ธุรกิจสปาในประเทศฟิลิปปินส์ Philippine Spa Industry (Health and Wellness)

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 10, 2012 14:44 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. กล่าวนำ

ฟิลิปปินส์ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการให้บริการทางด้านสุขภาพและการแพทย์ที่มีคุณภาพระดับโลก และจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ให้บริการด้านนี้ดีที่สุดในเอเชีย นอกจากนี้คนฟิลิปปินส์ยังได้รับการฝึกอบรมอย่างดีและมีทักษะที่ทำให้สามารถให้บริการด้านการบำบัดทางการแพทย์และการปฏิบัติดูแลสุขภาพเฉพาะตัวได้เป็นอย่างดี ฟิลิปปินส์ยังเป็นประเทศที่สนับสนุนด้านการบำบัดรักษาด้วยการแพทย์ทางเลือก มีการส่งเสริมโครงการการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในฟิลิปปินส์ ที่รวมการให้บริการทางด้านสุขภาพด้วยการแพทย์ทางเลือกและการบำบัดแผนโบราณด้วย

ตลาดด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของฟิลิปปินส์กำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็ง ด้วยปัจจัยด้านบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงและพูดภาษาอังกฤษได้ที่มีเป็นจำนวนมาก มีโรงพยาบาลเอกชนที่ทันสมัย และการคิดราคาค่าบริการทางการแพทย์สามารถแข่งขันกับผู้ให้บริการในประเทศอื่นๆได้

สปาเป็นสถานบริการที่มีการใช้ตัวยาเพื่อการบำบัดทางธรรมชาติและสารบำรุงสุขภาพอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่ง ในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและสะดวกสบาย จึงจำเป็นต้องจัดให้มีสถานที่เป็นการพิเศษเฉพาะที่ลูกค้าจะสามารถใช้เวลาในการรับบริการได้อย่างผ่อนคลาย ต้องตระหนักว่าบริการสปาเป็นเรื่องของลำดับการปฏิบัติเพื่อส่งเสริมด้านสุขภาพ ที่จะต้องมีการใช้น้ำในบางสภาพ มีการอาบและการแช่หรืออบด้วยตัวยาบำบัดทางธรรมชาติ เช่น น้ำแร่ ไอน้ำ ลม (airs) สมุนไพร และโคลน เป็นต้น ช่วงการทำสปาจะเป็นระยะเวลาที่ใช้ในการอาบ แช่ หรืออบ ตามกรรมวิธีของการให้บริการสปา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดให้มีพื้นที่พิเศษเฉพาะโดยคำนึงถึงบริบทของธรรมชาติเป็นสำคัญ

ในฟิลิปปินส์มีผู้ประกอบการธุรกิจสปาจำนวน 158 ราย โดยการให้บริการสปาจะเป็นไปตามมาตรฐานการประกอบการธุรกิจสปาและมาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป

2. ลักษณะของการบำบัดรักษาทางธรรมชาติการบำบัดรักษาทางธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้ได้ในการให้บริการสปา มีดังนี้

2.1 การใช้น้ำร้อนธรรมชาติ (Natural thermal water)

2.2 การใช้น้ำที่มีแร่ธาตุหรือก๊าซที่มีคุณสมบัติเฉพาะเป็นส่วนผสม เช่น

  • เกลือ (Salt) ซิลิกา (Silica) เหล็ก (Iron) ลิเธียม (Lithium) ไอโอดีน (Iodine) ซัลไฟด์ (Sulphide) คาร์บอน (Carbon) เรดอน (Radon) ฯลฯ
  • ส่วนประกอบจากสารอินทรีย์ (Organic components)

2.3 การใช้โคลนที่มีส่วนประกอบทางเคมีที่ให้การบำบัดทางสุขภาพ (ส่วนประกอบจากสารอินทรีย์ ซัลไฟด์ ซิลิกา ฯลฯ)

