สินค้าแฟชั่นในอิตาลี

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 17, 2012 13:45 —กรมส่งเสริมการส่งออก

สินค้าแฟชั่นในอิตาลี

สินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องหนัง รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับมีค่า เครื่องสำอางค์ แว่นตา และ FASHION ACCESSORIES อื่นๆของอิตาลีล้วนขึ้นชื่อและเป็นที่ยอมรับในตลาด โลกในด้านคุณภาพและดีไซด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้า MADE IN ITALY ที่มีความต้องการซื้อ และมีความเคลื่อนไหวในตลาดตลอดเวลา โดยเฉพาะสินค้ารองเท้าที่ทำจากหนังมีความต้องการ ซื้อในตลาดโลกโดยไม่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจเลยทีเดียว

1. การผลิต

อิตาลีประกอบด้วยแคว้นต่างๆ 20 แคว้นและเป็นประเทศที่มีบริษัทขนาดกลาง/ ขนาดเล็ก(SMEs)จำนวนมาก ในแต่ละแคว้นจะมีการรวมกลุ่มกันของอุตสาหกรรมที่แคว้นนั้น มีความชำนาญ สำหรับเขตอุตสาหกรรมแฟชั่นในอิตาลีส่วนใหญ่จะอยู่ทางตอนกลางและตอน เหนือของประเทศ เขตอุตสาหกรรมแฟชั่นนี้มีการจ้างงานประมาณ 3.5 แสนคน ผลิตสินค้า เกี่ยวกับแฟชั่นได้แก่ เสื้อผ้า สิ่งทอ ผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ ชุดว่ายน้ำ รองเท้า กระเป๋า และเครื่อง ประดับมีจำนวนบริษัทรวม 38,089 บริษัท ซึ่งเขตดังกล่าวจะเน้นทั้งการผลิตและการจำหน่าย สินค้า ทั้งนี้ มีการทำรายได้เข้าสู่อุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้นประมาณ 44,299 ล้านยูโร แต่หากจะ พูดถึงเฉพาะเขตการค้าหรือศูนย์กลางแฟชั่น นั้นจะหมายถึงเมืองใหญ่ๆ ที่เป็นศูนย์กลางแฟชั่น ได้แก่ Milan, Florence, Rome หรือเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการค้าสินค้านั้นมานาน เช่น Bologna, Como, Empoli, Como, Lecco เป็นต้น

1.1 ตัวอย่างของเขตอุตสาหกรรมแฟชั่นในอิตาลี
  • San Mauro in Pascoli เริ่มผลิตรองเท้ามาตั้งแต่ปี 1850 หลังจากที่มีการเปิดกิจการช่างปะซ่อม รองเท้า และในช่วงสงคราม เมืองนีเป็นกำลังสำคัญในการผลิตรองเท้าให้กับทหาร และในปี 1960 ซึ่งเป็นปีที่เศรษฐกิจดี ก็ได้เริ่มมีการผลิตรองเท้ามากขึ้น เพราะคนในพื้นที่มีความเชี่ยวชาญมานาน ผลิตรองเท้า Brand ที่มีชื่อ เช่น Baldinini, Sergio Rossi, Pollini, Vicini และ Casadei

ในเขตนี้มีการทำงานกันเป็น Net work ตั้งแต่ Fashion House โรงงานผลิตชิ้นส่วน เช่น ส้นรองเท้า พื้นรองเท้า เป็นต้น ซึ่งแต่ละโรงงานจะมีความเชี่ยวชาญ เฉพาะอย่าง และจะผลิตและจำหน่ายให้แก่กัน

  • Urbania เขตอุตสาหกรรมสิ่งทอ (Jeans/Clothing) เป็นเขตที่ได้รับการขนานนามว่า Jean Valley มีโรงงานกว่า 40 โรงงานผลิต Jean ยี่ห้อมีชื่อ เช่น Moschino, Swish, Coveri, Trussardi, Benetton, Banana Replublic เป็นต้น ธุรกิจดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ปี 1960ที่มีการจ้างแรงงานราคาถูก เข้ามาทำงานในโรงงานผลิตสิ่งทอ จนกระทั่งมี ความชำนาญมาจนทุกวันนี้
  • Como เป็นเขตอุตสาหกรรมทอไหม เนื่องจากมีการเลี้ยงตัวไหม และทอผ้าไหมมาตั้งแต่ปี 1600 ในอดีต Como มีชื่อเสียงในด้านการทอขนสัตว์ จนกระทั่งได้รับการขนานนามว่า Textile Production Center ของอิตาลีและยุโรป และมีการพัฒนามายาวนาน ปัจจุบันมีบริษัทประมาณพันบริษัท มีโรงงานขนาดใหญ่ที่มีการ ลงทุนทางเทคนิคสูงเช่น Mantero และ Ratti
  • Empoli อยู่ตอนกลางของแคว้น Tuscany สมัยโบราณเขตนี้มีการผลิตสินค้าหลาย อย่างเช่น เครื่องแก้ว เซรามิค เครื่องนุ่งห่ม ต่อมาเครื่องนุ่มห่มมีการพัฒนามาก ขึ้นจนกระทั่งมีชื่อเสียงในการผลิต Raincoats และ Leather Clothing มีบริษัทใน เขตนี้ถึงกว่า 500 บริษัท Turnover 570 ล้านยูโร โดยมีการส่งออกจากเขตนี้ 180 ล้านยูโร

