โดยหัวข้อหลักของการเข้าหารือในครั้งนี้ คือ ผู้ประกอบการไทยจะต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรเพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทยมายังสาธารณรัฐประชาชนจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการนี้ Ms. Jean Lai ผู้ช่วยผู้อำนวยการและผู้จัดการฝ่ายการตลาดของสมาคมเครื่องสำอางประจำมณฑลกวางตุ้ง ได้กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ อุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศจีนมีการพัฒนามากขึ้นโดยเฉพาะสินค้าเครื่องสำอางประเภทบำรุงความงามและเสริมสร้างสุขภาพ ยกตัวอย่าง เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและผิวกาย สังเกตได้จากเมืองใหญ่ต่างๆของจีน เช่น กวางโจว และเซินเจิ้น มีจำนวนร้านสปาและร้านนวดเพื่อสุขภาพเป็นจำนวนมาก เนื่องจากรัฐบาลได้ออกนโยบายกระตุ้นให้ประชาชนหันมาจับจ่ายใช้สอยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเน้นเรื่องการมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง ดังนั้น ประชาชนจึงเล็งเห็นความสำคัญของการใช้จ่ายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในจีนยังถือว่าเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ Ms. Jean Lai ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างไทย-จีนถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากไทยมีความรู้ ความสารถในการผลิตสินค้าประเภทเครื่องสำอางมายาวนาน และสินค้าไทยส่วนใหญ่จะเน้นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากธรรมชาติ จากสมุนไพรนานาชนิด ซึ่งมีประโยชน์และมีกลิ่นหอม แต่อย่างไรก็ตาม การนำเข้าสินค้าเครื่องสำอางจากไทยมายังจีนนั้น ยังมีปริมาณไม่มากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการไทยยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าประเภทนี้มายังจีน ซึ่งทางสมาคมฯได้เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี และกล่าวว่าปัญหาใหญ่ของการส่งออกสินค้าประเภทเครื่องสำอางมายังจีน คือ การลงทะเบียนบริษัทในจีน ซึ่งการลงทะเบียนบริษัทในจีนโดยใช้ชื่อบุคคลต่างชาตินั้น มีขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่าการลงทะเบียนโดยชาวจีนเอง ทางสมาคมฯจึงได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการว่า การหาคู่ค้าจีนที่ดีและไว้วางใจได้ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการนำสินค้าไทยเข้ามาในจีน เนื่องจากคู่ค้าจีนจะทำการตลาดและกระจายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากการลงทะเบียนบริษัทและหาคู่ค้าจีนที่ดีแล้ว ขั้นตอนการตรวจสอบสินค้าที่ค่อนข้างซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ประกอบการไทยควรทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง เพราะเมื่อหากทำความเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว ก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยนำสินค้าเข้ามาในตลาดของจีนได้ง่ายขึ้น ในการนี้ สมาคมเครื่องสำอางประจำมณฑลกวางตุ้ง ได้เชิญเจ้าหน้าที่จากศูนย์ให้คำปรึกษาและตรวจสอบคุณภาพเครื่องสำอางประจำมณฑลกวางตุ้ง (QTCCC) มาให้คำอธิบายเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบการไทย เกี่ยวกับขั้นตอนการลงทะเบียนและตรวจสอบเครื่องสำอาง ก่อนได้รับอนุญาตให้วางขายในท้องตลาด ซึ่งการลงทะเบียนเครื่องสำอางในจีนนั้น ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ เครื่องสำอางประเภทพิเศษ (Cosmetics for Special Purpose) และเครื่องสำอางประเภททั่วไป (Cosmetics for Non-Special Purpose)
ก่อนการตรวจสอบคุณภาพสินค้า โดยศูนย์ QTCCC นั้น ทางผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องแสดงรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อย่างครบถ้วน ดัง
1.ชื่อผลิตภัณฑ์ (ชื่อภาษาอังกฤษและจีน)
2.ส่วนประกอบที่สำคัญ
3.ขั้นตอนและวิธีการผลิต
4.แสดงคุณภาพและความปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนดไว้
5.วิธีการใช้และคำเตือนในการใช้ผลิตภัณฑ์
6.สูตรและที่มาของส่วนประกอบของสินค้า
7.ใบอนุญาตการจดทะเบียนธุรกิจของบริษัทผู้รับผิดชอบในประเทศจีน (พร้อมตราประทับ)
นอกจากนี้ทางสมาคมฯยังได้เสนอความคิดเห็นต่อสินค้าประเภทเครื่องสำอางของไทยว่า สินค้าของไทยมีคุณภาพดี เพราะมีส่วนประกอบมาจากสมุนไพรธรรมชาติหลายชนิด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ มีสินค้าเครื่องสำอางจากหลายประเทศเข้ามามีบทบาทในตลาดเครื่องสำอางของจีน เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย เป็นต้น ซึ่งสินค้าจากประเทศเหล่านี้ล้วนมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป และมีการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคจีน ดังนั้น เครื่องสำอางไทยจำเป็นต้องหาจุดเด่นที่แข็งแกร่งของตนเอง เพื่อการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคจีนเห็นประโยชน์และหันมาบริโภคสินค้าเครื่องสำอางจากไทยมากขึ้น ทั้งนี้ ทางสมาคมเครื่องสำอางประจำมณฑลกวางตุ้ง ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดเครื่องสำอางในจีนนั้น ยังถือว่าเป็นตลาดที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ และน่าสนใจ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรเข้ามาลงทุนเป็นอย่างยิ่ง โดยการหาคู่ค้าในจีนนั้นสามารถหาได้หลายช่องทาง รวมถึงการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเพื่อความสวยความงามประจำมณฑลกวางตุ้ง (Guangdong International Beauty Expo) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 17-19 กันยายน 2555 และในวันที่ 9-11 มีนาคม 2556
ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลการค้าเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว โทร. (86) 20-8384-9453 e-mail: thaitcguangzhou@ditp.go.th
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว