รวมประมาณ5.19 ล้านเหรียญไต้หวัน (สัดส่วนร้อยละ 0.2) ในขณะที่ไทยซึ่งออกฉายจำนวน 7 เรื่องก็ทำรายได้รวมประมาณ4.80 ล้านเหรียญไต้หวัน(สัดส่วนร้อยละ 0.2) ตารางที่ 3 จำนวนภาพยนตร์จีนที่ออกฉายในไต้หวันระหว่างปี 2007-2010 ปี 2010 2009 2008 2007 ไต้หวัน 40 28 29 21 ฮ่องกง 25 21 18 12 จีนแผ่นดินใหญ่ 10 12 10 5 อื่นๆ 3 1 3 1 รวม 78 62 60 39 ที่มา : 2011 Taiwan Cinema Yearbook สำหรับในส่วนของภาพยนตร์จีนซึ่งออกฉายทั้งสิ้น 78 เรื่องในปี2010 และทำรายได้รวมประมาณ 386.82 ล้านเหรียญไต้หวันนั้น แบ่งเป็นภาพยนตร์ไต้หวันจำนวน 40 เรื่องภาพยนตร์ฮ่องกง 25 เรื่องและภาพยนตร์จากจีนแผ่นดินใหญ่จำนวน10 เรื่องเมื่อพิจารณาจากจำนวนรวมและจำนวนภาพยนตร์ไต้หวันแล้วถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว และหากนำไปเปรียบเทียบกับในปี 2007 แล้วจะเห็นได้ว่าเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 1 เท่าตัว คาดว่าจำนวนภาพยนตร์จีนที่เพิ่มขึ้นสูงนี้ น่าจะได้อานิสงค์จากการที่ Cape No.7 ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2008 รายละเอียดเพิ่มเติมปรากฏตามตารางที่ 3 ตารางที่ 4 ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุด 10 อันดับแรกจากการออกฉายในไต้หวันในปี 2010 อันดับ ชื่อเรื่อง รายได้ (เหรียญไต้หวัน)* 1 Inception 167,005,081 2 Iron Man 2 130,085,082 3 Monga 117,007,196 4 Toy Story 3 105,508,499 5 Harry Potter and 93,375,978 the Deadly Hallows : Part 1 6 Resident Evil: Afterlife 90,093,162 7 Alice in Wonderland 77,645,595 8 The Twilight Saga: Eclipse 59,209,424 9 Step Up 3D 58,816,410 10 Yip Man 2 58,229,268 ที่มา : 2011 Taiwan Cinema Yearbook *นับเฉพาะรายได้จากการออกฉายในกรุงไทเปเท่านั้น ในส่วนของอันดับภาพยนตร์ทำเงินประจำปี 2010 ของไต้หวันนั้น มีภาพยนตร์ถึง 4 เรื่องที่ทำรายได้จากการออกฉายมากกว่า 100 ล้านเหรียญไต้หวัน คือภาพยนตร์เรื่องInception ที่นำแสดงโดยพระเอกหนุ่มคนดังอย่าง Leonardo DiCarprio ที่กวาดรายได้สูงสุด ด้วยรายได้ประมาณ 167 ล้านเหรียญไต้หวัน ส่วนอีก 3 เรื่องได้แก่Iron Man 2 ซึ่งทำรายได้ประมาณ: 130 ล้านเหรียญไต้หวัน Monga ซึ่งเป็นภาพยนตร์ไต้หวันที่ทำเงินมากที่สุดประจำปี จากผลงานของหนิ่วเฉิงเจ๋อผู้กำกับคนดัง ทำรายได้ประมาณ117 ล้านเหรียญไต้หวัน และ Toy Story 3 ภาพยนตร์อะนิเมชั่นชื่อดังจากค่ายดิสนีย์ของสหรัฐฯ ด้วยรายได้ประมาณ 105 ล้านเหรียญไต้หวัน 3.กฏระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไต้หวันมีการจัดเรตภาพยนตร์โดยแบ่งเป็น 4 ระดับคือ 1.General ซึ่งเหมาะสมกับผู้ชมทุกวัย 2.Protect ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าชม และเด็กที่อายุระหว่าง 6-12 ปีจะต้องมีผู้ใหญ่เข้าชมด้วย 3.Counsel ห้ามผู้ที่อายุต่ำกว่า 12 ปีเข้าชม 4.Restrict ห้ามผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าชม ทั้งนี้ ไต้หวันมิได้มีการจำกัดจำนวนภาพยนตร์ต่างประเทศที่จะออกฉาย แต่ยกเว้นเฉพาะภาพยนตร์จากจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มีการจำกัดจำนวนให้ออกฉายได้ไม่เกินปีละ 10 เรื่อง 4.