ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ปรับลดตัวเลขเงินลงทุนจากต่างประเทศ
นาย Diwa Guinigundo รองผู้ว่าการธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (Banko Sentral ng Pilipinas — BSP) แถลงต่อสื่อมวลชนว่า คณะกรรมการด้านการเงิน (Monetary Board) ได้ตัดสินใจลดตัวเลขคาดการณ์การไหลเข้าของเงินลงทุนประเภทกองทุนเก็งกำไร (Hot money) ในปีนี้ลงเหลือ 4.5 พันล้านดอลลาร์ จากที่เคยตั้งเป้าไว้ 5.7 พันล้านดอลลาร์ รวมทั้งลดตัวเลขในส่วนของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment - FDI) ลงเหลือ 1.2 พันล้านดอลลาร์แทนที่จะเป็น 2 พันล้านดอลลาร์ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ การลดตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวข้างต้นเป็นผลจากปัญหาวิกฤติหนี้ในยุโรปและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ในส่วนของเงินลงทุนจากกองทุนเก็งกำไรในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ได้มีการปรับตัวเลขคาดการณ์ลงมาเหลือ 1.1 พันล้านดอลลาร์ แทนที่จะเป็น 3 พันล้านดอลลาร์ตามตัวเลขเดิม เนื่องมาจากผลกระทบของวิกฤติหนี้ในเขตยุโรป
อย่างไรก็ตามในส่วนของการลงทุนจากกองทุนเก็งกำไรต่างประเทศในด้านพันธบัตรรัฐบาลที่เป็นเงินสกุลเปโซ กลับมีการปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเป็น 3.4 พันล้านดอลลาร์ จากเดิม 2.7 พันล้านดอลลาร์ จากการที่มีการลอยตัวเพิ่มมากขึ้นของพันธบัตรในส่วนของบริษัทเอกชน ข้อมูลล่าสุดแสดงว่าเงิน Hot money หรือการลงทุนเพื่อเก็งกำไร ดิ่งลงถึง 56.3% ไปอยู่ที่ 878.7 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2012 นี้ จากตัวเลขปีที่แล้วในช่วงเดียวกันที่อยู่ที่ 2.01 พันล้านดอลลาร์ การไหลเข้าของเงินในช่วงเดือน ม.ค. — พ.ค. ลดลง 9.7% มาอยู่ที่ 7.03 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่การไหลออกของเงินเพิ่มขึ้น 6.5% ไปอยู่ที่ 6.15 พันล้านดอลลาร์
ทางธนาคารกลางได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ลงเป็นจำนวน 800 ล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์ จากที่เคยตั้งไว้ 2 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากมองว่านักลงทุนยังคงรอดูท่าทีผลกระทบจากวิกฤติหนี้ในยุโรป และอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบางอยู่ โดยเฉพาะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ตัวเลขจาก BSP แสดงว่าการไหลข้าวของ FDI ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 72.4% ไปอยู่ที่ 850 ล้านดอลลาร์ โดยในไตรมาสแรกนี้ฟิลิปปินส์มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในอาเซียน อยู่ที่ 6.4%
ก่อนหน้านี้ BSP ก็ได้มีการปรับลดเป้าหมายการใช้เงินออกนอกประเทศลงเล็กน้อย จากปัญหาภาวะหนี้ในยุโรปด้วยเช่นกัน แต่ก็ยังมีความเชื่อมั่นว่าฟิลิปปินส์มีเงินทุนสำรองเพียงพอที่จะรองรับผลกระทบทางการเงินจากปัญหาดังกล่าวได้ ทั้งนี้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรวมของฟิลิปปินส์ (Gross International Reserve — GIR) ได้รับการคาดหมายว่าจะอยู่ที่ 77.5 — 78 พันล้านดอลลาร์ แทนที่จะเป็น 79 พันล้านดอลลาร์ โดยดุลการชำระเงิน (Balance of Payment — BOP) จะเกินดุลแตะระดับที่ 2.6 พันล้านดอลลาร์แทนที่จะเป็น 2.8 พันล้านดอลลาร์ตามการคาดการณ์ก่อนหน้านั้น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา
23 มิถุนายน 2555