2.4 การใช้สภาพอากาศ บรรยากาศภูเขา ชายทะเล และถ้ำ

3. ประเภทของกิจการสปาในฟิลิปปินส์ฟิลิปปินส์มีการให้บริการสปาประเภทต่างๆดังนี้

3.1 Day Spa

3.2 Destination Spa

3.3 Resort Spa

3.4 Medical Spa

3.5 Club Spa

3.6 Hotel Spa

4. ลักษณะของผู้ใช้บริการสปาในฟิลิปปินส์ แบ่งตามรสนิยมของการใช้บริการ ดังนี้

4.1 ผู้ใช้บริการแบบผิวเผิน (Periphery Spa Consumers) ผู้ใช้บริการกลุ่มนี้คาดหวังการบริการที่ทำให้รู้สึกดีเป็นพิเศษและดูมีความงามเพิ่มขึ้น เป็นกลุ่มที่อ่อนไหวในเรื่องราคาค่าบริการ โดยเฉพาะถ้าเป็นบริการใหม่ที่ยังไม่มีการลองใช้มาก่อนและไม่มีผลให้เห็นชัดเจนต่อภาพภายนอก (appearance) ไม่ตอบสนองต่อเรื่องการให้ลองเพื่อประสบการณ์และการเดินทาง โดยสรุปคือผู้ใช้บริการกลุ่มนี้ไม่ได้ต้องการการบริการที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด เพียงแต่ต้องให้บริการเป็นไปตามที่ผู้ให้บริการตกลงสัญญาไว้

4.2 ผู้ใช้บริการระดับกลาง (Mid-Level Consumers) ผู้ใช้บริการกลุ่มนี้จะเปิดรับการบำบัดที่แปลกใหม่ (exotic treatments) ได้มากกว่า (เป็นต้นว่าการขัดตัวด้วยขุยมะพร้าว การขัดผิวด้วยน้ำผึ้งหรือ mint sugar การพอกด้วยอะโวคาโดสด) และพร้อมที่จะใช้บริการเป็นแพ็คเกจครึ่งวันหรือเต็มวัน ลูกค้ากลุ่มนี้มองว่าการใช้บริการสปาไม่เพียงแค่เพื่อผลต่อสุขภาพทางกายหรือภาพภายนอกที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นกิจกรรมที่ทำเพื่อความสบายใจด้วย ยินดีที่จะตอบรับประสบการณ์ใหม่ๆ ทางด้านความรู้สึกดีๆ พิธีกรรมที่ทำให้พึงพอใจ และการเดินทาง

4.3 ผู้ใช้บริการสปาเป็นหลัก (Core Spa Consumers) ผู้ใช้บริการกลุ่มนี้ไปสถานบริการสปาเป็นกิจวัตร เป็นส่วนหนึ่งของวิถีการใช้ความคิดและการดำรงชีวิต คนกลุ่มนี้จะชื่นชอบกับการทำสปา (spa treatment) หรือกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างการยับยั้งการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเขา จึงต้องการสปาที่มีสภาพแวดล้อมที่อ่อนไหวทางด้านความรู้สึก หรือที่มีพนักงานที่มีพื้นฐานทางจิตใจที่เข้าใจลูกค้า อย่างไรก็ตามคนกลุ่มนี้ถือเป็นส่วนน้อยของกลุ่มผู้ใช้บริการสปา

5. ปัจจัยขับเคลื่อนธุรกิจสปาในฟิลิปปินส์

บริษัทที่ทำธุรกิจสปาในฟิลิปปินส์มีเป้าหมายที่กลุ่มลูกค้าอายุ 44 — 61 ปี นอกจากนี้ยังมีลักษณะเฉพาะทั่วๆ ไปของลูกค้า ดังนี้

  • ให้ความสำคัญกับตัวเอง (Self focused)
  • มองโลกในแง่ดี
  • ใจร้อนและมักจะสนใจกับอะไรได้ไม่นาน
  • โอนอ่อน และชอบให้ตามใจ
  • ต้องการทางเลือกที่ทำให้รู้สึกว่าสามารถควบคุมได้
  • คาดหวังที่จะได้รับการปฏิบัติที่พิเศษ
  • ไม่ชอบที่จะต้องตกลงในรายละเอียดหรือถกเถียงความไม่พึงพอใจใดๆ ต้องการใช้บริการกับผู้ประกอบการสปาที่ทำให้เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ในการเลือกซื้อบริการ spa treatments หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ
  • สนใจกับการอธิบายคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ว่าจะทำให้รู้สึกเป็นอย่างไร
  • ราคาไม่สำคัญเท่ากับความหรูหราและความรู้สึกดีในการรับบริการ
  • ชอบการเปรียบเทียบแข่งขัน ให้เขาได้มีสิทธิในการพูดโอ้อวด
  • มีความเป็นไปได้สูงที่จะสนใจซื้อ Treatments และผลิตภัณฑ์ไปฝากครอบครัวหรือเพื่อนๆ
  • ไม่ยอมรับความแก่ ผู้ประกอบการสปาต้องพยายามให้ความสำคัญกับการถนอมความเป็นหนุ่มสาว
  • พยายามให้พวกเขามีทางเลือกและมีความพึงพอใจทันที
6. ตลาดสำหรับธุรกิจสปา
  • คนสัญชาติฟิลิปปินส์
  • ผู้อพยพชาวฟิลิปปินส์รุ่นแรก (First generation Filipino immigrants)
  • ผู้เกษียณอายุชาวต่างชาติในภูมิภาค (เกาหลี ญี่ปุ่น ฯลฯ)
  • ผู้ที่แสวงหาการบำบัดทางการแพทย์ที่ประกันสุขภาพไม่ครอบคลุมให้
7. การตั้งธุรกิจสปาในฟิลิปปินส์

7.1 การทำธุรกิจในลักษณะเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว (Sole Proprietorship) กรณีนี้บุคคลจะเป็นเจ้าของคนเดียว มีอำนาจควบคุมการดำเนินธุรกิจและเป็นเจ้าของทรัพย์สินเพียงคนเดียว ซึ่งจะต้องรับผิดชอบผลทางกฎหมายหรือผลประกอบการด้วยตนเอง ผู้ประสงค์ทำกิจการในลักษณะนี้ต้องยื่นขอชื่อทางธุรกิจและจดทะเบียนกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (Department of Trade and Industry : DTI) โดยมีขั้นตอนในการดำเนินการดังนี้ :

a) ตรวจสอบข้อมูลออนไลน์จากเว็บไซต์ของ DTI (http://www.dti.gov.ph) ว่าชื่อทางธุรกิจที่จะยื่นขอจดทะเบียนนั้นสามารถใช้ได้หรือไม่

b) กรอกแบบฟอร์มการขอชื่อทางธุรกิจ โดยระบุชื่อที่ต้องการอย่างน้อย 3 ชื่อ

c) ส่งแบบฟอร์มการขอชื่อทางธุรกิจพร้อมเอกสารที่กำหนด และชำระค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง

d) หลังจากพิจารณาแบบฟอร์มและเอกสารแล้ว ผู้ยื่นขอจะได้รับแจ้งการดำเนินการต่อไป

e) DTI ออกใบทะเบียนการค้า (Certificate of Registration) ทะเบียนชื่อทางธุรกิจที่ออกให้จะมีอายุ 5 ปี และใช้ได้กับที่อยู่ทางธุรกิจตามที่ระบุไว้เท่านั้น

7.2 การทำธุรกิจในลักษณะหุ้นส่วน (Partnership)