สถานการณ์ของภาพยนตร์ไทยในไต้หวัน ในส่วนของภาพยนตร์ไทยนั้น ในปี 2010 มีภาพยนตร์ไทยมาออกฉายในไต้หวันทั้งสิ้น 7 เรื่องทำรายได้รวม4,804,560 เหรียญไต้หวัน โดยภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้มากที่สุดในไต้หวันคือเรื่องใคร...ในห้อง(Who R U) ซึ่งทำรายได้จากการออกฉายในไทเป 1.58 ล้านเหรียญไต้หวัน รองลงมาได้แก่เรื่องตายโหง(Still) ด้วยรายได้1.1 ล้านเหรียญไต้หวัน และเรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอ (Bangkok Traffic Love Story) รายได้ 744,580 เหรียญไต้หวัน รายละเอียดเพิ่มเติมปรากฏตามตารางที่ 5 ทั้งนี้ ภาพยนตร์ไทยเริ่มมีเข้าฉายมากขึ้นในไต้หวันตั้งปี 2006 เป็นต้นมา ซึ่งในปีนั้นมีภาพยนตร์ไทยเข้าฉายรวม 6 เรื่องทำรายได้รวมประมาณ 8 ล้านเหรียญไต้หวัน (คิดเฉพาะการออกฉายในไทเป) จากที่ก่อนหน้านั้นจะมีเข้าฉายเพียงปีละ 1-2 เรื่องเท่านั้น แต่ปีที่ภาพยนตร์ไทยทำรายได้จากการออกฉายในไต้หวันมากที่สุดเห็นจะได้แก่ในปี 2007 ซึ่งออกฉายรวม 9 เรื่องแต่สามารถทำรายได้รวมสูงถึง 32.85 ล้านเหรียญไต้หวันโดยภาพยนตร์เรื่องแฝด (alone) ที่นำแสดงโดยมาช่า วัฒนพานิช ตารางที่ 5 ภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในไต้หวันในช่วงปี 2008-2010 ปี ชื่ออังกฤษ บริษัทผู้จัดจำหน่ายในไต้หวัน รายได้ (NT$) วันออกฉาย 2008 1. The House Scholar Films 1,895,340 11/01/2008 2. Bangkok Love Story SKY Films 973,483 14/02/2008 3. Perng Mang: Deep Joy Movie 370,338 22/02/2008 The Haunted Drum 4. Body Bao Lei Films 5,309,691 21/03/2008 5. Train of The Dead Deep Joy Movie 272,779 21/03/2008 6. Video Clip SKY Films 444,681 11/04/2008 7. Sick Nurse SKY Films 1,549,977 18/04/2008 8. Art of The Devils 3 Scholar Films 4,334,714 23/05/2008 9. The Spiritual World Ta Lai Films 633,487 30/05/2008 10. Memory Vie Vision Pictures 526,424 15/08/2008 11. The Coffin SKY Films 740,680 21/08/2008 12. The Love of Siam SKY Films 2,470,000 19/09/2008 13. 4 Bia Vie Vision Pictures 5,560,002 19/09/2008 14. Chocolate Pandasia Entertainment 488,160 26/09/2008 15. Vow of Dead Deep Joy Movie 96,710 03/10/2008 16. Hormones Vie Vision Pictures 71,054 12/12/2008 17. My Girl SKY Films 21,000 12/12/2008 2009 1. Coming Soon Vie Vision Pictures 10,907,993 20/02/2009 2. Ghost Mother Deep Joy Movie 303,038 24/04/2009 3. Ong Bak 2 SKY Films 368,337 26/06/2009 4. Rahtree Reborn Vie Vision Pictures 2,302,937 24/07/2009 5. The Love of Siam** SKY Films 68,000 06/11/2009 6. Meat Grinder Deep Joy Movie 736,623 06/11/2009 7. Phobia 2 Long Shong Pictures 3,885,813 20/11/2009 2010 1. My Ex Star Wok 422,555 04/06/2010 2. Still Deep Joy Movie 1,127,857 13/08/2010 3. Bangkok Traffic Group Power Entertainment 744,580 10/09/2010 Love Story 4. Ong Bak 3 SKY Films 168,419 17/09/2010 5. Who R U CMC Movie 1,588,500 22/09/2010 6. Uncle Boonmee Who Hiatus Films 506,078 26/11/2012 Can Recall His Pat Lives 7. The Intruder Deep Joy Movie 246,571 03/12/2012 ที่มา:ข้อมูลจาก Taiwan Cinema Yearbook สคต.มะนิลา 2 จัดทำ
