ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในสภาวะซบเซา แม้ว่าออสเตรเลียจะดูเหมือนสามารถผ่านวิกฤตเศรษฐกิจโลกมาได้ค่อนข้างดี แต่ความไม่มั่นคงและความผันผวนทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็น ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ สภาวะหนี้สินของกรีซในยุโรป ความรุนแรงในตะวันออกกลาง และการชะลอตัวของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน เป็นต้น ได้ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยและการออมของผู้บริโภคในออสเตรเลีย โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคออสเตรเลียในอุตสาหกรรมค้าปลีกสินค้าแฟชั่นสามารถสรุปได้ 5 ประการ ดังต่อไปนี้
ปัจจุบันสัดส่วนการออมและการใช้จ่ายจากรายได้ของผู้บริโภคสูงที่สุดในรอบ 20 ปี ซึ่งสูงกว่าร้อยละ 15 โดยสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกเป็นแรงขับเคลื่อนการขยายตัวของอัตราการออมของผู้บริโภค
ในขณะเดียวกัน ระดับหนี้อสังหาริมทรัพย์ของครัวเรือน (Mortgage debt levels) สูงสุดในรอบ 30 ปี ในปี 1984 ค่าใช้จ่ายสำหรับเพื่อชำระหนี้อสังหาริมทรัพย์ของครัวเรือนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13 จากการจับจ่ายใช้สอยทั้งหมดของครัวเรือน ปัจจุบันการใช้จ่ายของครัวเรือนเพื่อชำระหนี้อสังหาริมทรัพย์คิดเป็นร้อยละ 18 ของการใช้จ่ายทั้งหมด
ในขณะที่รายได้ของครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายจากซื้อสินค้าไปเป็นการใช้จ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์ เช่น การท่องเที่ยวต่างประเทศ การศึกษา การซื้อสมาชิกสถานออกกำลังกาย และการอัพเกรดเครื่องใช้เทคโนโลยี เช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
การสื่อสารในปัจจุบันเป็นแบบดิจิตอล ซึ่งเป็นอีกปัจจัยท้าทายสำคัญของวงการแฟชั่น โดยในปี 2000 จำนวนครัวเรือนที่มีอินเตอร์เน็ตขยายตัวอย่างมาก จาก 1.1 ล้านครัวเรือน หรือ ร้อยละ 16 เป็น 5.9 ล้านครัวเรือน หรือประมาณร้อยละ 72 ในปี 2009 นอกจากการขยายตัวของอินเตอร์เน็ตแล้ว ความเร็วและระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้มีการพัฒนาไปอย่างมาก ในช่วง 2004-2009
ความสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารออนไลน์เพิ่มอำนาจในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ในปัจจุบัน ผู้บริโภคตัดสินใจจากความคิดเห็นต่อสินค้านั้นๆ ของผู้บริโภครายก่อน จาก ‘Product blog’ จากเวปไซต์เปรียบเทียบราคาสินค้า (เช่น Shopbot, Get-Price, MyShopping) และเห็นว่าการบอกเล่าเกี่ยวกับสินค้าแบบ ปากต่อปาก (word-of-mouth จากเพื่อนหรือคนมีชื่อเสียงผ่านทาง Facebook, Twitter, และ Social media อื่นๆ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจอย่างสูง นอกจากนี้ การสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ตลอดเวลาด้วยต้นทุนที่ต่ำลงเรื่อยๆ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตของผู้บริโภค ส่งผลให้ผู้เบริโภคมีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างครบถ้วน
จากเหตุดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้ “Google” เป็นเสมือนประตูที่ผู้บริโภคใช้ในการซื้อสินค้า โดย 57% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต เข้าเวปไซต์ Google ทุกวัน 46% ของการเข้าเวป Google เป็นการเข้าเพื่อค้นข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการ โดยในปัจจุบัน ผู้บริโภคคาดหวังให้รายชื่อสินค้าและเวปไซต์ที่เกี่ยวข้อง แสดงขึ้นบนหน้าจอ หลังจากใส่ key word ในช่องค้นหาของ Google หากแบรนด์สินค้าใดไม่ปรากฏ จะส่งผลต่อแนวความคิดของผู้บริโภคต่อแบรนด์นั้นๆ โดยอาจมีความเห็นว่าแบรนด์นั้นๆ ไม่เป็นที่นิยม อาจเนื่องจากคุณภาพหรือความบกพร่องในเรื่องการบริการ
(‘000 persons) 2,007 2,008 2,009 2,010 2,011 Internet Users in Australia 14,634.8 15,360.2 16,184.0 16,796.0 17,389.0 Source: Internet Users: Euromonitor International from International Telecommunications Union/OECD/national statistics Household Ownership of Durable Goods by Age of Head of Household Historic % of Household 2006 2007 2008 2009 2010 2011 Australia Possession of Internet enabled Computer Under 20 41.1 50.1 60.6 68.7 74.3 78.9 20-29 43.6 52.8 62.8 70.9 76.3 80.8 30-39 45.9 55.7 65.2 72.9 78.0 82.2 40-49 46.9 56.7 66.0 73.6 78.6 82.7 50-59 45.8 55.5 65.0 72.8 77.9 82.2 