ตามกฎหมายแพ่งของฟิลิปปินส์ หุ้นส่วนถือเป็นนิติบุคคล มีตัวตนทางกฎหมายแยกจากตัวบุคคลที่เป็นสมาชิกหุ้นส่วน หุ้นส่วนอาจมีลักษณะเป็นหุ้นส่วนทั่วไป (General Partnerships) ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายสามารถมีหุ้นส่วนได้ไม่จำกัด โดยผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งหรือมากกว่าจะมีความรับผิดชอบผูกพันตามกฎหมายอย่างไม่จำกัด และหุ้นส่วนที่มีลักษณะเป็นหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership) ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนจะมีความรับผิดชอบผูกพันตามกฎหมายตามจำนวนที่ได้มีส่วนในการลงทุน ความเป็นหุ้นส่วนจะต้องประกอบด้วยผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 2 รายขึ้นไป กิจการในลักษณะหุ้นส่วนที่มีเงินทุนตั้งแต่ 3,000 เปโซขึ้นไปจะต้องจดทะเบียนกับคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ (Securities and Exchange Commission : SEC)

7.3 การทำธุรกิจในลักษณะบริษัท (Corporations)

บริษัทเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย Corporation Code อยู่ในการควบคุมของ SEC โดยมีตัวตนแยกจากตัวผู้ถือหุ้น ความรับผิดชอบผูกพันตามกฎหมายของผู้ถือหุ้นในบริษัทจะจำกัดอยู่ที่จำนวนหุ้นที่เป็นเจ้าของ บริษัทจะต้องประกอบด้วยผู้ถือหุ้น 5 — 15 ราย โดยแต่ละรายจะต้องถือหุ้นอย่างน้อยที่สุด 1 หุ้น และต้องจดทะเบียนกับ SEC โดยมีเงินลงทุนขั้นต่ำเท่ากับ 5,000 เปโซ บริษัทสามารถเป็นได้ทั้ง Stock Company หรือ Non-stock Company โดยไม่จำกัดสัญชาติ บริษัทที่มีคนสัญชาติฟิลิปปินส์เป็นเจ้าของ 60% และเป็นของต่างชาติ 40% จะถือว่าเป็นบริษัทฟิลิปปินส์ แต่ถ้าต่างชาติเป็นเจ้าของมากกว่า 40% จะถือว่าเป็นบริษัทต่างชาติในฟิลิปปินส์

ขั้นตอนในการจัดตั้ง Partnership และ Corporation

a) จองชื่อที่จะจดทะเบียน

b) เตรียม Articles of Incorporation และเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

c) ยื่นเสนอแบบฟอร์มที่กรอกแล้ว

d) ชำระค่าธรรมเนียมการยื่นจดทะเบียน

e) รับใบจดทะเบียน Certification of Incorporation

กรณีที่จดทะเบียนการค้าในธุรกิจที่คนฟิลิปปินส์เป็นเจ้าของ 60 % และต่างชาติเป็นเจ้าของ 40 % ต้องมีเอกสารดังนี้

a) Name verification slip

b) Articles of Incorporation and By-laws

c) Treasure’s Affidavit / Authority เพื่อยืนยันบัญชีธนาคาร

d) Bank Certificate of deposit notarized in place where bank signatory is assigned

e) Written undertaking to change corporate name by any incorporator/Director

f) Registration data sheet

g) Proof of Inward Remittance by non-resident aliens, and foreign corporations

หมายเหตุ : เอกสารทั้งหมดที่ดำเนินการในต่างประเทศจะต้องได้รับการรับรองความถูกต้องจากสถานทูตฟิลิปปินส์

8. กิจการที่เปิดพื้นที่ให้กับการลงทุน (Investment Areas)