สามารถทำรายได้มากถึง 18.89 ล้านเหรียญไต้หวัน ถือเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้จากการออกฉายในไต้หวันมากที่สุด และเป็นรายได้ที่มากกว่าทั้ง HERO ภาพยนตร์ชื่อดังของญี่ปุ่นที่เข้าฉายในปีเดียวกันซึ่งมีดาราหนุ่มชื่อดังอย่างคิมูระทะคุยะนำแสดง (12.5 ล้านเหรียญไต้หวัน) และMy Sassy Girl ภาพยนตร์เกาหลีใต้ที่ทำรายได้สูงสุดจากการออกฉายในไต้หวัน (12 ล้านเหรียญไต้หวัน) จากความสำเร็จในปี 2007 นี้เอง ส่งให้ในปี 2008 มีการนำเข้าภาพยนตร์จากไทยมาเข้าฉายในไต้หวันมากถึง 17 เรื่องอย่างไรก็ดี ในส่วนของรายรับโดยรวมกลับน้อยลงกว่าปี 2007 ด้วยรายได้รวมเพียง 23.8 ล้านเหรียญไต้หวัน จนทำให้ในปี 2009 จำนวนภาพยนตร์ไทยที่มาออกฉายในไต้หวันจึงลดเหลือเพียง 7 เรื่องโดยมีรายได้รวม 18.5 ล้านเหรียญไต้หวัน และภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดคือเรื่องโปรแกรมหน้าวิญญาณอาฆาต (Coming Soon) ด้วยรายได้ 10.9 ล้านเหรียญไต้หวัน ซึ่งในปี 2010 ก็มีภาพยนตร์ไทยมาออกฉายในไต้หวัน 7 เรื่องเช่นเดียวกันทำรายได้รวม 4.8 ล้านเหรียญไต้หวัน โดยมีเรื่องใคร...ในห้อง(Who R U) เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้มากที่สุด (1.5 ล้านเหรียญไต้หวัน)
เมื่อพิจารณาจากรายได้จากการออกฉายแล้วเห็นได้ชัดว่าผู้ชมไต้หวันยังคงชื่นชอบการบริโภคเทคนิคพิเศษและองค์ประกอบของภาพยนตร์แบบฮอลลีวูดเป็นหลัก แต่เมื่อดูจากแนวโน้มที่ผ่านมาของภาพยนตร์ไทยที่เข้าสู่ตลาดไต้หวันแล้ว เห็นได้ชัดว่าภาพยนตร์ประเภทสยองขวัญ (หนังผี) จากไทยจะเป็นที่ถูกใจตลาดมาก ซึ่งผู้ชมไต้หวันส่วนใหญ่เห็นว่าหนังผีแบบไทยมีความน่ากลัวกว่าหนังผีแบบญี่ปุ่นหรือแบบตะวันตก โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าไสยศาสตร์ในแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความน่ากลัวอยู่ในตัวของมันเอง จึงทำให้เพิ่มความลี้ลับแก่หนังผีไทยมากขึ้นไม่น้อย ทำให้ภาพยนตร์ประเภทนี้ของไทยค่อนข้างเป็นที่โปรดปรานของกลุ่มผู้ชมที่ต้องการความตื่นเต้นและหวาดกลัวดังจะเห็นได้ว่าภาพยนตร์เรื่องลองของ(Arts of the Devil)
ทั้ง 3 ภาคต่างก็มาออกฉายในไต้หวัน และสามารถทำรายได้เป็นที่น่าพอใจทีเดียว นอกจากนี้ ในระยะหลังมานี้ตลาดไต้หวันก็เริ่มรับภาพยนตร์แนวอื่นของไทยเข้าสู่ตลาดมากขึ้น แม้รายได้จากการออกฉายจะไม่หวือหวา แต่ก็มีออกฉายเป็นประจำทุกปี เช่นเรื่องหมานคร(2007) เพื่อน...กูรักมึงวะ,รักแห่งสยาม, ช็อคโกแลต (2008) องค์บาก 2 (2009) องค์บาก 3, รถไฟฟ้ามาหานะเธอ, ลุงบุญมีผู้ระลึกชาติได้ (2010) สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก, กวนมึนโฮ, Suck Seed ห่วยขั้นเทพ (2011) และ Top Secret วัยรุ่นพันล้าน (2012) เป็นต้น แม้ในส่วนของรายได้จะไม่หวือหวานักแต่เห็นได้ชัดว่าความน่ารักสดใสของหนังรักหรือหนังวัยรุ่นแบบไทยก็เป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ชมไต้หวันไม่น้อยเช่นกัน
