รายงานความเคลื่อนไหวสินค้าข้าวในประเทศอินเดีย
รัฐบาลอินเดียได้ปรับเป้าหมายการผลิตข้าวสำหรับปีการผลิต 2555-2556(ตุลาคม 2555-กันยายน 2556) ใหม่ จากที่เคยกำหนดไว้เดิม 103.41 ล้านตัน เป็น 104 ล้านตัน เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนด้านบวกช่วยเสริมโดยเฉพาะอย่างยิงการนำข้าวพันธุ์ทาง ( Hybrid Rice) มาปลูกมากขึ้นทำให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณนำฝนในฤดูมรสุมซึ่งกำลังเริ่มต้นในเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนกันยายน 2555 นี้อยู่ในระดับปกติ นอกจากนันยังมีแนวโน้มว่าผลผลิตข้าวในรัฐทางภาคตะวันออกของประเทศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย อันเป็นผลมาจากผลผลิตต่อเฮกตาร์ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการปรับราคารับซื้อขั้นต่ำ (MSP: Minimum Support Price) สำหรับข้าวเปลือกจากเกษตรกรจาก 1,000 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม เป็น 1,080 รูปีต่อ 100 กิโลกรัมสำหรับข้าวเปลือกคุณภาพทั่วไป และ 1,110 รูปีต่อ 100 กิโลกรัมสำหรับข้าวเปลือกคุณภาพระดับ Grade A เมือปีที่แล้ว(อัตราแลกเปลียน: 1 รูปีประมาณ 0.60 บาท) โดยคณะกรรมการว่าด้วยต้นทุนและราคาสินค้าเกษตร (Commission for Agriculture Costs and Prices: CACP) ซึ่งกลายเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้เกษตรกรเพาะปลูกข้าวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนเมษายน 2555 คณะกรรมการ CACP ได้เสนอว่าควรจะมีการปรับราคารับซื้อขั้นต่ำสำหรับข้าวเปลือกจากเกษตรกรในปีการผลิต 2555-2556 อีกร้อยละ 16 เป็น 1,250 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม เนื่องจากต้นทุนของปัจจัยการผลิตที่ใช้ในการเพาะปลูกข้าวเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าหากมีการประกาศปรับราคารับซื้อขั้นต่ำตามข้อเสนอของคณะกรรมการ CACP จริง เกษตรกรก็จะหันมาเพาะปลูกข้าวเพิ่มมากขึ้นอีก
แม้ว่าอาจจะมีการปรับราคารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร (MSP) ในปีการผลิต 2555-2556 เพิ่มขึ้นเป็น 1,250 รูปีต่อ 100 กิโลกรัมหรือ 12,500 รูปีต่อตัน (ประมาณ 7,500 บาทต่อตัน ด้วยอัตราแลกเปลียน 1 รูปีเท่ากับ 0.60 บาท) ก็ยังถือว่าราคาข้าวเปลือกที่รับซื้อจากเกษตรกรอินเดียยังคงมีราคาต่ำมากซึ่งจะส่งผลต่อการแข่งขันกับข้าวของประเทศไทยในตลาดโลก
ปัจจุบัน ปริมาณข้าวในตลาดอินเดียยังคงอยู่ในระดับสูง และในฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ (Kharif Crop) ซึ่งจะเริ่มไถหว่านประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม (ต้นฤดูมรสุมเริมมีฝนตกแล้ว) และเก็บเกี่ยวประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป ผลผลิตข้าวในรัฐทางภาคตะวันออกของอินเดีย ได้แก่ เบลกอลตะวันตก อานธรประเทศ ทมิฬนาดู ฉัตติสครห์ โอริสสา และพิหาร คาดว่าจะมีปริมาณสูง ส่วนผลผลิตในรัฐทางเหนือ ได้แก่ ปัญจาบ หรยาณา และอุตตรประเทศ คาดว่าผลผลิตจะคงทีหรืออาจจะลดลงเล็กน้อย