8.1 สปาเพื่อสุขภาพ (Health Spa) กิจการลักษณะนี้ครอบคลุมถึงการจัดตั้งสถานประกอบการ สปาที่เป็นจุดหมายปลายทาง (Destination Spa) สปาในรีสอร์ทหรือโรงแรม (Resort/Hotel Spa) ศูนย์การบำบัดและการรักษาด้วยการแพทย์แผนดั้งเดิม ถ้าเป็นกิจการที่มีการลงทุนคิดเป็นเงินเปโซที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับเงินอย่างน้อย 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กิจการดังกล่าวอาจได้รับสถานะเป็นผู้บุกเบิก (Pioneer status) แต่ยังคงได้รับสิ่งจูงใจเช่นเดียวกับกิจการที่ไม่มีสถานะเป็นผู้บุกเบิก (Non-pioneer status)

8.2 โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ (Tertiary Hospitals) กิจการลักษณะนี้ครอบคลุมสถานประกอบการที่มีขนาดขั้นต่ำ 50 ห้อง (เป็นห้องชุดและห้องส่วนตัวเท่านั้น) และต้องเป็นกิจการที่มีการลงทุนคิดเป็นเงินเปโซที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับเงินอย่างน้อย 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

9. สิ่งจูงใจจากรัฐบาล (คณะกรรมการการลงทุน — Board of Investment) มีมาตรการต่างๆ ดังนี้

9.1 การพักภาษีเงินได้ (Income Tax Holiday)

9.2 การยกเว้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์ต้นทุน (Capital Equipment)

9.3 การลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมสำหรับค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน (Labor Expense)

9.4 การอนุญาตให้จ้างงานบุคคลต่างชาติ

9.5 การอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ที่อยู่ในความควบคุมดูแลเพื่อการให้บริการโดยไม่มีข้อจำกัด

9.6 การให้ผ่านกระบวนการด้านศุลกากรได้ง่ายขึ้น

10. การจ้างงานบุคคลต่างชาติ มีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องดังนี้

10.1 ให้วีซ่า Special non-immigrant multiple entry visa เป็นพิเศษให้กับบุคคลต่างชาติที่ทำงานในระดับผู้ช่วยผู้จัดการ ตำแหน่งทางเทคนิคหรือที่ปรึกษา โดยจะอนุญาตให้ได้ไม่เกิน 5 ปีนับจากที่บริษัทลงทะเบียนจ้างงาน สำหรับตำแหน่งประธาน สมุห์บัญชี และผู้จัดการทั่วไป อาจให้วีซ่าบุคคลต่างชาติเกินกว่า 5 ปีได้ ทั้งนี้ต้องเป็นกรณีที่บริษัทมีต่างชาติเป็นเจ้าของ 40%

10.2 ขยายสิทธิวีซ่าพิเศษให้กับคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่แต่งงานและอายุต่ำกว่า 21 ปีด้วย

10.3 ผู้ลงทุนอาจเลือกขอรับวีซ่าประเภท Special Investor’s Resident Visa (SIRV) ก็ได้

11. การอนุญาตจ้างงานคนต่างชาติที่มีสถานะไม่เป็นผู้พักอยู่ประจำ (Non-resident aliens)

บุคคลต่างชาติที่ขออนุญาตเข้าประเทศฟิลิปปินส์เพื่อการรับจ้างทำงาน และผู้จ้างที่เป็นชาวฟิลิปปินส์หรือเป็นต่างชาติที่ประสงค์จะจ้างแรงงานต่างชาติให้ทำงานในฟิลิปปินส์ จะต้องได้รับใบอนุญาตจ้างงานจากกระทรวงแรงงานก่อน ใบอนุญาตจ้างงานนี้จะออกให้กับต่างชาติที่มีสถานะไม่เป็นผู้พักอยู่ประจำ หรือให้กับผู้จ้างที่ยื่นขอใบอนุญาต หลังจากที่กระทรวงแรงงานได้ลงความเห็นแล้วว่า ตำแหน่งงานดังกล่าวไม่สามารถหาบุคคลสัญชาติฟิลิปปินส์ที่มีคุณสมบัติและเต็มใจที่จะทำงานการบริการตามที่มีการยื่นขอใบอนุญาต ณ เวลาที่ได้ยื่นขอใบอนุญาตนั้น

