อุตสาหกรรมการรักษาพยาบาลของพลเมืองสหรัฐฯ ไม่มีระบบที่เป็นมาตรฐานและชัดเจนพลเมืองสหรัฐฯ ประมาณร้อยละ 16.7 (หรือประมาณ 50.7 ล้านคน ปี 2009)ไม่มีประกันสุขภาพกลุ่มที่มีประกันสุขภาพจะมี 2 ประเภท คือ ซื้อประกันสุขภาพส่วนตัว และใช้ประกันสุขภาพของรัฐบาลที่มีให้สำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย (ผู้สูงอายุ/ผู้มีรายได้น้อยและผู้พิการ/กองทัพ/ทหารผ่านศึก)ซึ่งระบบการรักษาพยาบาลของสหรัฐฯ ก่อนปี 2010 มีปัญหาและอุปสรรคหลายด้าน เช่น ค่ารักษาที่มีราคาแพงมาก ทำให้ค่าธรรมเนียมประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น นายจ้างผลักภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้แก่ลูกจ้างเพิ่มมากขึ้น และสหรัฐ ขาดระบบการประกันสุขภาพที่มีแบบแผน ทำให้ยากแก่การควบคุมค่าใช้จ่ายและคุณภาพ
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จึงได้ปฏิรูประบบการรักษาพยาบาลของสหรัฐ โดยออกกฎหมาย Patient Protection and Affordable Care Act เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในสหรัฐฯ ให้ต่ำลง ประชาชนสามารถเข้ารับการรักษาได้ง่ายขึ้น และสร้างบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มขึ้นซึ่งคาดว่าค่าใช้จ่ายในการประกันสุขภาพของสหรัฐจะลดลง เนื่องจากจะเพิ่มทางเลือกบริษัทประกันสุขภาพที่มีมากขึ้นให้แก่ผู้บริโภค และกำหนดให้บริษัทประกันสุขภาพรับผิดชอบการรักษาราคาค่าประกันในระดับต่ำลงเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ การออกกฎหมาย Affordable Care Act ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม Medical Tourism ซึ่งคาดว่าจะเกิดผลดีต่ออุตสาหกรรมเช่น คนอเมริกันที่มีประกันเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดภาวะ ขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์และต้องออกไปรักษานอกประเทศ ประชากรสหรัฐฯ ที่เป็นผู้สูงอายุเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้เป็นภาระต่อบริษัทรับประกันสุขภาพและสถานพยาบาลในสหรัฐฯ
ประเทศสหรัฐอเมริกา สคร. ลอสแอนเจลิส
สำนักพัฒนาการตลาดระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
Email : intmk@ditp.go.th Website : www.ditp.go.th