ร้านอาหารเพื่อเข้าร่วมโครงการ THAI SELECT "EMBER ROOM" ในนครนิวยอร์ก

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 20, 2012 15:12 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ร้านอาหารเพื่อเข้าร่วมโครงการ THAI SELECT "EMBER ROOM" ในนครนิวยอร์ก

วันที่ 18 กรกฏาคม 2555 นางสมจินต์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ได้เดินทางไปร้าน Ember Room เพื่อคัดเลือกเข้าโครงการ Thai Select และได้พบหุ้นส่วนเจ้าของร้าน คือ นายพงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย หรือที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในอเมริกา และในประเทศไทย ในนามของเชฟเอียน หรือเชฟกิตติชัย เชฟกระทะเหล็กของประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอิศยา และ Hide & Seek ที่กำลังมาแรงในประเทศไทย และหุ้นส่วนในการเปิดร้านอาหารไทยระดับหรูแห่งแรกของนครนิวยอร์ก "Kittichai" ที่ติด 3 อันดับแรกของร้านอาหารที่ดีที่สุดในอเมริกา

เชฟเอียน เริ่มต้นชีวิตจากเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่ขายข้าวแกง จึงทำให้ผูกพันกับอาหารไทยตั้งแต่ในวัยเด็ก แต่การเริ่มต้นชีวิตพ่อครัวของเชฟเอียนเริ่มที่ประเทศออสเตรเลีย โดยติดตามครอบครัวเดินทางไปอยู่ประเทศออสเตรเลีย ถึงแม้ครอบครัวจะมีกิจการร้านอาหารไทย แต่เชฟเอียนตัดสินใจเข้าเรียนเรื่องการทำอาหารที่ Sydney TAFE และสมัครใจที่จะเริ่มต้นชีวิตในครัวในร้านอาหารฝรั่งเศสในซิดนีย์แทน จากความรู้และประสบการณ์ดังกล่าว เป็นการก้าวเข้าสู่อาชีพเชฟแบบอินเตอร์ และครัวแห่งแรกที่เปิดรับเชฟเอียนเข้าสู่โลกของการเป็นพ่อครัว คือโรงแรม Four Seasons กรุงเทพ ซึ่งในยุคนั้นยากที่จะมีพ่อครัวไทยแทรกตัวเข้าไปได้

ปี คศ.2003 เชฟเอียนตัดสินใจเดินทางมายังสหรัฐอเมริกา และแน่นอนความใฝ่ฝันในการทำชื่อเสียงด้านอาหาร เห็นจะไม่พ้น มหานครนิวยอร์ก หลังจากดูลู่ทางและสร้าง Networking ในวงการแล้ว เชฟเอียนจึงได้เริ่มบริหารร้านอาหารไทยแบบหรูในนครนิวยอร์กตามความฝันเป็นครั้งแรก คือร้านกิตติชัย (Kittichai) โดยมีหุ้นส่วน รวมทั้งเชพเอียนด้วย 5 คน และแต่ละคนล้วนเป็นผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการอาหารของนครนิวยอร์กทั้งสิ้น

ปี ค.ศ. 2010 ช่วงตรุษจีน (Chinese New Year) เชฟเอียนได้ฤกษ์เปิดร้าน "EMBER ROOM" ขึ้นบนถนน 9 (9th Avenue) ซึ่งเป็นถนนที่คลาดคล่ำไปด้วยร้านอาหาร และเป็นถนนที่มีร้านอาหารไทยตั้งอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งของนครนิวยอร์ก ฉะนั้นเรียกได้ว่า ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้บนถนนสายนี้ คราวนี้มีผู้ร่วมลงทุนและบริหารจัดการโโย Chace Restaurant Group ซึ่งมีคุณ Ace Watanasuparp และคุณ Chatchai Huadwattana ร่วมบริหารจัดการ

ร้าน Ember Room มีความโดดเด่นที่แตกต่างจากร้านอาหารไทยในย่านปราบเซียนถนน 9 คือมีลักษณะการตกแต่งทั้งอาหารและร้านเป็นแบบระดับบน ห้องเป็นเพดานสูง โล่งโปร่ง ให้บริการรองรับลูกค้าถึง 2 ชั้น อีกทั้งตรงเพดานทางเข้าประดับไปด้วยระฆังไทยเทพพนมเล็กจำนวนกว่า 4,000 อัน และรูปวาดที่มีขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางด้านในร้รน รวมทั้งมีการใช้ไม้เก่าแก่ในการประดับพนังและเพดาน ซึ่งในกลิ่นไอของความเป็นไทยโบราณผสมผสานกับไทยสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว

ร้าน EMBER ROOM เปิดให้บริการ 7 ว้น ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 138 ที่นั่ง/ครั้ง และมีบริการเครื่องดื่มแบบ FULL BAR SERVICE อาหารจานแนะนำของทางร้านได้แก่ Red Chili-Glazed Sea Bass โดยการนำชิ้นปลาอบเคลือบด้วยซอสพิเศษของทางร้าน และจัดวางบนน้ำซอส Celery Root Puree และยังมีอีก 1 เมนูที่ขอแนะนำว่าห้ามพลาดคือ ไก่ย่างหาดใหญ่ ซึ่งทางร้านมีการโชว์ย่างกันสดๆ จากเตาอบที่สั่งทำพิเศษ เนื้อไก่หอมนุ่มมีรสชาดที่ถูกปากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ รสชาดอาหารของทางร้านเป็นแบบไทยดั้งเดิมแต่การนำเสนอเป็นแบบสมัยใหม่ (Modern Presentation) ซึ่งเชฟเอียนจะมีวิธีการปรุงแต่งอาหารในสไตล์ของตนเอง ด้วยสไตล์การทำอาหารและการสร้างสรรค์เมนูที่เป็นตัวของตัวเอง แบบ Unique โดยการนำศาสตร์และศิลป์แบบตะวันตกมาประยุกต์เข้ากับอาหารไทย และนำอาหารไทยโบราณกลับมาให้เป็นที่รู้จักของคนรุ่นใหม่ในแบบที่ทันสมัย ทั้งนี้เชฟเอียนเชื่อว่ายังมีอาหารไทยอีกหลายอย่างที่คนต่างชาติควรจะได้รู้จักและได้ลิ้มรส

และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้และเป็นความเชี่ยวชาญพิเศษของเชฟเอียนที่ไม่เหมือนพ่อครัวร้านอาหารไทยอื่นๆ คือ การทำขนมหวาน เชพเอียนจะคิดประดิษฐ์ขนมหวานโดยใช้เครื่องปรุงแบบขนมไทย แต่แต่งเติมให้รสชาดเป็นแบบตะวันออกพบตะวันตก (East meets West) ขนมที่มีชื่อของร้านนี้คือ Meyer Lemon Crepe Cake (อร่อยใกล้เคียงกับ Lady M Crepe Cake ที่ขึ้นชื่อของนิวยอร์ก จนอยากจะให้ชื่อว่า Lady lan Grepe Cake จริงๆ ) ขนมอีกชนิดหนึ่งที่ขอแนะนำว่าพลาดไม่ได้คือ Smoked Coconut Cheese Cake ซึ่งต้องบอกว่า ถึงแม้จะเป็นขนมของชาวตะวันตก แต่รสชาดการทำขนมของเชฟเอียน โดยการฉีกแนวนำมะพร้าวเข้ามาผสมด้วย ทำให้อร่อยและถูกปากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

นอกจากขนมในเมนูทั้งสองอย่างแล้ว วันนี้เราโชคดีที่เชฟเอียนเข้าครัวทำขนมรายการใหม่ที่ยังไม่ได้บรรจุไว้ในเมนู (แม้แต่ชื่อก็ยังไม่ได้ตั้ง) มาให้เราได้ทดลอง ซึ่งขอเรียกว่า Taro Paradise ไปพลางๆ ก่อน รสชาดของขนมเป็นแบบ มูสเผือก (Taro Mouse) ใส่ในแก้ว และครอบไว้ด้วยข้าวตังเผือกชิ้นแบนๆ (ลักษณะข้าวตังเหมือน Belgian Waffle กรอบๆ) ซึ่งมีไอศกรีมเผือกวางอยู่ข้างบนอย่างสวยงาม เวลาจะรับประทาน เชฟเอียนสาธิตให้ดูว่าต้องเอาช้อนเคาะข้าวตังให้แตกแล้วไอศกีมจะหล่นปุลงไปบนมูสเผือก รับประทานด้วยกันได้รสชาดกลมกล่อมหวานเย็นจริงๆ

นอกจากร้านอาหารไทย 2 ร้านแล้ว เชฟเอียนยังมีร้านขนม (แบบฝรั่ง) ชื่อ Spot Dessert Bar และร้านขนมปังเบเกอรี่ Jum Mum (จ้ำม่ำ) ตั้งอยู่ในย่าน St. Mark ซึ่งเป็นแหล่งอิปด้านอาหารอีกแหล่งหนึ่งของนครนิวยอร์ก เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนตุลาคมปี 2554 และกำลังจะขยายสาขา 2 ของ Spot Dessert Bar ที่ Korean Town ของนครนิวยอร์กในอนาคตอันใกล้

ลูกค้าของร้าน Ember Room ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ เนื่องด้วยทำเลที่ใกล้กับ Times Sqaure นอกจากนี้แล้วทางร้านยังมีบริหารจัดส่งอาหารให้กับลูกค้าในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย

EMBER ROOM

647 9TH AVE. NEW YORK, NY 10036

Contact Person: เชฟเอียน พงศ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย

ตำแหน่ง: ผู้บริหารและเจ้าของกิจการ

เบอร์ติดต่อ: 212.245.8880 โทรสาร: 212.245.8883

Wdbsite: http//www.EMBERROOM.com

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก

19 กรกฎาคม 2555


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