รัฐบาลกลางของอินเดียมีนโยบายรับซือธัญพืชเป้าหมาย (รวมข้าวเปลือกด้วย) จากเกษตรกรโดยผ่านบรรษัทอาหารแห่งอินเดีย (FCI: Food Corporation of India) และหน่วยงานของรัฐต่างๆ ในราคารับซื้อขั้นต่ำ (MSP) ที่ประกาศโดยคณะกรรมการว่าด้วยต้นทุนและราคาสินค้าเกษตร (Commission for Agriculture Costs and Prices: CACP) ทั้งนี้ ธัญพืชที่จัดซื้อแล้วทั้งหมดจะถูกระบายโดยบรรษัทอาหารแห่งอินเดีย (FCI) อย่างไรก็ตาม เกษตรกรยังมีทางเลือกอื่นที่จะขายผลผลิตไปยังตลาดโดยตรงได้ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าช่องทางไหนที่เกษตรกรจะได้ประโยชน์มากกว่า แต่โดยทัวไปเกษตรกรมักจะนำผลิตผลมาขายให้แก่ FCI หรือหน่วยงานของรัฐต่างๆเป็นส่วนใหญ่
ในปีการผลิต 2553-2554 (ตุลาคม 2553-กันยายน 2554) รัฐบาลกลางของอินเดียได้ดำเนินการจัดซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร รวม 34.09 ล้านตัน โดยจัดซื้อจากรัฐอานธรประเทศมากที่สุด 9.61 ล้านตัน รองลงมาจากรัฐปัญจาบ 8.635 ล้านตัน รัฐฉัตติสครห์ 3.739 ล้านตัน รัฐโอริสสา 2.476 ล้านตัน รัฐอุตตรประเทศ 2.466 ล้านตัน ฯลฯ
ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2555 รัฐบาลกลางของอินเดียได้ดำเนินการจัดซื้อข้าวเปลือกจาก เกษตรกรไว้แล้ว 32.61 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 14.78 โดยจัดซื้อจากรัฐปัญจาบมากทีสุด 7.73 ล้านตัน รองลงมา คือ รัฐอานธรประเทศ 6.63 ล้านตัน รัฐฉัตติสครห์ 4.11 ล้านตัน รัฐอุตตรประเทศ 3.30 ล้านตัน รัฐโอริสสา 2.14 ล้านตัน รัฐหรยาณา 1.98 ล้านตัน ฯลฯ (รายละเอียดปรากฎตามตาราง)
หน่วย: ล้านตัน
________________________________________________________________________________
ปริมาณจัดซื้อปีที่แล้ว ปริมาณจัดซื้อ ณ วันที่ ปริมาณจัดซื้อ ณ วันที่ รัฐ (ตุลาคม 53-กันยายน 54) 25 พฤษภาคม 55 25 พฤษภาคม 54
________________________________________________________________________________
Andhra Pradesh 9.61 6.628 6.217 Chhattis garh 3.739 4.113 3.533 Haryana 1.687 1.981 1.659 Kerala 0.263 0.346 0.240 Maharashtra 0.308 0.152 0.203 Orissa 2.476 2.143 1.838 Punjab 8.635 7.731 8.635 Tamil Nadu 1.583 1.584 1.252 Uttar Pradesh 2.466 3.301 2.341 Uttaranchal 0.422 0.336 0.368 West Bengal 1.31 1.461 0.871 รวมทังอินเดีย 34.094 32.613 28.413
________________________________________________________________________________
ทีมา: Agriwatch, 4 June 2012
รัฐบาลอินเดียโดยกระทรวงกิจการผู้บริโภค อาหารและการกระจายสู่สาธารณชน (Ministry of Consumer Affairs, Food & Public Distribution) ได้มีการกำหนดมูลภัณฑ์กันชน (Buffer Stock) และสำรองเพื่อความมันคงด้านอาหาร (Strategic Reserve) สำหรับสินค้าประเภทธัญญพืชสองชนิด คือ ข้าวและข้าวสาลี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ให้มีหลักประกันว่าธัญญพืชทังสองชนิดจะมีปริมาณเพียงพอสำหรับป้อนระบบการกระจายไปยังสาธารณชนกลุ่มเป้าหมาย (2) ใช้ในโครงการสวัสดิการสังคมของรัฐบาล (3) รักษาระดับปริมาณขันต่ำไว้เพื่อความมั่นคงด้านอาหารในกรณีฉุกเฉิน (4) สำหรับใช้เป็นเครืองมือในการรักษาเสถียรภาพราคา (Price Stabilization) หรือแทรกแซงตลาด (Market Intervention Operations) ทั้งนี้ กระทรวงฯ ได้กำหนดปริมาณขั้นต่ำที่ต้องรักษาไว้สำหรับข้าวและข้าวสาลี ทุกวันที่ 1 ของทุกไตรมาส คือ 1 เมษายน, 1 กรกฎาคม, 1 ตุลาคม และ 1 มกราคมของทุกปี โดยเริ่มปฏิบัติมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2548 เป็นต้นมา ดังรายละเอียดตามตาราง
ตารางแสดงปริมาณสำรองข้าวสาลีและข้าวของอินเดีย
หน่วย: ล้านตัน
วันที่ ข้าวสาลี ข้าวสาร มูลภัณฑ์กันชนขั้นต่ำ สำรองเพื่อความมั่นคง รวม มูลภัณฑ์กันชนขั้นต่ำ สำรองเพื่อความมั่นคง รวม รวมทั้งหมด (Buffer Norm) (Strategic Reserve) (Buffer Norm) (Strategic Reserve) 1 เมษายน 4.0 3.0 7.0 12.2 2.0 14.2 21.2 1 กรกฎาคม 17.1 3.0 20.1 9.8 2.0 11.8 31.9 1 ตุลาคม 11.0 3.0 14.0 5.2 2.0 7.2 21.2 1 มกราคม 8.2 3.0 11.2 11.8 2.0 13.8 25.0 ที่มา: Ministry of Consumer Affairs, Food & Public Distribution, India ทั้งนี้ สำรองเพื่อความมันคงด้านอาหาร (Strategic Reserve) สำหรับข้าวสาลีได้ถูกกำหนดไว้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป สำหรับข้าวได้ถูกกำหนดไว้ตังแต่วันที 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2555 นี้ ปริมาณข้าวสำรองของอินเดียตามที่กำหนดไว้เป็นมูลภัณฑ์กันชนและสำรองเพื่อความมั่นคงด้านอาหารรวมกันจะต้องมีไม่ต่ำกว่า 11.8 ล้านตัน แต่ปรากฏว่าปริมาณข้าวสำรองจริง ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2555 มีปริมาณสูงถึง 32.92 ล้านตัน (แบ่งเป็นข้าวในสต็อกปริมาณ 32.681 ล้านตันกับข้าวที่กำลังขนส่งมาเก็บในสต็อกอีก 0.242 ล้านตัน) เกินกว่าที่กำหนดไว้เกือบ 3 เท่าตัว และมีแนวโน้มว่าปริมาณข้าวสำรองในช่วงเดือนพฤษภาคม 2555 อาจจะสะสมเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้การประมาณการปริมาณสำรองข้าวจริงของอินเดีย ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2555 อยู่ที่ 33.0 ล้านตัน ซึ่งรัฐบาล อินเดียอาจจะระบายข้าวออกสู่ตลาดโลกได้อีก ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับอุปสงค์ในตลาดโลกด้วยเช่นกันว่าอยู่ในระดับใด แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อินเดียมีขีดความสามารถในการแข่งขันในการส่งออกข้าวก็คือ ราคารับซื้อจากเกษตรกรที่อยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศไทยเกือบครึ่ง คือ ประมาณตันละ 7,500 บาทเท่านัน ตารางแสดงสถานะปริมาณข้าวสำรองของอินเดียรายเดือน สถานะปริมาณข้าวสำรองของอินเดียรายเดือน (ณ วันที 1 ของทุกเดือน) หน่วย: ล้านตัน ปี เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. 