60+ 31.8 38.6 50.8 59.0 65.2 70.5 Total 43.0 52.0 62.0 69.8 75.0 79.5 Source: Internet Users: Euromonitor International from International Telecommunications Union/OECD/national statistic 3. ผู้บริโภคเชื่อมั่นในธุรกรรมออนไลน์มากขึ้น ผู้บริโภคเชื่อมั่นใน E-commerce มากขึ้น โดยผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่ซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ ในปี 2008-2009 อัตราผู้ซื้อสินค้าออนไลน์คิดเป็นร้อยละ 64 ของผู้เข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ตทั้งหมดจำนวน 12.6 ล้านคน โดยในปีเดียวกันจากตัวเลขประมาณการผู้บริโภคที่ไม่ซื้อสินค้าและบริการผ่านระบบอินเตอร์เน็ตจำนวน 4.6 ล้านคน ร้อยละ 18 ไม่ซื้อสินค้าผ่านระบบอินเตอร์เน็ต เนื่องจากพอใจซื้อสินค้าจากร้านค้ามากกว่า ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า มูลค่าการค้าปลีกออนไลน์จะมีมูลค่าสูงถึง 30.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะเพิ่มเป็น 37.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2013 (อัตราขยายตัว 12.2%) โดยในปี 2011 ธุรกรรมผ่านโทรศัพท์ (Mobile transaction) ในออสเตรเลียจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 430% ทุกๆ ชั่วโมงมีธุรกรรมผ่านโทรศัพท์เกิดขึ้นประมาณ 1,000 ธุรกรรม และ 34% ของโทรศัพท์ที่มีระบบอินเตร์เน็ต ถูกใช้สำหรับซื้อสินค้าออนไลน์ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้บริโภคมองหาความสะดวกสบายและความคุ้มค่าในด้านราคา ส่งผลให้ผู้บริโภคเลือกระบบออนไลน์ที่ผู้บริโภคสามารถ Shopping ได้ทุกที่ทุกเวลา และมีสินค้าให้เลือกมากชนิดกว่าจากหลายประเทศ และสามารถเปรียบเทียบราคาและความคิดเห็นของผู้บริโภครายอื่นๆ ได้แทนการเดินทาง หรือการต่อแถวเพื่อซื้อสินค้าและบริการแบบดั้งเดิม ซึ่งส่งผลให้ Hallmark International และแบรนด์ที่ให้บริการด้านธุรกรรม (transactional brand) เช่น Paypal, Amazon และวีซ่า เป็นเครื่องมือการทำธุรกรรมออนไลน์ที่ผู้บริโภคไว้วางใจ 4. ผู้บริโภคเพิกเฉยต่อสื่อโฆษณาแบบดั้งเดิม ในขณะที่เทคโนโลยีทางการสื่อสารก้าวหน้าและได้รับความนิยมมากขึ้น การตลาดแบบดั้งเดิมมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคลดลงอย่างมาก จากการศึกษาของ Neilson พบว่ามีเพียง 18% ของสื่อโฆษณาทางทีวีที่ส่งผลต่อยอดการขายสินค้า เนื่องจากผู้ชม 90% ไม่ดูโฆษณา และเพียง 14% เท่านั้นที่เห็นว่าโฆษณาโทรทัศน์น่าเชื่อถือ 5. ผู้บริโภคให้ความเชื่อใจต่อข้อมูลและความคิดเห็นออนไลน์เกี่ยวกับแบรนด์และสินค้า อัตราการออนไลน์ในเวปไซต์ Social networking ต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบัน 73% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวออสเตรเลีย ใช้ social networking ในปี 2009-2010 สัดส่วนของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตใช้เวลาใน Social media ขยายตัว 26% ในขณะที่สัดส่วนของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตใช้เวลาไปกับการ email ลดลง 42% สิ่งที่ท้าทายสำหรับการตลาดผ่าน social media ได้แก่ ความสามารถในการควบคุมเรื่องการสื่อสารข้อมูล ความคิดเห็นกี่ยวกับสินค้าและบริการ เนื่องจาก social media ทั้งหลายมีช่องทางการสื่อสารที่ทันทีทันใด กระจายไปได้ในวงกว้าง และต้นทุนต่ำ โดยในปัจจุบัน ผู้ที่สมารถใช้อินเตอร์เน็ตที่สนใจจะสร้างวีดีโอ สร้างร้านค้าออนไลน์ สามารถทำได้ผ่าน social media ที่ได้รับความนิยมต่างๆ เช่น Facebook, Youtube, Twitter และ LinkedIn เป็นต้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้ใช้อินเตอร์เน็ตอื่นๆ จากทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้าดูและแสดงความเห็นทั้งบวกและลบได้ ในออสเตรเลีย ทุกๆ 1 นาทีใน 8 นาทีของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตใช้ไปกับ Facebook ชาวออสเตรเลียประมาณ 10.5 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของประชากรในประเทศมี Facebook และวีดีโอในอินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมอย่างมากในออสเตรเลีย โดยใน 1 เดือนชาวออสเตรเลียโหลดดูวีดีโอออนไลน์กว่า 10.3 ล้านครั้ง 940 ล้านวีดีโอ เฉลี่ย 89 วีดีโอต่อคน และใช้เวลาไปกับการดูวีดีโอประมาณ 7.5 ชั่วโมงต่อเดือน ซึ่งหากนำวีดีโอมาใช้ทางออนไลน์ได้ก็จะเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีพลังอย่างมากต่อผู้บริโภค สำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์