1.2 เขตอุตสาหกรรมเครื่องหนังในภาคต่างๆของอิตาลี

1.2.1 ตอนเหนือ

  • เมือง Verona ซึ่งรวมเขต Montebelluna และเขต Riviera di Brenta มีชื่อทางด้านรองเท้าเดินเล่น, รองเท้ากีฬาซึ่งสวมใส่สบาย ราคาถูก มีจำนวนบริษัททั้งหมด 670 บริษัท มีการจ้างงานกว่า 7 พันคน มียอดขายจากเขตนี้ 150 ล้านยูโร
  • เมือง Vigevano ในจังหวัด Pavia เขตนี้มีที่อยู่ประมาณหนึ่งแสนหลังคาเรือน ร้อยละ 60 อาศัยอยู่ในเมือง Vigevano ในเมืองนี้มีอุตสาหกรรมที่สำคัญคือ Shoe and Leather Production และ Shoe Engineering เช่นเครื่องจักรในการฟอกหนัง การทำแบบ ฯลฯ กว่าร้อยละ 60 ของอุตสาหกรรมเครื่องหนังในแคว้นลอมบาเดียจะอยู่ในเมืองนี้

1.2.2 ตอนเหนือ/กลาง

  • เขต Fusignano Bagnocavallo (เมือง Ravenna) การผลิตรองเท้าเริ่มในเขตนี้ตั้งแต่ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีชื่อเสียงในเรื่องของ รองเท้า คุณภาพดี
  • เขต San Mauro in Pascoli (Forli, Cesena) ปัจจุบันมีโรงงานผลิตรองเท้า 120 แห่งจ้างงาน 2,490 คน ผลิตรองเท้าได้ถึง 15 ล้านคู่ 2 ใน 3ถูกส่งออกไป รัสเซีย และ Far East

1.2.3 ตอนกลาง

  • เขต Fermano maceratese (เมือง Ascoli Piceno)
  • เมือง Lucca
  • เขต Santa Croce Sull'Arno (เมือง Pisa)
  • เขต Val Vibrata (เมือง Tiramo)
  • Valdinieevole Lampovecchio (เมือง Pistoia, Pisa, Lucca)
1.2.4 ตอนใต้
  • เขต Barletta (เมือง Bari)
  • เขต Grumo Nevano Aversa Trentola Ducenta (เมือง Napoli, Caserta)
2. การตลาด

หน่วย:ล้านยูโร

ที่        หมวดสินค้า                    มูลค่าการส่งออก    % เปลี่ยนแปลง        ตลาดส่งออกหลัก 5 อันดับแรก
                                        ปี 2554
1        เครื่องประดับมีค่า                 12,051.8          44.6           สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส  สหรัฐอเมริกา
                                                                        สหรัฐอาหรับอีมิเรตส์ และเบลเยี่ยม
2        ผ้าผืน เสื้อผ้าสำหรับสตรี บุรุษ         9,473.8          12.0           ฝรั่งเศส เยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซีย
         และเด็ก                                                         และสหรัฐอเมริกา
3        รองเท้าหนัง ยาง และผ้า            8,332.1          12.0           ฝรั่งเศส เยอรมัน สหรัฐฯ สวิตเซอร์แลนด์
                                                                        และรัสเซีย
4        กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าสตางค์       4,898.2          28.9           สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งศส สหรัฐอเมริกา
         อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องด้านเครื่องหนัง                                       ญี่ปุ่น และฮ่องกง
5        เครื่องสำอาง                     2,838.1          10.8           เยอรมัน ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา สเปน
                                                                        และอังกฤษ
ที่มา : World Trade Atlas

2.1 กลุ่มสินค้าแฟชั่นในอิตาลี
          2.1.1 เครื่องประดับมีค่า มีผู้ผลิต 10,032 ราย ส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก (342 บริษัทผลิตในเชิงอุตสาหกรรมและ 9,690 บริษัทผลิตในลักษณะธุรกิจครอบครัว) ซึ่งผู้ผลิตจะรวมกลุ่มกันอย่างแน่นแฟ้นเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องประดับมีค่าในแต่ละพื้นที่ อิตาลีมีแหล่งผลิตสำคัญ 3 แห่งได้แก่ VALENZA,VICENZA และ AREZZO แต่ละปีอิตาลีนำเข้าวัตถุดิบขั้นปฐมของสินค้าในกลุ่มดังกล่าวเพื่อทำการแปรรูป/เพิ่มมูลค่าในประเทศถึงร้อยละ 60 จากที่มีในยุโรปและร้อยละ 10"15 จากตลาดโลกหรือราว 500 ตันต่อปี ทั้งนี้ ใช้บริโภคภายในประเทศประมาณ 110 ตัน ที่เหลือทำการแปรรูปและส่งออก โดยมีคู่แข่งการส่งออกสำคัญของไทยได้แก่ จีน และอินเดีย
          2.1.2 ผ้าผืน เสื้อผ้าฯอิตาลีเป็นผู้ส่งออกสินค้าผ้าผืนอันดับที่สองของโลกรองจากจีน และเป็นผู้ส่งออกอันดับสามในสินค้าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายรองจากจีน และเม็กซิโก อิตาลีมีผู้ส่งออกในกลุ่มสินค้านี้ประมาณ 2.2 หมื่นราย  ทั้งนี้ เป็นบริษัทผู้ส่งออกสินค้าผ้าผืน เสื้อผ้าและ FASHION ACCESSORIES ระดับ HI END เพียงประมาณ 10 ราย ซึ่งล้วนเป็นผู้ส่งออกชั้นนำ โดยครองส่วนแบ่งในตลาดถึงร้อยละ 20 หรือประมาณ 18 ล้านยูโร สำหรับตลาดส่งออกระดับ HI END ของอิตาลีได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ตลาดนำเข้าสำคัญ ของอิตาลีได้แก่ จีน โรมาเนีย ตูเนเซีย และฝรั่งเศส
          2.1.3 รองเท้าหนัง ยาง และผ้า อุปกรณ์การเดินทางขนาดเล็ก มีจำนวนผู้ผลิตประมาณ 7,800ราย (โดยร้อยละ 69 เน้นผลิตเพื่อการส่งออก)  สินค้าในกลุ่มดังกล่าวจัดว่ามีความเคลื่อนไหวตลอดเวลาในตลาดโลกโดยเฉพาะสินค้ารองเท้า MADE IN ITALY ที่ทำจากหนังหรือมีหนังเป็นส่วนประกอบ โดยมีตลาดส่งออกหลักได้แก่ เยอรมัน สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส โดยเฉพาะประเทศเยอรมันและฝรั่งเศสที่นิยม นำเข้าสินค้าหนังแท้ อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มสินค้าดังกล่าวมีคู่แข่งสำคัญได้แก่ จีน เวียดนาม และอินเดีย สำหรับตลาดนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลีในขณะนี้คือ จีน
          2.1.4 เครื่องสำอางค์ สินค้าเครื่องสำอางแบ่งเป็นหลายสาขาได้แก่ ครีมบำรุงผิว เครื่องแต่งหน้า hygiene/ Sanitary items น้ำหอม ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม เป็นต้น เครื่องสำอางค์เป็นกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตสูงมากในช่วงปีหลังทั้งยอดจำหน่ายและยอดการส่งออกในตลาดโลก สำหรับผู้ผลิตในสาขามีประมาณ 1,500 ราย โดย 1,000 ราย เน้นผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลัก ตลาดนำเข้าที่สำคัญได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมัน และไอร์แลนด์