2553 24.35 25.65 26.95 26.71 23.26 25.26 24.26 22.87 20.48 18.44 23.17 24.52 2554 25.58 27.80 28.70 28.82 27.76 27.64 26.86 25.27 22.70 20.50 26.83 27.63 2555 29.71 31.82 33.17 33.35 32.92 33.00 ทีมา: Agriwatch, 4 June 2012 ราคาขายส่งข้าวของอินเดีย ราคาขายส่งข้าวของอินเดียมีความแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ ขึ้นอยู่กับว่าหากรัฐใดเป็นแหล่งปลูกข้าวก็จะมีราคาขายส่งต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม ราคาขายส่งข้าวเฉลียระหว่างวันที่ 1-8 มิถุนายน 2555 อยู่ที่ 2,462.00 รูปี ต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 1,477.20 บาท) หรือราคากิโลกรัมละ 14.77 บาท ทั้งนี้ รัฐที่มีราคาขายส่งข้าวที่สูงที่สุด คือ รัฐ Jammu & Kashmir ราคา 4,547.90 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 2,728.74 บาท) หรือกิโลกรัมละ 27.29 บาท ส่วนรัฐที่มีราคาขายส่งข้าวต่ำที่สุด คือ รัฐ Uttar Pradesh ราคา 1,612.12 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 967.27 บาท) หรือกิโลกรัมละ 9.67 บาท สำหรับรัฐ Maharashtra ซึ่งมีมุมไบเป็นเมืองหลวง ราคาขายปลีกข้าวอยู่ที่ 2,900.00 รูปต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 1,740.00 บาท) หรือกิโลกรัมละ 17.40 บาท ตารางแสดงราคาขายส่งข้าวในแต่ละรัฐของอินเดียรายสัปดาห์ ราคาขายส่งข้าวในแต่ละรัฐของอินเดียรายสัปดาห์ หน่วย: รูปีต่อ 100 ก.ก. % (1) % (2) % (1) ระหว่าง ระหว่าง ระหว่าง ระหว่าง จาก จาก จากปี รัฐ 1-8 24-31 16-23 1-8 สัปดาห์ สัปดาห์ ก่อนหน้า มิ.ย.55 พ.ค 55 พ.ค.55 มิ.ย.54 ก่อนหน้า ก่อนหน้า (1) (2) (3) (4) Andhra,Pradesh 2,464.80 1,962.84 2,020.67 1,993.68 25.55 21.95 23.61 Assam 2,275.49 2,240.98 2,264.06 2,794.63 1.54 0.5 -18.58 Gujarat 2,425.00 2,117.17 2,158.16 2,024.61 14.54 12.36 19.78 Jammu & 4,547.90 4,758.45 4,495.14 5,700.00 -4.42 1.17 -20.21 Kashmir Jharkhand 2,308.26 2,283.77 2,190.48 2,105.91 1.07 5.38 9.61 Karnataka 2,480.77 2,397.25 2,334.07 2,063.10 3.48 6.29 20.24 Kerala 2,640.99 2,468.02 2,673.61 3,593.74 7.01 -1.22 -26.51 Maharas htra 2,900.00 4,288.26 4,194.24 4,532.07 -32.37 -30.86 -36.01 Meghalaya 3,100.00 3,100.00 3,036.84 2,800.00 0 2.08 10.71 Delhi 1,800.00 1,600.00 n.a. n.a. n.a. n.a. n.a. Orissa 1,635.19 1,241.61 2,109.21 1,884.51 31.7 -22.47 -13.23 Uttar,Pradesh 1,612.12 1,547.86 1,545.21 1,531.03 4.15 4.33 5.3 West Bengal 1,826.43 1,843.68 1,854.81 1,910.59 -0.94 -1.53 -4.4 ค่าเฉลีย 2,462.00 2,449.15 2,573.23 2,532.40 ที่มา: ข้อมูลจาก Agriculture Produce Marketing Companies of India (APMCs) ในรัฐต่างๆของอินเดีย การส่งออกข้าวของอินเดีย นับตั้งแต่รัฐบาลอินเดียอนุญาตให้มีการส่งออกข้าวได้เมื่อเดือนกันยายน 2554 ที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณการส่งออกข้าวของอินเดียเพิ่มขึ้นมาตามลำดับ จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2555 ปรากฏว่าอินเดียส่งออกข้าวไปแล้วเป็นปริมาณ 6.805 