ทิศทางเศรษฐกิจเซี่ยงไฮ้ ใน ๕ ปีข้างหน้า
เซี่ยงไฮ้เป็นมหานครที่จีนและต่างชาติล้วนจับตามองในเรื่องพัฒนาการทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นแรงกดดันให้รัฐบาลของเซี่ยงไฮ้พยายามกระตุ้นให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปอย่างมั่นคง โดยยังคงมุ่งเน้นพัฒนาภาคบริการเป็นประเด็นหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมทั้งดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนมากยิ่งขึ้น จากการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำนครเซี่ยงไฮ้ ครั้งที่ ๑๐ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๒๒ พ.ค. ๒๕๕๕ โดยมีนายหยู เจิ้งเซิง เลขาธิการพรรคฯ เซี่ยงไฮ้เป็นประธาน และมีผู้แทนสมาชิกพรรคฯ จากหลายสาขาชีพรวม ๗๙๓ คนได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมประชุม ทำให้ได้บทสรุปถึงข้อเสนอแนะเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาของ
๑. เร่งดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่เน้นภาคบริการ นวัตกรรม และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมั่นคง โดยตั้งเป้าหมายดังนี้
๑.๑ เพิ่มสัดส่วนมูลค่าภาคบริการจากร้อยละ ๕๗.๙ เป็นร้อยละ ๖๕ ของ GDP ภายใน ๒๕๕๙
๑.๒ เพิ่มสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการวิจัยและการพัฒนาจากร้อยละ ๒.๙ เป็นร้อยละ ๓.๓ ของ GDP เพื่อกระตุ้นให้เกิด
นวัตกรรมใหม่ๆ
๑.๓ ลดปริมาณการใช้พลังงาน การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษให้ได้เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาฯ
ระยะ ๕ ปี ฉบับที่ ๑๒
๒. ดำเนินการเพื่อยกสถานะด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เซี่ยงไฮ้บรรลุเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางระหว่างประเทศใน ๔ ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ (เน้นการดึงดูดให้ต่างชาติมาจัดตั้งสำนักงาน) / การค้า (เน้นพัฒนาบริการที่เกี่ยวข้องกับการค้า) / การเงิน (เน้นกระตุ้นให้เซี่ยงไฮ้เป็นศูนย์กลางการชำระและซื้อขายเงินหยวน) / และการขนส่งทางเรือ (เน้นพัฒนาระบบและบริการด้านการขนส่งทางเรือ)
๓. ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ด้วยการควบคุมอัตราการว่างงานและราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มรายได้ประชาชนในทันกับอัตราการขยายตัวของ GDP ลดช่องว่างรายได้ระหว่างคนรวยและคนจน ตลอดจนตั้งเป้าให้ GDP ต่อหัวเพิ่มเป็น ๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐภายในปี ๒๕๕๙ นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณสนับสนุนที่อยู่อาศัยราคาถูกให้กับประชาชนผู้ด้อยโอกาสอีกด้วย
๔. เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของพรรคฯ โดยดึงดูดผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคฯ จัดอบรมหลักสูตรการเป็นผู้นำให้แก่สมาชิก ส่งเสริมความสัมพันธ์กับภาคประชาชน ตลอดจนส่งเสริมวินัยและการเคารพกฎระเบียบ และปรับปรุงระบบตรวจสอบภายในพรรคเพื่อป้องกันการทุจริต ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะข้างต้นมีความสอดคล้องนโยบายและแนวทางการพัฒนาเซี่ยงไฮ้ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง ๕ ปีที่ผ่านมา เซี่ยงไฮ้ถือว่าประสบความสำเร็จในการดำเนินนโยบายต่างๆ ข้างต้น โดยมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการที่ GDP ได้เติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ ๑๐.๓% อีกทั้งนโยบายการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ภาคบริการก็ได้ส่งผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยปัจจุบันภาคบริการได้ก้าวมาเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจเซี่ยงไฮ้แซงหน้าภาคอุตสาหกรรมไปเมื่อปี ๒๕๕๔
นอกจากนี้ เซี่ยงไฮ้ยังเป็นเมืองที่มีบริษัทและธนาคารจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาจัดตั้งสำนักงานใหญ่มากที่สุดในจีน อีกทั้งท่าเรือเซี่ยงไฮ้ยังมีปริมาณการขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทรนเนอร์ที่มากที่สุดในโลกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความคืบหน้าในการผลักดันให้เซี่ยงไฮ้เป็นศูนย์กลางระหว่างประเทศในด้าน ๔ ด้านได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ได้ให้ความสำคัญกับด้านการพัฒนาสังคม อันจะเห็นได้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินนโยบายเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และสวัสดิการสังคมของประชาชนและการปราบปรามการทุจริตมาโดยตลอด
จากการข้อมูลข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของเซี่ยงไฮ้ที่มุ่งเน้นภาคบริการเป็นหลัก ธุรกิจบริการของไทยที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคชาวเซี่ยงไฮ้และมีความเชี่ยวชาญเหนือกว่าจีน (ในแง่การบริหารจัดการหรือเทคโนโลยี) จึงมีโอกาสในตลาดแห่งนี้ เช่น ธุรกิจร้านอาหาร สปา และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ทั้งนี้ ธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจเพื่อสุขภาพเป็นอีกสาขาหนึ่งที่ไทยน่าจะมีศักยภาพ เนื่องจากมีระบบบริหารจัดการที่เป็นสากลกว่าจีน และการที่นครเซี่ยงไฮ้เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุทำให้มีความต้องการบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพสูง ตลอดจนยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่ต้องการดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในด้านดังกล่าว นอกจากนี้ จากตัวเลข GDP ต่อหัวที่รัฐบาลเซี่ยงไฮ้มุ่งมั่นที่จะกระตุ้นให้ขยายตัวขึ้นอย่างมากนั้น สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพด้านฐานะทางเศรษฐกิจของประชาชนเซี่ยงไฮ้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นไทยก็น่าจะมีโอกาสดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้เช่นกัน โดยการสร้างสรรค์โปรแกรมท่องเที่ยวคุณภาพสูง ซึ่งสอดคล้องกับรสนิยมของชาวเซี่ยงไฮ้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบมีระดับ อย่างไรก็ตาม ด้วยต้นทุนธุรกิจที่สูง ประกอบกับอัตราการแข่งขันที่สูงในธุรกิจประเภทเดียวกัน ทำให้บริษัทที่ต้องการเข้ามาลงทุนในนครเซี่ยงไฮ้ควรมีพื้นฐานทางธุรกิจที่เข้มแข็งและมีเงินทุนมากพอในระดับหนึ่ง
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้
๕ มิถุนายน ๒๕๕๕