ตามที่รัฐบาลออสเตรเลียได้มีการจัดเก็บภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายใต้แผนพลังงานสะอาด (Clean Energy Future Plan) โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2555 นั้น ส่งผลให้สารทำความเย็นที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (synthetic greenhouse gas (SGG) refrigerants) มีราคาสูงขึ้นจากการจัดเก็บภาษีคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งคำนวณจากระดับที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน (global warming potential-GWP) ทั้งนี้ SGG ที่นำเข้าก่อน 1 กรกฎาคม 2555 จะไม่ถูกเก็บภาษีนี้
เนื่องจากรัฐบาลออสเตรเลียต้องการกระตุ้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงซึ่งเกิดจาก Hydrofluorocarbon refrigerant gases ที่ปล่อยออกมาจากระบบทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศ ซึ่ง Hydrofluorocarbon refrigerant gases นี้ เป็นก๊าซที่มีศักยภาพในการทำให้โลกร้อนสูง รัฐบาลออสเตรเลียจึงต้องการควบคุมการปล่อยก๊าซนี้โดยการจัดเก็บภาษีเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซดังกล่าว และส่งเสริมให้มีการพัฒนาการออกแบบระบบและมาตรฐานการติดตั้งเพื่อป้องกันการรั่วซึมของสารทำความเย็น, การพัฒนาการบำรุงรักษาและระบบจัดการสารทำความเย็นเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการกระตุ้นให้ใช้สารทำความเย็นที่มีค่าศักยภาพการทำให้โลกร้อนต่ำ นอกจากนี้ภายใต้แผนพลังงานสะอาดยังมีเป้าหมายให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมโดยการกระตุ้นให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานไฟฟ้าโดยการเก็บค่าปล่อยคาร์บอนจากการผลิตสินค้า
โดยทั่วไปแล้วผู้นำเข้าสารทำความเย็น (refrigerant importer) เป็นผู้จ่าย import levy ซึ่งเก็บเป็นรายไตรมาส และผลักภาระจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นไปตาม supply chain โดยท้ายที่สุดแล้วต้นทุนส่วนนี้จะตกอยู่กับผู้บริโภคที่ต้องจ่ายค่าสินค้าหรือบริการที่มีราคาสูงขึ้น
การจัดเก็บภาษี HFC มีผลกับ SGG refrigerants ที่ระบุอยู่ใน Kyoto Protocol และนำเข้าภายหลังวันที่ 1 กรกฎาคม 2555 เท่านั้น ในอัตรา $0.165/ kg โดย HFC refrigerants ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบทำความเย็นและระบบปรับอากาศประกอบด้วย R134a (32%), R404A (9%), R407C (4%) and R410A (22%) ทั้งนี้ natural refrigerants และ low GWP synthetic refrigerants ตัวอื่นๆ จะไม่ถูกเก็บภาษี HFC
ขณะนี้รัฐบาลออสเตรเลียจัดเก็บภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่อัตรา 23 ดอลล่าร์ออสเตรเลียต่อตัน โดยในปี 2557-2558 จะจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 25.4 ดอลล่าร์ออสเตรเลียต่อตัน
Refrigerant Typical Application GWP HFC HFC HFC AR2 Levy/kg Levy/kg Levy/kg (100 year) 2012/13 2013/14 2014/15 HFC R134a Air conditioning, medium temp refrigeration 1,300 $29.90 $31.40 $33.02 HFC R404A Commercial refrigeration, refrigerated transport 3,260 $74.98 $78.73 $82.80 HFC R407C Air conditioning, medium temp refrigeration 1,526 $35.10 $36.85 $38.76 HFC R410A Residential and commercial air conditioning 1,725 $39.68 $41.63 $43.82
ผู้ประกอบการสามารถหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากภาษี HFC ได้โดยการเลือกใช้ระบบทำความเย็น และระบบปรับอากาศใช้สารทำความเย็นที่มีค่า GWP ต่ำ และคอยหมั่นตรวจสอบระบบให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ปราศจากการชำรุด และรั่วซึมของสารทำความเย็น
ผู้ประกอบการควรปรึกษากับผู้ให้บริการในการติดตั้งระบบทำความเย็นที่ส่งผลกระทบต่ำที่สุดต่อภาวะโลกร้อน ซึ่งอาจจะเป็นการใช้สารทำความเย็นจากธรรมชาติ (natural refrigerants) ที่มีราคาถูก, ค่า GWP ต่ำ และประหยัดพลังงาน หรือการใช้ synthetic refrigerant gases ที่ถูกออกแบบมาสำหรับระบบ low GWP เช่น Ammonia R717, CO2R744, Hydrocarbons R290, R600, R600a และ low GWP synthetics
- สำหรับผู้ประกอบการที่ใช้ระบบ HFC แบบเดิมอยู่ ควรจะปรึกษากับผู้ให้บริการในการจัดตั้งแผนการบำรุงรักษา (maintenance plan) และมีการตรวจเช็คระบบอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ควรมีการตรวจเช็คชนิดและปริมาณของสารทำความเย็นที่ใช้ในระบบรวมถึงการตรวจสอบการชำรุดของระบบซึ่งอาจจะนำไปสู่การรั่วซึมของสารทำความเย็น
- ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ยังใช้สารทำความเย็น R22 ในระบบทำความเย็นควรวางแผนที่จะเปลี่ยนไปใช้ระบบ low GWP refrigerant แทน เพราะถึงแม้ว่าสาร R22 จะไม่ถูกจัดเก็บภาษี HFC แต่สารตัวนี้กำลังถูกบังคับให้เลิกใช้เนื่องจากเชื่อว่าสารตัวนี้เป็นตัวทำลายบรรยากาศในชั้นโอโซน ทำให้สาร R22 มีราคาแพงขึ้น และหายากขึ้นเนื่องจากการหยุดการผลิตสาร R22
การที่รัฐบาลออสเตรเลียจัดเก็บภาษีคาร์บอนอาจส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยโดยผู้ประกอบการออสเตรเลียอาจพิจารณาการนำเข้าสินค้าจากประเทศที่มีราคาสินค้าต่ำกว่า อย่างเช่นประเทศไทย เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนการผลิตสินค้าที่สูงขึ้นได้
สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ นครซิดนีย์