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวบาสมาติ 2.20 ล้านตัน และข้าวที่ไม่ใช่บาสมาติ 4.605 ล้านตัน ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าจากเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2555 อินเดียจะสามารถส่งออกข้าวได้อีกในปริมาณ 2.4 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวบาสมาติ 4 แสนตัน กับข้าวทีไม่ใช่บาสมาติ 2.00 ล้านตัน ซึงจะทำให้ตัวเลขการส่งออกข้าวของอินเดียระหว่างเดือนกันยายน 2554 ถึงเดือนสิงหาคม 2555 ซึ่งเป็นเดือนสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวของอินเดียในปี 2555 มีปริมาณมากถึง 9.205 ล้านตัน โดยแบ่งเป็นข้าวบาสมาติ 2.60 ล้านตัน กับข้าวที่ไม่ใช่บาสมาติ 6.505 ล้านตัน ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนทีสำคัญคือ ค่าเงินรูปีที่อ่อนลงอย่างมากจากประมาณ 49-50 รูปีต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ เป็น 55.38 รูปีต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ (ณ วันที่ 13 มิถุนายน 2555) รวมทั้งปริมาณสำรองข้าวที่เกินจากรัฐบาลกำหนดเกือบ 3 เท่าตัวและราคารับซื้อขั้นต่ำจากเกษตรกรที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเพียงตันละประมาณ 7,500 บาทเท่านัน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยด้านอุปสงค์ในตลาดก็เป็นอีกหนึงปัจจัยที่จะเป็นตัวกำหนดการส่งออกข้าวของอินเดียด้วย สำหรับรายละเอียดปริมาณการส่งออกข้าวของอินเดียปรากฏตามตาราง ตารางแสดงสถานะการส่งออกข้าวของอินเดียภายใต้ Open General License หน่วย: แสนตัน สถานะการส่งออกข้าวของอินเดียภายใต้ Open Gener al License (OGL) ณ วันที 28 พฤษภาคม 2555 เดือนที่ส่งออก ข้าวที่ไม่ใช่บาสมาติ ข้าวบาสมาติ รวมส่งออกข้าว (Non-Basmati Rice) (Basmati Rice) กันยายน 2554 1.85 2.60 4.45 ตุลาคม 2554 4.50 3.40 7.90 พฤศจิกายน 2554 4.90 4.00 8.90 ธันวาคม 2554 5.90 2.50 8.40 มกราคม 2555 5.45 2.75 8.20 กุมภาพันธ์ 2555 5.75 1.70 7.45 มีนาคม 2555 5.60 2.10 7.70 เมษายน 2555 6.80 1.25 8.05 พฤษภาคม 2555 5.30 1.70 7.00 รวม 46.05 22.00 68.05 คาดการณ์การส่งออก 20.00 4.00 24.00 ระหว่างมิถุนายน-สิงหาคม 2555 ที่มา: Agriwatch, 4 June 2012 สำหรับราคาส่งออกข้าว ราคา FOB ของอินเดียยังอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาส่งออกข้าวของไทยโดยเฉลี่ยประมาณ 160-185 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน และต่ำกว่าราคาส่งออกข้าวของเวียตนามอยู่เล็กน้อย เช่น ข้าวขาว 100% เกรดบีและข้าวขาวเมล็ดยาว 5% ราคา FOB ของไทยอยู่ที่ 605-610 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ในขณะที่ของอินเดียอยู่ที่ 420-425 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันซึงเป็นราคาทีต่ำที่สุด ในขณะที่ราคาของเวียตนามใกล้เคียงกับราคาข้าวของอินเดียมาก แต่สูงกว่าเล็กน้อย คือ 420-430 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน แต่ที่น่าจะส่งผลกระทบกับการส่งออกข้าวของไทยมาก