นับตั้งแต่ความสำเร็จของ Cape No.7 ที่นอกจากจะสร้างรายได้แบบถล่มทลายจากการออกฉายแล้ว ยังฉุดให้สินค้าพื้นเมือง (สุราชาวเขา) และการท่องเที่ยวแถบเขิ่นติงสถานที่พักตากอากาศชื่อดังทางภาคใต้ของไต้หวันซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่ในการดำเนินเรื่องเกิดความคึกคักตามไปด้วยเป็นอย่างมาก ส่งให้หลายจังหวัดในไต้หวันหันมายึดเป็นแบบอย่าง จนมีการทำเป็นโครงการร่วมมือกับผู้สร้างภาพยนตร์เพื่อใช้เป็นช่องทางในการโปรโมททั้งสินค้าและการท่องเที่ยวของท้องที่ต่างๆ เช่นภาพยนตร์เรื่องAu Revoir Taipei และ Monga ซึ่งร่วมมือกับกรุงไทเป เรื่อง Black & White กับนครเกาสง รวมไปจนถึงภาพยนตร์ไต้หวันยอดฮิตประจำปี 2011 ทั้ง You are the apple of my eye (จ.จางฮั่ว) และ Seediq Bale (นครนิวไทเป และจ.หนานโถว) รวมไปจนถึง Jump Ashin ! (จ.อี๋หลัน)ต่างก็สร้างความร่วมมือกับทางการท้องถิ่นที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ โดยเฉพาะฉากที่ทีมงานของ Seediq Bale
สร้างขึ้นเป็นเมืองที่จำลองสภาพบ้านเรือนสมัยญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน ซึ่งสร้างไว้ในเขตหลินโข่วของนครนิวไทเปด้วยทุนสร้างถึง 300 ล้านเหรียญไต้หวัน ก็ได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งใหม่ของเมืองที่ดึงดูดประชาชนจำนวนไม่น้อยให้เดินทางไปเที่ยวชมด้วย ซึ่งทางการท้องถิ่นเหล่านี้จะมีการจัดทำคู่มือท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์เรื่องต่างๆไว้คอยแจกให้กับประชาชนที่สนใจ แน่นอนว่าโมเดลนี้ถือเป็นการโปรโมทสินค้าและการท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะสามารถต่อยอดจากความนิยมในตัวภาพยนตร์ให้สามารถสร้างประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นด้านการท่องเที่ยว ร้านอาหาร สินค้าพื้นเมือง รวมไปจนถึงสินค้าของที่ระลึกต่างๆ หากทั้งภาคเอกชนและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นของไทยสามารถนำไปปรับใช้ก็จะเป็นประโยชน์ไม่น้อย
นอกจากนี้ ยังมีผลงานของไทยอีกไม่น้อยที่เข้ามาโดยผ่านทางบริษัทฮ่องกง เนื่องจากผู้ผลิตไทยได้ร่วมทุนกับฮ่องกงในการจัดสร้าง เช่นภาพยนตร์เรื่องThe Eye, Three, Recycle เป็นต้น ซึ่งแม้ภาพยนตร์เหล่านี้จะถูกจัดเป็นภาพยนตร์ฮ่องกง แต่ผู้ชมรวมถึงผู้ซื้อลิขสิทธิ์ในการออกฉาย ต่างก็ทราบโดยทั่วไปว่าเป็นการร่วมมือกับไทย การสร้างความร่วมมือกับผู้ผลิต/ผู้สร้างจากฮ่องกงและไต้หวันจึงถือเป็นช่องทางในการเข้าสู่ตลาดที่ดีอีกช่องทางหนึ่ง
อย่างไรก็ดี ผู้นำเข้าแจ้งว่าปัญหาสำคัญอีกประการของการนำเข้าภาพยนตร์ไทยมาฉายในไต้หวันคือเรื่องการแปลบทเพราะยังไม่มีบุคลากรที่สามารถแปลบทจากไทยเป็นจีนได้ดีพอ ปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้การแปลมาจากบทภาษาอังกฤษที่ฝ่ายไทยจัดเตรียมให้อีกทีหนึ่ง จึงอาจทำให้เนื้อหาไม่สมบูรณ์โดยเฉพาะในจุดที่เป็นอารมณ์ขันและลูกเล่นเล็กๆน้อยๆ ของตัวละคร ซึ่งแม้จะไม่สำคัญต่อโครงสร้างและบทโดยรวม แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเสมือนชูรสที่ทำให้ภาพยนตร์น่าดูยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญกับการสร้างบุคลากรในส่วนนี้ด้วย