2.2 ลักษณะเด่นสินค้าแฟชั่นของอิตาลี

          2.2.1 รูปแบบ/ดีไซน์  อิตาลีมีการลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตสินค้าในหมวด อุตสหกรรมแฟชั่นค่อนข้างสูง เน้นรูปแบบดีไซน์ และความแปลกใหม่ สินค้าที่ผลิตในอิตาลีจึงลอกเลียนแบบยาก ปัจจุบันนโยบาย ของบริษัทใหญ่ๆหลายบริษัท เน้นความสำคัญของการวิจัย/เทคนิค และการออกแบบ ส่วนการ ผลิตในปัจจุบัน นิยม Out Sourcing ไปยังที่ต่างๆ รวมทั้งส่งไปผลิตในประเทศที่มีต้นทุน/แรงงาน ต่ำ เช่น ประเทศจีน อินโดนีเซีย อินเดีย รวมทั้งประเทศไทย ตุรกี อียิปต์ ฯลฯ ภายใต้เทคนิค และการออกแบบของตน ดังนั้นจึงทำให้เกิดสถาบันการออกแบบมากมายกว่า 150 แห่งในอิตาลี ที่ทำงานด้านวิจัยและผลิตนักออกแบบให้แก่อุตสาหกรรมแฟชั่น
          2.2.2  ความเป็นสินค้า MADE IN ITALY กลุ่มผู้ผลิตในอุตสาหกรรมฯให้ความสำคัญและคำนึงถึงคุณภาพ ของสินค้าและความเป็นเอกลักษณ์แห่งอิตาลี (MADE IN ITALY) ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ อย่างยิ่งหลังจากการยกเลิกโควต้านำเข้าสินค้ารองเท้าเครื่องหนัง และเสื้อผ้า/ผ้าผืนกับจีนในวันที่ 1 มกราคม 2005 และในวันที่ 31 ธันวาคม 2007 ตามลำดับ ผู้ผลิตทั้งรายใหญ่และรายย่อย ในอิตาลีมีการปรับตัวโดยมีแนวโน้มที่จะพัฒนาและสร้างสรรสินค้าที่มีคุณภาพเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสินค้า MADE IN ITALY แข่งขันกับสินค้าจาก ประเทศต้นทุนต่ำเช่น จีน
          2.2.3. การมีแบรนด์ของตนเอง  อิตาลีเป็นประเทศผู้นำด้านการออกแบบและแฟชั่น และมีนักออกแบบที่มีชื่อเสียงหลายคนที่สร้างแบรนด์ของอิตาลีให้เป็นที่ยอมรับระดับโลก โดยทั่วไปในอิตาลีมีแบรนด์ กว่าพันแบรนด์ ซึ่งแบรนด์เหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นแบรนด์ย่อยๆ แบรนด์แฟชั่นที่ประสบความสำเร็จมีประมาณร้อยกว่าแบรนด์ เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในระดับสูงกลางประมาณ40 แบรนด์ (ระดับ สูง 22 แบรนด์ และระดับกลาง 19 แบรนด์) ซึ่งใช้เวลาในการสร้างแบรนด์มาเป็นเวลานาน แบรนด์ระดับสูง เช่น GUCCI ใช้เวลาในการพัฒนามารวม 83 ปี (ก่อตั้งปี 2464) เฉพาะ GUCCI  DIVISION มีรายได้ถึง 37.2 ล้านยูโร คิดเป็นกว่าร้อยละ 50 ของรายได้ทั้งกลุ่ม,  ERMENEGILDO ZEGNA พัฒนามาเป็นเวลา 94 ปี (ก่อตั้งปี 2453) จนมีรายได้ถึง 50 ล้านยูโร ปัจจุบัน อิตาลีให้ความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์มาก

3. พฤติกรรมผู้บริโภค
          ชาวอิตาเลียนนิยมซื้อสินค้าที่ผลิตในอิตาลีเพราะมั่นใจในคุณภาพ สินค้า/ดีไซน์ และเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการในประเทศด้วย อิตาลีเป็นผู้บริโภครายใหญ่ ของเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นโดยคนอิตาเลียนใช้จ่ายเงินไปเพื่อการนี้ประมาณ 950 ยูโร/คน/ปี ใน ขณะที่ประเทศอังกฤษใช้จ่าย 874 ยูโร/คน/ปี ออสเตรีย 809 ยูโร/คน/ปี และเยอรมัน 781 ยูโร/คน/ ปี  อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น อัตราการบริโภคสินค้าระดับ กลาง - ล่าง เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีราคาไม่สูง สามารถเปลี่ยนได้บ่อยตามฤดูกาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็น สินค้านำเข้า  อย่างไรก็ตาม ในช่วงปีหลังพบว่ามีการลักลอบนำเข้าสินค้าลอกเลียนแบบสู่อิตาลี ขึ้นมาก จากสถิติของกรมตำรวจพบว่า อิตาลีเป็นประเทศที่มีการลักลอบนำเข้าสินค้าลอกเลียน แบบมากที่สุดในยุโรป

