รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้า ภูมิภาค.ญี่ปุ่น..(สคต.โตเกียว)

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 9, 2012 11:55 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและภาวะการค้า ระหว่างวันที่ 1 - 31 กรกฏาคม 2555

1.ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2555 มากที่สุดเป็นประวัติการณ์โดยขาดดุลการค้า 2.92 ล้านล้านเยน ตั้งแต่มีการเก็บรวมรวมข้อมูลตั้งแต่ปี 1979 เนื่องจากการนำเข้าที่สูงขึ้น ซึ่งถึงแม้ความจำเป็นในการพึ่งพาน้ำมันและเชื้อเพลิงจะคลี่คลายลงแต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูง รวมทั้งปริมาณการนำเข้าเครื่องจักรและเครื่องจักรที่ใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น ประกอบกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและประเทศเศรษฐกิจเติบโตใหม่เช่น จีนและอินเดีย วิกฤตหนี้สินของประเทศในสหภาพยุโรป และค่าเงินเยนที่แข็งค่า

2.ถึงแม้ในช่วงครึ่งปีแรกญี่ปุ่นจะมีมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 32.59 ล้านล้านเยน เนื่องจากการส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา จีนและ ไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่มูลค่าการนำเข้าก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเช่นกัน อยู่ที่ 35.51 ล้านล้านเยน เนื่องจากความจำเป็นในการนำเข้าพลังงานเชื้อเพลิงอื่นๆที่ใช้ทดแทนพลังงานนิวเคลียร์ ที่โรงงานปิดตัวลงเพื่อทำการตรวจสอบด้านความปลอดภัย โดยญี่ปุ่นนำเข้าแก็สธรรมชาติเหลวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 50 และน้ำมันร้อยละ 16

3.วิกฤตหนี้สินยุโรปยังคงเรื้อรัง ส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนตัวที่สุดในรอบ 10ปี เมื่อเทียบกับค่าเงินเยน โดยนักลงทุนเก็งกำไรเลือกที่จะลงทุนกับค่าเงินเยนเนื่องจากมีความปลอดภัยกว่าซึ่งจากสภาวการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ค่าเงินเยนยิ่งแข็งค่าและทำให้ปริมาณการส่งออกของญี่ปุ่นไปยุโรปลดลง

4.สภายุทธศาสตร์แห่งชาติ รัฐบาลญี่ปุ่น (Japan Government Strategy Council) ประกาศยุทธศาสต์ฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยกำหนดเป้าหมายในระยะกลางและระยะยาว ประกอบด้วย การฟื้นฟูจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิ เมื่อปีที่ผ่านมา และการนำเศรษฐกิจของประเทศออกจากภาวะเงินฝืด รวมทั้งการสร้างตลาดใหม่ ที่เน้นการบริการทางการแพทย์และพยาบาล รวมทั้ง สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทางสภาคาดหวังว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นน่าจะเติบโตอย่างน้อย 3% ในแต่ละปี และมีการเติบโตที่แท้จริง (real growth) ที่ 2% ภายในปี 2020 นอกจากนี้ทางสภาต้องการจะทำให้มีการจ้างงาน 2.84 ล้านตำแหน่งภายในปี 2020 อีกด้วย

5.รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจยืดระยะเวลาโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่ให้แก่บริษัทญี่ปุ่นที่มีกิจการและการลงทุนในต่างประเทศในรูปของเงินเหรียญสหรัฐ โดยการยืดระยะเวลาของโครงการนี้จะยืดออกไปเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน - 1ปี เพื่อต่อสู้กับเงินเย็นที่แข็งค่าขึ้นซึ่งจะช่วยประคับประคองเศรษฐกิจญี่ปุ่น

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