ทั้งนี้ ต้องอย่าลืมว่าความสำเร็จจากการประกอบธุรกิจในไต้หวันจะส่งผลให้สามารถนำผลงานเข้าสู่ตลาดจีนได้ง่ายขึ้น รวมทั้งจะได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคจีนง่ายขึ้นด้วย ดังนั้น การใช้ไต้หวันเป็นกระดานหกหรือแสวงหาพันธมิตรไต้หวัน ในการเข้าสู่ตลาดจีนจึงถือเป็นทางเลือกที่ดีมากทางหนึ่ง
E-Mail : thaicom.taipei@msa.hinet.net
Tel : (886 2) 2723-1800
Fax : (886 2) 2723-1821
No. Company Name Tel Fax Email _________________________________________________________________________________________________ 1 CMC Movie Corp 886-2-25989890 886-2-25973047 desmondyang@cmcnet.com.tw 2 Applause Entertainment 886-2-89732466 886-2-89732460 jewel@applause.com.tw
3 Flash Forward Entertainment 886-2-2926-2839 886-2-2926-2834 info@ffe.com.tw
4 Group Power Workshop Co 886-2-2388-5729 886-2-2388-5732 midori@grouppower.com.tw
5 Scholarship Global 886-2-23619171 886-2-23704974 scholarfilm@yahoo.com.tw
Multimedia
6 ASKAFILM PRODUCTION 886-2-2755-0018 886-2-2755-0016 phillip@askafilm.com.tw
7 Long-Sheng Entertainment 886-2-2311-1729 886-2-2314-5175 lswangtw@yahoo.com.tw
Maltimedia
8 Good Film International 886-2-23110131 886-2-23758451 oliver@mail.spring.com.tw 9 CROWN FILMS 886-2-2388-4289 886-2-2389-6198 dogme@ms28.hinet.net 10 Cineplex Development 886-2-2361-6676 886-2-2361-4014 cineplex@ms7.hinet.net 11 Swallow Wings Film 886-2-2375 5408 886-2-2371 0733 goto.rebecca@gmail.com 12 Hwa Jaan Films 886-2-2314-4096 886-2-2311-4147 Talai.hwajaan@msa.hinet.net 13 IMOVIE INTERNATIONAL 886-2-2708-6208 886-2-2707-4705 info@bne.com.tw 14 TA LAI FILMS 886-2-2314-4036 886-2-2311-4147 Talai.hwajaan@msa.hinet.net
15 New Action Entertainment 886-2-2381-8137 886-2-2389-4058 monica.hsu@msahinet.net
16 Ten-ji International 886-2-2370-6301 886-2-2370-6301 Ten-ji@msa.hinet.net
17 Pandasia Entertaainment 886-2-2785-9010 886-2-2785-2944 service@pandasia.com.tw
18 Golden harvest Entertainment852-23528222 852-23535989 info@goldenharvest.com 19 FULL JONG INTERNATIONAL 886-2-2371-6820 886-2-2361-1215 - 20 Sinomovie.Com 886-2-25117786 886-2-25605222 mike@spot.org.tw
21 CENTRAL MOTION PICTURE 886-2-2371-5191 886-2-2331-9241 service@movie.com.tw
22 Cai Chang International Corp.886-2-2658-8868 886-2-2658-5988 eliotlin@ccii.com.tw _________________________________________________________________________________________________
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2)
พฤษภาคม 2555