ร้าน Black Canyon ไทยปักธงในฟิลิปปินส์แล้ว
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ ได้มีพิธีเปิดร้านกาแฟและอาหาร Black Canyon ของไทยแห่งแรก ณ ศูนย์การค้า SM South Mall, Metro Manila โดยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลาได้รับเชิญให้เป็นประธานในพิธีเปิด ร้านนี้เป็นร้านแรกในฟิลิปปินส์ที่ได้รับลิขสิทธิ์แฟรนไชส์จากบริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีบริษัท Royal Thai Food Philippines Inc เป็นผู้รับสิทธิ์
Black Canyon เป็นแบรนด์ท้องถิ่นที่แข็งแกร่งที่สุดแบรนด์หนึ่งของไทยที่ประสบความสำเร็จทั้งในและต่างประเทศ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปลายปี ๒๕๓๖ มีการขยายสาขาทั้งในรูปแบบที่บริษัทบริหารเอง และร้านแฟรนไชส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นธุรกิจคนไทยรายแรกที่บุกเบิกธุรกิจร้านกาแฟ จนเป็นผู้นำของธุรกิจนี้ ทั้งนี้ มาจากการที่บริษัทได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ความสำคัญกับระบบการบริหารจัดการสมัยใหม่ ปัจจุบัน Black Canyon มีสาขาในประเทศไทยกว่า ๒๒๐ สาขา และมีสาขาในต่างประเทศกว่า ๔๒ สาขาใน ๘ ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย สหภาพพม่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กัมพูชา ลาว และฟิลิปปินส์เป็นประเทศล่าสุด การที่บริษัทสามารถเปิดธุรกิจในตลาดนี้ได้นั้น เป็นผลมาจากการที่กรมส่งเสริมการส่งออกได้พาคณะผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงาน Philippines Franchising เมื่อประมาณสามปีที่ผ่านมา ซึ่ง Black Canyon เป็นหนึ่งในร้านที่ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจฟิลลิปปินส์อย่างมาก ภายหลังเสร็จสิ้นงานแล้วทางบริษัทก็ได้มีการเจรจาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสม จนกระทั่งในที่สุดจึงได้บริษัท Royal Thai Food Philippines Inc มาเป็นผู้รับสิทธิ์ดังกล่าว
ปัจจุบันนอกจากร้านกาแฟและอาหาร Black Canyon แล้ว ยังมี ร้านอาหาร Mango Tree ที่เป็นแฟรนไชส์ของกลุ่มสุกี้โคคาของไทย เปิดมาได้ประมาณสองปีแล้ว (ผลมาจากการเข้าร่วมงาน Philippines Franchising ด้วยเช่นกัน) สาขาล่าสุดเพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีนี้ และเป็นสาขาที่ประสบความสำเร็จได้รับความนิยมเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้
ตลาดฟิลิปปินส์ยังเปิดกว้างสำหรับการเข้ามาลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ โดยเฉพาะร้านอาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากพฤติกรรมของคนฟิลิปปินส์ชอบรับประทานอาหารนอกบ้าน ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ตามศูนย์การค้าซึ่งมีร้านอาหารหลากหลายเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ผู้สนใจในธุรกิจนี้ควรจะต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพและความมีเอกลักษณ์ของสินค้า รวมทั้งราคาควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่ต่ำเกินไป ซึ่งผู้สนใจควรเดินทางมาศึกษาตลาดด้วยตนเอง และหากสามารถเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องได้ ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการหาลูกค้าที่สนใจมาทำธุรกิจร่วมกันได้ต่อไปในอนาคต
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา
๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๕