คือ ข้าวนึ่ง ซึ่งราคา FOB ของไทยอยู่ที่ 600-610 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ในขณะที่อินเดียราคาเพียง 375-385 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ซึ่งถือว่าต่ำมาก ทำให้ราคาแตกต่างกันอย่างมากถึง 225 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน นอกจากนั้น ข้าวที่ไทยจะถูกกระทบอย่างมาก ก็คือ ข้าว 25% ซึ่งราคาของไทยอยู่ที่ 510-515 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ในขณะที่ราคาข้าวชนิดเดียวกันของอินเดียอยู่ที่เพียง 350-360 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ซึ่งราคาแตกต่างกันถึง 160 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ตารางแสดงการเปรียบเทียบราคาส่งออกข้าว (FOB) ของสามประเทศหลัก ราคาส่งออกข้าว (FOB) ณ วันที 2 มิถุนายน 2555 หน่วย: US$/ตัน Grade/Variety ประเทศไทย เวียตนาม อินเดีย 100%B - 5%DWP 605-610 420-430 420-425 10% 555-560 510-515 - 15% 585 560 - 25% 510-515 375-385 350-360 ข้าวนึ่ง (Parboiled) 600-610 - 375-385 ที่มา: Agriwatch, 4 June 2012 บทสรุป จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าทันทีที่รัฐบาลอินเดียออกประกาศอนุญาตให้ส่งออกข้าวได้เมือเดือนกันยายน 2554 ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ประกาศห้ามส่งออกมาหลายปี ข้าวจากอินเดียโดยเฉพาะข้าวนึ่งและข้าว 25% ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวของไทยค่อนข้างมากทังในด้านราคาและปริมาณ คาดว่ารัฐบาลอินเดียคงจะยังไม่เข้ามาแทรกแซงด้วยการห้ามการส่งออกข้าวอีกในช่วงระยะเวลาสันๆนี อินเดียจึงกลายเป็นคู่แข่งสำคัญที่เพิ่งจะออกมาแข่งขันในตลาดอีกรายหนึ่งที่ไทยต้องให้ความสำคัญ ปัจจัยสำคัญเชิงบวกที่เป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญคือ ค่าเงินรูปีทีอ่อนลงอย่างมากจากประมาณ 49-50 รูปีต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ เป็น 55.38 รูปีต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ (ณ วันที่ 13 มิถุนายน 2555) รวมทั้งปริมาณสำรองข้าวทีเกินจากปริมาณสำรองขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนดเกือบ 3 เท่าตัวและราคารับซื้อขันต่ำจากเกษตรกรที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเพียงตันละประมาณ 7,500 บาทเท่านัน นอกจากนั้น การที่รัฐบาลส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวพันธุ์ทาง (Hybrid Rice) และฤดูมรสุม (ฤดูฝน) ที่เริ่มต้นแล้วอย่างถูกต้องตามฤดูกาลก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผลผลิตข้าวของอินเดียเพิ่มขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม ปัจจัยด้านอุปสงค์ในตลาดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะเป็นตัวกำหนดการส่งออกข้าวของอินเดียด้วย ------------------------------------------- สำนักงานสงเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ 13 มิถุนายน 2555