ผลการประมูลข้าวฟิลิปปินส์ จำนวน 100,000 ตัน แบบ G to G
นาย Angelito Banayo ประธาน NFA (National Food Authority) ของฟิลิปปินส์ ได้ให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับเรื่องข้าวเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2555 แจ้งว่า NFA Council ได้ตัดสินใจตามมติเสียงข้างมาก ให้ซื้อข้าวจำนวน 100,000 ตันจากเวียดนามโดยทำสัญญาซื้อแบบรัฐบาล-ต่อ-รัฐบาล เนื่องจากเวียดนามเสนอขายในราคาที่ถูกกว่าและเงื่อนไขการชำระเงินที่ดีกว่าข้อเสนอของไทย สำหรับข้าวอีก 20,000 ตันที่จะต้องสั่งซื้อโดยรัฐบาลเองนั้น จะพิจารณาซื้อจากเวียดนามหรือไทยเท่านั้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลฟิลิปปินส์ประสงค์ที่จะซื้อจากกัมพูชา แต่เนื่องจากไม่สามารถลงนามในข้อตกลงการจัดส่งข้าวกับกัมพูชาได้ทันตามกำหนดเส้นตายใน 31 พฤษภาคม รัฐบาลฟิลิปปินส์จึงไม่สามารถจัดซื้อข้าวแบบ g-to-g กับกัมพูชาได้ ปัจจุบันจึงมีเพียงเวียดนามกับไทยเท่านั้นที่สามารถขายข้าวให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้
ปีนี้ฟิลิปปินส์ตั้งเป้าที่จะนำเข้าข้าวทั้งสิ้น 500,000 ตัน โดยรัฐบาลนำเข้าเอง 120,000 ตัน ส่วนที่เหลืออีก 380,000 ตันรัฐบาลได้เปิดให้ภาคเอกชนทั้งผู้ค้า (Traders) และกลุ่มเกษตรกรประมูลซื้อใบอนุญาตนำเข้าข้าว โดยแบ่งประมูล 2 ครั้งๆละ 190,000 ตันซึ่งได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ได้กำหนดเงื่อนไขให้ข้าวที่นำเข้าทั้งหมดต้องถึงฟิลิปปินส์ภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ก่อนที่จะถึงช่วงเดือนขาดแคลน (lean months) ใน ก.ค. — ก.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวมีน้อย
ฟิลิปปินส์จำเป็นต้องกักตุนข้าวสำรองคลังไว้ให้ได้ 30 วันเพื่อการรักษาสมดุลของอุปทานและราคาข้าวในประเทศ แต่ ณ วันนี้มีข้าวสำรองคลังเพียงแค่ 22 วันเท่านั้น จากตัวเลขของสำนักสถิติการเกษตร (Bureau of Agricultural Statistics) ระบุว่ามีข้าวสำรองคลังเมื่อ 1 เม.ย. จำนวน 2.64 ล้านตัน มากกว่าเมื่อเดือน มี.ค. 31.1% แต่น้อยกว่าช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้วซึ่งปริมาณคงคลังอยู่ที่ 3.08 ล้านตัน คิดเป็น 14.4%
ปีที่แล้ว (ปี 2011) ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวทั้งสิ้น 860,000 ตัน น้อยกว่าการนำเข้าเมื่อปี 2010 ซึ่งนำเข้ามากถึง 2.45 ล้านตัน โดยกระทรวงการเกษตรแจ้งว่าจะลดการนำเข้าข้าวในปีหน้าเหลือเพียง 100,000 ตัน ถ้าการผลิตข้าวในประเทศปีนี้สามารถทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 18.46 ล้านตัน ในไตรมาสแรกปีนี้ปริมาณข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ในประเทศอยู่ที่ 3.99 ล้านตัน น้อยกว่าการเก็บเกี่ยวเมื่อปีที่แล้วที่มีปริมาณ 4.037 ล้านตันเล็กน้อย คาดว่าไตรมาสที่สองจะได้เพิ่มมากขึ้นจากข้าวต้นฤดูและพื้นที่ปลูกข้าวที่เพิ่มขึ้นจากระบบการชลประทานใหม่ๆ การทยอยลดการนำเข้าข้าวอย่างต่อเนื่องของฟิลิปปินส์เป็นไปตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่ต้องการผลิตข้าวให้เพียงพอเลี้ยงตนเองได้ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นไป
มีข้อสังเกตว่าความต้องการนำเข้าข้าวอีก 20,000 ตันที่เหลือซึ่งไทยจะต้องเสนอขายแข่งกับเวียดนามอีกรอบหนึ่งนั้น น่าจะไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้เช่นเดียวกับในรอบแรก ควรต้องใช้กลยุทธ์เสริมทางด้านการทูตและการค้าอื่นๆ โดยอาจอาศัยประเด็นที่ฟิลิปปินส์กำลังต้องการการสนับสนุนกรณีปัญหาเขตแดนทางทะเลกับจีนหรือประเด็นอื่นๆที่เหมาะสม เพื่อให้ฟิลิปปินส์สั่งซื้อข้าวจากไทยโดยตรง ลักษณะเดียวกับที่มีความตั้งใจจะซื้อจากกัมพูชาแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากไม่สามารถลงนามในข้อตกลงได้ทันกำหนดเส้นตายใน 31 พ.ค. 55
อนึ่งตลาดส่งออกข้าวฟิลิปปินส์มีแนวโน้มลดลงอย่างมากและเป็นไปโดยต่อเนื่อง (เหลือเพียง 100,000 ตันในปี 2013) จากเป้าหมายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการผลิตข้าวในประเทศให้เพียงพอเลี้ยงตนเองได้ หากสามารถบรรลุตามเป้าหมายได้ ในปี 2014 ฟิลิปปินส์จะไม่นำเข้าข้าวอีกต่อไป จึงควรต้องเร่งหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดฟิลิปปินส์ต่อไป
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา
6 มิถุนายน 2555