อุตสาหกรรมสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงของสหรัฐฯมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็งมาตั้งแต่ปี ๑๙๙๔ แม้ว่าปัจจุบันสหรัฐฯอยู่ในสภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจแต่ธุรกิจการค้าสินค้าและบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯได้รับผลกระทบในระดับต่ำมาก นิตยสาร Forbes รายงานว่าในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำผู้บริโภคสหรัฐฯที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ยังคงใช้จ่ายเงินสำหรับสัตว์เลี้ยงในระดับเดิมหรือบางรายมากกว่าเดิม ผู้บริโภคบางรายลดการใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยของตนเองลงเพื่อเหลือเงินสำหรับการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยสำหรับสัตว์เลี้ยงของตน มีรายงานว่าในช่วงระหว่างปี ๒๐๐๘ - ๒๐๑๐ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯกำลังตกต่ำอย่างรุนแรงและอุตสาหกรรมการค้าปลีกโดยทั่วๆไปของสหรัฐฯได้รับผลกระทบอย่างหนัก การใช้จ่ายเพื่อสัตว์เลี้ยงในประเทศสหรัฐฯกลับมีการเติบโตร้อยละ ๑๑.๙
สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมค้าปลีกใหญ่เป็นอันดับที่ ๗ ของสหรัฐฯ ในปี ๒๐๑๐ การใช้จ่ายเงินสำหรับสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯมีมูลค่า ๕๐.๙๖ ล้านเหรียญฯ ในปี ๒๐๑๒ มูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ ๕๒.๘๗ ล้านเหรียญฯ การใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายเป็นค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล และอุปกรณ์เครื่องใช้และยารักษาโรค ตามลำดับ มีการวิเคราะห์ว่าค่าใช้จ่ายที่ผู้บริโภคสหรัฐฯใช้เพื่อสัตว์เลี้ยงในแต่ละปีมีมูลค่าสูงกว่าการใช้จ่ายเงินเพื่อการบันเทิง (ภาพยนต์ ดนตรี และวิดิโอเกมส์ รวมกัน) และสูงกว่าการใช้เงินเพื่อซื้อสินค้าของเล่น (toy) และเครื่องประดับ ธุรกิจค้าปลีกสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ทำเงินมากที่สุดคือธุรกิจบริการที่เป็นการดูแลรักษา (pet care) มีอัตราการขยายตัวของตลาดอย่างรวดเร็วมากคือเฉลี่ยประมาณร้อยละ ๖ ต่อปีซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่เป็นรองต่อจากอัตราการขยายตัวของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคทั่วไป
ปัจจุบันผู้บริโภคสหรัฐฯที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่มีทัศนคติว่าสัตว์เลี้ยงเป็นลูกมีสถานะภาพเหมือนคนที่เป็นสมาชิกในครอบครัวและให้การปฏิบัติต่อสัตว์เลี้ยงในลักษณะดังกล่าว เช่น การซื้อของขวัญให้สัตว์เลี้ยงตามเทศกาลต่างๆ ซื้อของที่ระลึกมาฝากจากการเดินทาง การจัดงานฉลองในโอกาสต่างๆให้แก่สัตว์เลี้ยง นำสัตว์เลี้ยงไปเที่ยว ไปทำงาน หรือไปช๊อปปิ้ง ตกแต่งร่างกายของสัตว์เลี้ยงอย่างสวยงาม ให้ความสำคัญเรื่องความสะอาด เสริมความงาม และการดูแลรักษาสุขภาพของสัตว์เลี้ยง และสนใจของใช้สำหรับสัตว์ที่ใช้ระบบอิเลคโทรนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกในการเลี้ยงสัตว์และเป็นการตอบสนองความสนใจและความสนุกสนานในการใช้ในเทคโนโลยี่ระดับสูงใหม่ๆที่ออกสู่ตลาดสหรัฐฯอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ พฤติกรรมเหล่านี้ของผู้บริโภคสหรัฐฯเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงศักยภาพและโอกาสที่หลากหลายในตลาดสินค้าและบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ
สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เป็นสุนัขมีศักยภาพสูงสุด เนื่องจากสุนัขถือได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับหนึ่งของสหรัฐฯและเชื่อกันว่าความผูกพันระหว่างเจ้าของและสุนัขอยู่ในระดับที่สูงกว่าความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
ลักษณะของกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นตลาดบริโภคสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่และมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดเรียงตามลำดับคือ
๑. ผู้บริโภคสูงอายุที่ลูกหลานแยกตัวออกไปมีครอบครัวของตนเอง
๒. ผู้บริโภคที่เป็นโสด
๓. ผู้บริโภคที่เป็นคู่สมรสแต่ไม่มีบุตร
ผู้บริโภคสามกลุ่มดังกล่าวแล้วข้างต้นส่วนใหญ่มีสถานภาพทางการเงินและมีเวลาเพียงพอสำหรับ การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงและการทุ่มเทให้กับสัตว์เลี้ยงของตน
แนวโน้มตลาดสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง
๑. คตินิยมเรื่อง "green products" กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในตลาดสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงและมีการวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น เช่น litter box หรือที่สำหรับให้แมวถ่ายและของเล่นต่างๆที่ทำจากธรรมชาติ อาหารและเครื่องประดับตกแต่งที่ผลิตด้วยกรรมวิธี organic และผลิตภัณฑ์อื่นๆสำหรับสัตว์ที่ผลิตโดยเน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม
มีการคาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติ (natural products) สำหรับสัตว์เลี้ยงในตลาดสหรัฐฯในปี ๒๐๑๓ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๒ ยอดจำหน่ายรวมของสินค้าธรรมชาติที่เป็นอาหารและสำหรับใช้บำรุงรักษาสัตว์เลี้ยงในระหว่างปี ๒๐๑๔ - ๒๐๑๗ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละระหว่าง ๑๐ - ๑๕ ต่อปี
๒. สินค้าสำหรับสัตว์ภายใต้ยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักดีว่าผลิตสินค้าสำหรับมนุษย์มีวางจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น บริษัทรายใหญ่ๆในสหรัฐฯที่ผลิตสินค้าสำหรับมนุษย์และที่มียี่ห้อเป็นที่รู้จักกันดีเช่น Paul Mitchell, Omaha Steaks, Harley Davidson, Coach, Louis Vuitton และ Old Navy เข้าสู่การผลิตสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าสำหรับสุนัข แมว และสัตว์ เลื้อยคลาน สินค้าที่บริษัทเหล่านี้ผลิต เช่น แชมพูสำหรับอาบน้ำสุนัข เสื้อผ้าสำหรับสัตว์เลี้ยง ของเล่น กระเป๋าสำหรับใส่สุนัขตัวเล็กๆหรือแมว หรือ อาหารคุณภาพ (gourmet food) เป็นต้น
๓. สัตว์เลี้ยงได้รับการต้อนรับเข้าสู่สถานที่บริการสาธารณมากยิ่งขึ้น
โรงแรมหลายๆแห่งเริ่มเปิดรับและให้บริการสัตว์เลี้ยงที่แขกนำไปพักด้วยมากขึ้นเรื่อยๆ โรงแรมเหล่านี้หลายๆโรงแรมมีของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงไว้บริการลูกค้าที่เป็นสัตว์ เช่น ที่นอน เสื้อผ้า ของเล่น และแม้กระทั่งบริการนวดและสปา
ร้านอาหารบางแห่งเปิดรับให้ลูกค้านำสัตว์เลี้ยงเข้าไปรับบริการด้วยได้ และบางร้านมีบริการอาหารสำหรับลูกค้าที่เป็นสัตว์ที่ติดตามลูกค้าที่เป็นมนุษย์เข้าไปใช้บริการ
๔. ผู้บริโภคให้ความสนใจเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยมากยิ่งขึ้น ธุรกิจให้บริการและการผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสะอาดสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็ว สินค้าสำหรับธุรกิจบริการเหล่านี้ เช่น
(๑) สุนัข: เครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการตัดผม ตัดเล็บ อาบน้ำ เครื่องมือสำหรับการทำความสะอาดฟัน (แปรงสีฟัน บางร้านใช้แปรงสีฟันระบบไฟฟ้า น้ำยาบ้วนปาก) กระดาษเช็ดทำความสะอาดที่เลียนแบบ baby wipes