สำหรับผู้ประกอบการที่ได้จดทะเบียนในกิจการที่รัฐบาลส่งเสริมให้มีการลงทุน ใบอนุญาตจ้างงานดังกล่าวจะออกให้เมื่อได้รับการเสนอแนะจากหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องในการให้คำรับรองแก่กิจการที่ขึ้นทะเบียนไว้ดังกล่าว

12. การห้ามโอนย้ายการจ้างงาน

12.1 หลังจากออกใบอนุญาตจ้างงานให้แล้ว บุคคลต่างชาติจะต้องไม่โอนย้ายไปทำงานอื่น หรือเปลี่ยนผู้จ้างใหม่ โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานก่อน

12.2 บุคคลต่างชาติซึ่งมีสถานะไม่เป็นผู้พักอยู่ประจำ ที่ยังคงทำงานโดยละเมิดกฎข้อห้ามและระเบียบปฏิบัติต่างๆตามที่กล่าวนี้ จะได้รับโทษตามที่กำหนดระวางโทษไว้ในมาตรา 289 และมาตรา 290 ของกฎหมายแรงงานของฟิลิปปินส์ (Labor Code) นอกจากนี้บุคคลต่างชาตินั้นจะต้องถูกเนรเทศออกนอกประเทศเมื่อพ้นโทษแล้วอีกด้วย

13. การส่งบัญชีรายชื่อ

ผู้จ้างที่จ้างแรงงานต่างชาติซึ่งมีสถานะไม่เป็นผู้พักอยู่ประจำ ณ วันที่กฎหมายกำหนดให้มีผล จะต้องส่งบัญชีรายชื่อบุคคลต่างชาติดังกล่าว แจ้งไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานภายใน 30 วัน นับจากวันที่จะให้มีผลตามกฎหมายดังกล่าว โดยต้องระบุชื่อ สัญชาติ ที่อยู่ในต่างประเทศและที่อยู่ในฟิลิปปินส์ ลักษณะของงานที่จ้าง และสถานภาพการพำนักอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจะเป็นผู้ให้ความเห็นชอบในการออกใบอนุญาตให้ทำงานดังกล่าวต่อไป

14. การจ้างงานบุคคลสัญชาติไทยในกิจการสปา

กระทรวงแรงงานและการจ้างงานของฟิลิปปินส์ ออกกฎห้ามการจ้างงานบุคคลสัญชาติไทยในการทำงานในกิจการสปา เนื่องจากฟิลิปปินส์มีแรงงานในกิจการสปาจำนวนมากเพียงพอ

15. การสนับสนุนจากรัฐบาลและสถาบันอื่นๆ

15.1 มีการก่อตั้งหน่วยงาน Public-Private Partnership (PPP) Task Force ที่จะทำการตรวจสอบข้อมูลและจัดทำแผนการพัฒนาธุรกิจด้านการบริการและการให้ความรู้สึกดี (Wellness) การพักผ่อนวัยเกษียณ และการพักผ่อนหย่อนใจต่างๆ

15.2 มีการปรากฏขึ้นของคณะกรรมการด้านการแพทย์เฉพาะทางแขนงย่อยต่างๆ (Sub-specialty Medical Boards) ที่คอยทำหน้าที่ควบคุมกำกับการปฏิบัติของผู้ให้บริการทางด้านสุขภาพทั้งหลาย

15.3 มีการบรรจุการพัฒนาด้านการท่องเที่ยงเชิงการแพทย์ (Medical Tourism Development) ในแผนพัฒนาประเทศฟิลิปปินส์ระยะปานกลาง (Medium Term Philippine Development Plan — MTPDP)

15.4 มีการจัดระเบียบสถานที่ทางการแพทย์โดย Bureau of Health Facilities (BHFS) และ National Center for Health Facilities (NCHFD) ของกระทรวงสาธารณสุข (Department of Health)

