รถโดยสารประจำทางระหว่างอินเดียกับเมียนมาร์

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 29, 2012 14:34 —กรมส่งเสริมการส่งออก

รถโดยสารประจำทางระหว่างอินเดียกับเมียนมาร์

นายกรัฐมนตรีอินเดีย ดร.มานโมฮาน ซิงห์มีกำหนดการเยือนประเทศเมียนมาร์ 3 วันตั้งแต่วันที่ 27 - 29 พฤษภาคม 2555 นับเป็นการเยือนเมียนมาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีตั้งแต่นายกรัฐมนตรีราจีฟ คานธี เยือนพม่าในปี 1987 โดยในการเยือนเมียนมาร์ครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนให้กับภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียเป็นสำคัญ โดยการเชื่อมโยงสานต่อพันธกิจระหว่างกันให้เห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น พันธกิจสำคัญประการหนึ่งคือการเปิดให้มีการเดินรถบัสโดยสารประจำทางระหว่างสองประเทศ ซึ่งการใช้ถนนเป็นเส้นทางเชื่อมต่อสายสัมพันธ์ฯ ทำให้มีความรู้สึกใกล้ชิดและเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้

รถบัสโดยสารประจำทางระหว่างสองประเทศจะใช้เส้นทางระหว่างเมืองอิมฟาล เมืองหลวงของรัฐมณีปุระ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่มอเรห์ของอินเดีย และไปผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ตามูของเมียนมาร์ก่อนเดินทางไปสู่จุดหมายที่เมืองมันดาเลย์ซึ่งมีความเป็นไปได้ใน 3 เส้นทางผ่านเมืองสำคัญแตกต่างกันไป โดยเส้นทางที่ 1 ยาวที่สุด 566 กิโลเมตร และเส้นทางที่ 3 สั้นที่สุดแค่ 281 กิโลเมตร ในขณะที่เส้นทางที่ 2 สั้นกว่าเส้นทาง ที่ 1 คือยาว 489 กิโลเมตรแต่ไม่สามารถใช้ได้ในช่วงหน้าฝน

การบริการรถบัสโดยสารประจำทางนั้น มิได้เปิดทุกวัน แต่จะเปิดให้บริการฯเฉพาะวันจันทร์เท่านั้น และมิได้ให้บริการโดยภาครัฐฯของทั้งสองประเทศโดยตรง แต่จะเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการฯแทน

ทั้งสองฝ่ายพบปัญหาสำคัญคืออินเดียใช้รถยนต์พวงมาลัยขวา แต่เมียนมาร์ใช้รถยนต์พวงมาลัยซ้าย รวมทั้งกฎระเบียบการจราจรฯก็แตกต่างกัน ดังนั้นการแก้ปัญหาก็คือเมื่อผ่านด่านตามูเข้ามาแล้ว จะมีการเปลี่ยนไปใช้รถบัสโดยสารของเมียนมาร์แทนรถบัสโดยสารของอินเดีย

กฎระเบียบเกี่ยวกับการตรวจคนเข้าเมืองและด้านศุลกากรฯยังคงใช้อย่างเข้มข้นเหมือนเดิม มิได้มีการลดหย่อนผ่อนปรนกฎระเบียบลงแต่อย่างใด โดยที่ผู้โดยสารจะต้องถือหนังสือเดินทางที่ถูกต้องสมบูรณ์และขอรับการตรวจลงตรา(วีซ่า)ที่ด่านเมืองมอเรห์และ ด่านเมืองตามู โดยจะได้ตรวจลงตรา 1 เดือนซึ่งสามารถเดินทางเข้าประเทศได้หนึ่งครั้ง รวมทั้งอนุญาตให้มีกระเป๋าเดินทางได้เพียง 1 ใบน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม และกระเป๋าถือ 1 ใบและไม่อนุญาตกระเป๋าขนสินค้าฯด้วย ทั้งนี้ในปัจจุบันอินเดียและเมียนมาร์อนุญาตให้ผู้ค้าฯของทั้งสองประเทศสามารถเข้าไปค้าขายสินค้าฯภายในดินแดนของแต่ละประเทศห่างจากชายแดนฯได้ไม่เกิน 16 กิโลเมตรอยู่แล้ว

การเยือนเมียนมาร์ของนายกรัฐมนตรีฯอินเดียดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานภายใต้นโยบาย “มองตะวันออก” ที่จะช่วยทำให้ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านทางทิศตะวันออก เช่น เมียนมาร์ มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว เป็นต้น หากรัฐบาลเมียนมาร์ยอมเปิดกว้างเปิดใจยอมรับความเจริญจากต่างประเทศและให้ความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของตน ในการพัฒนาเศรษฐกิจฯ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็จะได้ประโยชน์ร่วมกันซึ่งเมียนมาร์จะเป็นพันธมิตรสำคัญของอินเดีย และจะกลายเป็นเส้นทางสายไหมเชื่อมต่อไปยังบรรดาสมาชิกกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยก็จะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคฯอยู่ติดกับเมียนร์มาร์ และพร้อมที่จะเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งทางการค้าฯไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย

สคต.กรุงนิวเดลี

27 พฤษภาคม 2555


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