4. โอกาสทางการค้า
          อิตาลีมีชื่อเสียงมากในเรื่องการผลิตสินค้าแฟชั่น อย่างไรก็ตาม สินค้าทีผลิตในอิตาลีมีราคาสูง  สินค้าไทยที่จะเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้จึงควรพัฒนาคุณภาพสินค้า โดยเฉพาะด้านดีไซน์  ทั้งนี้อาจร่วมกับสถาบันออกแบบที่มีชื่อในอิตาลี ในการพัฒนาสินค้าไทย หรือหาโอกาสที่จะสร้างแบรนด์ร่วมกับนักออกแบบ หรือแบรนด์ที่มีชื่อใน อิตาลีต่อไป เช่นการร่วมมือกับสถาบัน Marangoni ที่มีความเชี่ยวชาญ เรื่องแฟชั่นเสื้อผ้า  เครื่องประดับ รวมทั้ง Fashion Concept  ซึ่งอยู่ใน วงการแฟชั่นมานานถึง 70 ปี ผลิตนักออกแบบที่มีชื่อเสียงมากเช่น Armani,  Dolce Gabbana, Roberto Cavalli เป็นต้น

5. ช่องทางการจำหน่าย

          5.1 ร้านค้าย่อยซึ่งมีทั้งที่เป็นร้านเดี่ยวๆ ขายสินค้ายี่ห้อของตนเอง หรือหลายๆยี่ห้อ และ chain stores ซึ่ง ที่มีสาขาตามเมืองต่างๆ
          5.2 OUTLET ในอิตาลีในระยะ 5 ปีที่ผ่านมาการขยายตัวของ OUTLET สินค้าแฟชั่นในอิตาลีมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีจำนวน OUTLET เกิดขึ้นกว่า 1,000 แห่ง และ เป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื่องจากสามารถซื้อสินค้าได้ราคาถูกลงถึง 30 70% ภายใต้แบรนด์ที่มีชื่อต่างๆ  การเกิดของ OUTLET ดังกล่าวก็เพื่อเป็นการระบาย COLLECTION ให้หมดไปโดยเร็วและ ก็เป็นอีกยุทธวิธีหนึ่งที่จะเชิญชวนผู้ซื้อให้เกิดความรู้สึกว่าได้ซื้อสินค้าตรงจากโรงงาน ซึ่งจะได้ของดี และราคาถูกกว่าตามท้องตลาดทั่วไป ในอดีต OUTLET ส่วนใหญ่มักจะตั้งอยู่นอกเมือง แต่เนื่องจากเป็นที่นิยมมากขึ้น จึงมี OUTLET เกิดขึ้นในบริเวณตัวเมืองมากมาย และมีขนาดร้านเล็กลง
          5.3 ย่านแฟชั่น เช่น ย่านแฟชั่นในมิลานโรม ฟลอเรนซ์ เวนิซ เป็นต้น ซึ่งมีถนนแฟชั่น ซึ่งรวมเอาแฟชั่นระดับสูงมารวมไว้ในถนนย่านใจกลางเมือง  เช่น ย่านแฟชั่นในมิลาน อยู่ที่ ถนน VIA MONTE NAPOLEONE,VIA MANSONI, VIA DELLA SPIGA  และบริเวณ PIAZZA del DUOMO สำหรับถนนแฟชั่นระดับกลาง คือ CORSO VITTORIO EMANUELLE II, VIA TORINO ซึ่ง ถนนเหล่านี้ได้รวมเอากว่า 40 แบรนด์มีชื่อมาไว้บนถนนในย่านเดียวกัน ซึ่งประสบความสำเร็จ อย่างสูง เนื่องจากผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อสินค้าได้หลากหลายในระดับคุณภาพที่คัดสรรแล้วใน ย่านดังกล่าว ทั้งยังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางมามิลาน

6. ยุทธศาสตร์การส่งออกของไทย
          สินค้าแฟชั่นของไทยที่จะเข้าสู่ตลาดและสามารถแข่งขันในอิตาลีได้ ควรเป็นสินค้าที่ให้ความสำคัญในเรื่อง คุณภาพ รูปแบบ และดีไซน์ที่สวยงามโดดเด่น มีลูกเล่น  แตกต่างจากสินค้า mass products ซึ่ง จีนและอินเดียจะทำตลาดได้ดีกว่า
          ทั้งนี้ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการส่งออกได้สนับสนุนสินค้าแฟชั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสร้าง แบรนด์ รวมทั้งการนำผู้ส่งออกมาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในอิตาลี เช่น งานแสดงสินค้ารองเท้า EXPO RIVA SCHUH งานแสดงสินค้ากระเป๋าเครื่องหนัง MIPEL งานแสดงสินค้าเครื่องสำอางค์ COSMOPROF และงานแสดงสินค้าเสื้อผ้าสตรี WHITE เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