15.5 มีการสร้างสาขาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านแขนงย่อยขึ้นใหม่ และ/หรือ มีการขยายวงผู้เกี่ยวข้องด้านการให้บริการภาคเอกชน ไปทางด้านที่เกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

15.6 มีการให้การรับรองคุณภาพและมาตรฐานศูนย์บริการสปาและโรงพยาบาล โดยกระทรวงการท่องเที่ยว ควบคู่กับการรับรองของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีความมั่นใจในคุณภาพของการให้บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทางผู้ให้บริการจัดให้

15.7 กระทรวงการท่องเที่ยวจะให้ความมั่นใจในด้านการจัดให้บริการแพ็คเกจการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และที่หมายปลายทางการท่องเที่ยว โดยความร่วมมือกับภาคเอกชน แก่ผู้ป่วยที่เลือกใช้บริการการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์

15.8 มีการจัดตั้งเขตการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์โดยหน่วยงาน Philippine Zone Authority

15.9 กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม และหน่วยงาน TESDA ดำเนินการด้านกฎระเบียบในการฝึกอบรมและการจัดทำหลักสูตรความสามารถเฉพาะด้าน (Competency Based Curriculum) โดยได้มีการประกาศใช้เป็นทางการแล้ว

16. โอกาสของบริษัทไทยในธุรกิจด้านสปาในฟิลิปปินส์

บริษัทสปาไทยมีศักยภาพที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสปามายังประเทศฟิลิปปินส์ได้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์สปาไทยเป็นที่ยอมรับของทุกบริษัทสปาในฟิลิปปินส์ นอกจากนี้นักลงทุนไทยยังสามารถที่จะลงทุนในการทำกิจการสปาในประเทศฟิลิปปินส์ได้อีกด้วย

ปัจจุบันฟิลิปปินส์กำลังพัฒนาความเข้มแข็งด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และส่วนที่เกี่ยวกับสถานที่อำนวยความสะดวกทางด้านสุขภาพและด้านการให้ความรู้สึกดี นักธุรกิจไทยจึงอาจสามารถที่จะลงทุนในกิจการที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ให้การส่งเสริมดังกล่าว ซึ่งมีโอกาสทางการตลาดดังต่อไปนี้

16.1 การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เป็นกิจการเกิดใหม่ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นกิจการที่ทำเงินรายได้เป็นจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีข้างหน้า โดยลูกค้าจะไม่จำกัดเพียงแค่กลุ่มผู้ป่วยที่อยากมีอายุยืนยาวขึ้น แต่ยังมีกลุ่มคนปกติที่ต้องการดูดีขึ้น และอยากคงความหนุ่มสาวไว้นานๆ

16.2 การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในฟิลิปปินส์ตั้งเป้าที่จะทำรายได้ถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2012 โดยคาดว่าจะมีผู้ป่วยชาวต่างชาติมาใช้บริการประมาณถึง 200,000 คนทุกปี

16.3 มีความต้องการบริการเชิงการแพทย์ที่ค่าบริการอยู่ในระดับที่สามารถจับจ่ายได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในด้านการดูแลสุขภาพในต่างประเทศสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ แคนาดา สหราชอาณาจักร ยุโรปตะวันตก และญี่ปุ่น

16.4 มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนคนในวัยเกษียณ ที่มีความต้องการใช้บริการทางการแพทย์ที่พิเศษเฉพาะในต่างประเทศ ซึ่งสนใจที่จะซื้อบริการแพ็คเกจการท่องเที่ยวในสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามพร้อมกันไปด้วย

16.5 การเดินทางระหว่างประเทศทั้งทางอากาศและทางทะเลมีความสะดวกสบายมากขึ้น และค่าใช้จ่ายอยู่ในระดับที่สามารถจับจ่ายได้

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