(๒) นก: เครื่องมือความสะอาดตกแต่งเล็บ น้ำยาทาเล็บ สินค้าสำหรับทำความสะอาดกรงและขอนสำหรับเกาะ
(๓) แมว: กล่องสำหรับถ่าย (little box) ที่มีระบบดับกลิ่นหรือระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ
(๔) Air fresheners สำหรับดับกลิ่นสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ
๕. สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงมีวางจำหน่ายแพร่หลายมากยิ่งขึ้นในสหรัฐฯผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงไม่ได้มีวางจำหน่ายเฉพาะแต่เพียงร้านค้าเฉพาะสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงเท่านั้น แต่มีวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกทั่วไปแม้กระทั่งใน department stores เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทำให้สะดวกในการซื้อหาสินค้า
๖. ผลิตภัณฑ์สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เป็นระบบเทคโนโลยี่ชั้นสูง เป้าหมายเพื่อความสะดวกสบายและเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีวางจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น เช่น identification tag ที่เป็นระบบคอมพิวเตอร์ ตู้เลี้ยงปลาที่ใช้ระบบดิจิตอล ประตูสำหรับสัตว์เลี้ยงและที่ใส่อาหารเป็นระบบอัตโนมัติ ของเล่นที่เป็น activated toy ปลอกคอที่มีระบบติดตาม เป็นต้น
๗. ผลิตภัณฑ์ฟุ่มเฟือยสำหรับสัตว์เลี้ยงมีวางจำหน่ายในตลาดเพิ่มมากขึ้นเช่น
(๑) อาหารที่มีการผลิตเป็นพิเศษโดยเฉพาะ และอาหารแปลกๆเช่น โยเกิรต์สำหรับสุนัข
(๒) เสื้อผ้าที่ผลิตจากวัตถุดิบผ้าหรือขนสัตว์ราคาแพงสำหรับชีวิตประจำวันหรือเทศกาลพิเศษต่างๆ หรือที่ผลิตเป็นพิเศษเช่นเสื้อผ้าเรืองแสงสำหรับใส่ในเวลากลางคืน เป็นต้น
(๓) เครื่องประดับตกแต่ง เช่น สร้อยคอ มงกุฎทำด้วยอัญมณีมีค่า อัญมณีเทียม และแก้ว แว่นตากันแดด หมวก รองเท้า เป็นต้น
(๔) เครื่องใช้ประจำวันที่มีการตกแต่งให้หรูหราขึ้น เช่น สายจูงที่มีการออกแบบอย่างวิจิตรหรูหรา หรือที่มีการติดไฟ LED เพื่อความปลอดภัย
(๕) กระเป๋าสำหรับใส่สุนัขที่มีการออกแบบสวยงามและมีการเพิ่มการใช้ประโยชน์เช่นช่องสำหรับใส่โทรศัพท์มือถือหรือขวดน้ำพร้อม
(๖) เครื่องใช้สำหรับการเดินทางทางรถยนต์ เช่น เข็มขัดนิรภัยสำหรับสุนัข เก้าอี้รองนั่งสำหรับสุนัขเป็นต้น
(๗) กล่องบรรจุอุปกรณ์ต่างๆเพื่อความปลอดภัย (safety kit) ที่อาจจะมีอาหารและน้ำสำรอง กระดาษสำหรับทำความสะอาด ยาสำหรับแก้เมารถ และถุงสำหรับเก็บของเสีย เป็นต้น
(๘) "ที่อยู่" สำหรับสัตว์เลี้ยงเช่น บ้านสุนัข ที่สำหรับแมวปีนป่าย ตู้ปลา หรือตู้เลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานที่มีการออกแบบอย่างปราณีต ใช้วัสดุอย่างดีในการผลิต และหรือที่ใช้เทคโนโลยี่ชั้นสูงในการผลิต
(๙) เฟอร์นิเจอร์สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะหรือการออกแบบเฟอร์นิเจอร์สำหรับมนุษย์ที่มีการดัดแปลงเพิ่มเติมให้มีส่วนใช้งานของสัตว์เลี้ยงด้วย
กฎหมายและกฎระเบียบควบคุมสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง
สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีการบริโภคมากที่สุดคือสินค้าในกลุ่มอาหารดังนั้นหน่วยงานสำคัญที่มีบทบาท ควบคุมสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงจึงเป็น U.S. Food and Drug Administration(FDA)
คำจำกัดความตามกฎระเบียบและกฎหมายสหรัฐฯคำว่า
๑. "pet" หมายถึง สุนัขและแมว
๒. "specialty pet" หมายถึงสัตว์เลี้ยงอื่นๆที่ต้องเลี้ยงโดยการขังในกรงหรือในแท็งค์
๓. "pet food" หมายถึงสินค้าสำหรับใช้เป็นอาหารสัตว์หรือสินค้าที่ให้โภชนาการแก่สัตว์ และหมายรวมถึง treats/snack, Edible chews/bones, Nutrient supplements (vitamins, minerals,fatty acids), Nutrient-added water และของเล่นบางประเภทสำหรับสัตว์เลี้ยง
หมายเหตุ: สินค้าประเภท Non- nutritional supplements เช่น herb, botanicals หรือ metabolites ไม่ถือเป็น pet food
pet food ที่วางจำหน่ายในสหรัฐฯถือว่าเป็น "commercial feed" เป็นสินค้าภายใต้กฎระเบียบของหน่วยงาน U.S. Food and Drug Administration(FDA) และหน่วยงานที่ทำหน้าดูแลกฎระเบียบ และกฎหมายด้านการเกษตรในแต่ละมลรัฐ และเช่นเดียวกับอาหารสำหรับมนุษย์ การผลิตและการปิดฉลากสินค้า pet food ที่วางจำหน่ายในตลาดสหรัฐฯจะต้องเป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่มีกำหนดไว้ตามกฎหมายรัฐบาลกลางและกฎหมายแต่ละมลรัฐ โดยสรุปคือ
๑. โรงงานผลิตอาหารสัตว์จะต้องจดทะเบียนโรงงานผลิตกับ USFDA เช่นเดียวกับโรงงานผลิตอาหารสำหรับมนุษย์
๒. ส่วนผสมในการผลิต pet food จะต้องได้รับการยอมรับโดยมีคุณสมบัติข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ (๑)เป็นส่วนผสมที่มีคำจัดความระบุไว้ชัดเจนโดย Association of American Feed Control Officials
(๒) ผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นทางการแล้วโดย FDA-CVM
(๓) เป็นส่วนผสมที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าปลอดภัย หรือ Self-Affirmed GRAS(Generally Recognized as Safe)
(๔) กฎหมายสหรัฐฯระบุไว้ชัดเจนว่าส่วนผสมใดที่สัตว์เลี้ยงประเภทใดสามารถบริโภคได้และในปริมาณเท่าใด
(๕) ห้ามนำ dietary supplements ไปผสมหรือใช้ในการผลิต pet food
๓. ห้ามนำสินค้าอาหารสำหรับมนุษย์มาใช้เป็นอาหารสัตว์
๔. การปิดฉลากสินค้า pet food ไม่ว่าจะเป็น individual packages หรือเป็น bulk จะต้องกระทำเหมือนกันคือจะต้องระบุส่วนผสมทุกตัวด้วยชื่อที่เฉพาะเจาะจงลงไปและเรียงตาม ลำดับน้ำหนัก (weight และไม่ใช่ปริมาณ - volume) จากมากไปน้อย
๕. บนฉลากสินค้า pet food จะต้องระบุข้อมูล ๘ รายการด้วยกันคือ
(๑) ยี่ห้อและชื่อผลิตภัณฑ์
(๒) ชื่อพันธุ์ (species) ของสัตว์ที่เป็นเป้าหมาย เช่น cat, dog
(๓) การระบุปริมาณ (quantity) ที่เป็น net weight ไม่ใช่ net volume และในระบบเมทริก
(๔) Guaranteed Analysis หรือการระบุเปอร์เซ็นต์ของแต่ละคุณค่าอาหาร จำนวนเปอร์เซ็นต์ต่ำสุดของ "crude protein"และ "crude fat" และจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงสุดของ "crude fiber" และ "moisture"
(๕) การระบุส่วนผสม
(๖) การระบุความเหมาะสมด้านคุณค่าอาหาร เป็นการระบุระดับอายุที่บ่งบอกถึงการเติบโต การเจริญพันธุ์ เป็นต้น
(๗) คำแนะนำในการให้อาหาร ระบุ "Feed(amount of product) per (weight) of cat/dog"
(๘) ชื่อและที่อยู่ของโรงงานผลิตหรือผู้กระจายสินค้า
๖. อาหารสัตว์ที่โฆษณาว่าเป็นอาหารชีวภาพ (organic) จะต้องมีการผลิตตามกฎระเบียบการผลิต อาหารชีวภาพของสหรัฐฯ สหรัฐฯถือว่าคำว่า "organic" หมายถึงขบวนการผลิตสินค้าไม่ได้หมายถึง คุณภาพของสินค้า
งานแสดงสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ
งานแสดงสินค้าที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯมี ๒ งานคือ
๑. Global Pet Expo (www.globalpetexpo.org)
Organge County Convention Center, Orlando, Florida
๒๐ - ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๓
๒. SuperZoo (www.superzoo.org)
Mandalay Bay Convention Center, Las Vegas, Nevada
๒๓ - ๒๕ กรกฏาคม ๒๐๑๓
ที่มาข้อมูล:
๑. American Pet Products Association
๒. Pet Product News
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นครลอสแอนเจลิส