รายงานสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนกในประเทศเม็กซิโก

จากข่วงต้นปีถึงวันที่ 1 มีนาคม ประเทศเม็กซิโกประสบปัญหาการระบาดของไข้หวัดนกในกลุ่มสัตว์ปีก โดยการระบาดเป็นไข้หวัดนกจากไวรัสสายพันธุ์ H7N3 ซึ่งได้รายงานว่าไม่มีผลหรือการติดต่อถึงมนุษย์ แต่เป็นการติดต่อระหว่างสายพันธุ์ของนก จากการตรวจสอบพบว่าการระเบิดเริ่มต้นเกิดขึ้นในฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ไก่ (Broiler Breeder) และลามไปสู่ฟาร์มอีก แห่งของกลุ่มบริษัท Bachoco

โดยหน่วยงานของกระทรวงเกษตรเม็กซิโก (SAGARPA) แจ้งว่าได้มีการทำลายไก่ไปแล้วประมาณ 2.1 ล้านตัว (ประกอบด้วยไก่พันธุ์ไข่จำนวน 519,000 ตัว ไก่พ่อและแม่พันธุ์จำนวน 722,500 และไก่เนื้อจำนวน 900,000 ตัว) พื้นที่การระบาดที่เกิดขึ้นในขั้นต้นอยู่ใน 17 ฟาร์มในรัฐกัวนาฮัวโตและรัฐฮาลิสโก (Guanajuato and Jaliso) ซึ่งอยู่ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตกของประเทศ

ด้วยมาตรการต่างๆ หน่วยงานของเม็กซิโกได้มีการเพาะเชื้อป้องกันไก่ไปประมาณ 1.9 ล้านตัว ตั้งแต่มีการระบาดตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2556 เป็นต้นมา และมีการควบคุมการระบาดในพื้นที่อย่างเข็มข้น โดยการจัดตั้งเขตปลอดโรคระบาด (Quarantine Zone) ขึ้นเพื่อไม่ให้มีการระบาดไปสู่การเลี้ยงไก่ในรัฐใกล้เคียงได้แก่ รัฐอาควาส์คาลิเอนเตส (Aguascalientes) และรัฐฮาลิสโก้ (Jalisco) โดยเฉพาะรัฐฮาลิสโก้ซึ่งเป็นฐานการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ในอัตราส่วนร้อยละ 52 ของปริมาณการผลิตทั้งประเทศ

หน่วยงานการควบคุมมาตรฐานด้านการเกษตรและปศุสัตว์ของประเทศเม็กซิโก SENASICA ได้ทำการตรวจสอบและประเมินว่าในพื้นที่ที่มีการระบาดครอบคลุม 35 ฟาร์มในรัฐกัวตาฮัวโตในปริมาณ 4 ล้านตัวและพบว่ามีไก่ที่ไม่ติดเชื้อจากการระบาดไข่หวัดนก H7N3 จำนวน 1.3 ล้านตัว

อย่างไรก็ตามแม้ว่ามีการจัดตั้งเขตปลอดโรคระบาด (Quarantine Zone) แล้วก็ตาม แต่พบว่ามีการระเบิดเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวไปสู่ 38 ฟาร์มในรัฐกัวนาฮัวโต แต่ผู้บริหารกระทรวงเกษตรเม็กซิโก (SAGARPA) ได้ยืนยันว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

หน่วยงาน SENASICA ยังคาดการณ์ว่า อาจมีผลกระทบต่อราคาไก่ในประเทศบ้าง แต่เนื่องจากปริมาณไก่ที่มีผลต่อการเลี้ยงทั้งประเทศ (140 ล้านตัวสำหรับไก่พันธุ์ไข่และ 300 ล้านตัวสำหรับไก่เนื้อ) ความเสียหายยังเทียบเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากคือในอัตราส่วนเพียงร้อยละ 0.3 เท่านั้น และ มีความมั่นใจว่าจะมีผลกระทบบ้างเล็กน้อยในด้านราคาในตลาดของไข่ไก่และเนื้อไก่ แต่เนื่องจากมีความวิตกกังวลก็มีการฉวยโอกาสในการปรับราคาของไข่ไก่เพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 10 หรือสูงกว่านั้นในบางพื้นที่ โดยขายกันในอัตราสูงถึงกิโลกรัมละ 30.00 - 41.00 เปโซ จากราคาปกติกิโลกรัมละ 28.00 เปโซ และอาจจะทำให้เนื้อไก่มีราคาสูงขึ้นด้วยจากเหตุผลเดียวกัน และคาดการณ์ว่าไข่ไก่จะยังคงราคาสูงต่อไป เนื่องจากเหตุผลของดัชนีค่าครองชีพที่สูงขึ้น และจากเหตุผลเนื่องจากปริมาณไข่ไก่ในตลาดมีน้อยลง รวมทั้งคาดการณ์ว่าราคาเนื้อไก่ก็จะมีอัตราราคาสูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

หมายเหตุ : (อัตราแลกเปลี่ยน 2.3423 บาท = 1 เปโซ)

หมายเหตุ : ไข่ไก่ในประเทศเม็กซิโกขายไข่ไก่ในรูปแบบตามจำนวนแบบแพ็คในตลาด Modern Trade และตามน้ำหนักในตลาดสดและในร้านโชห่วย

สำหรับการค้าระหว่างประเทศนั้น ประเทศเม็กซิโกมีการส่งออกเนื้อไก่ไปบ้างแต่ไม่มาก ในปริมาณ 4,200 ตันในปี 2556 ซึ่งลดลงจากในปี 2555 ในปริมาณ 13,026 ตัน ตลาดที่ส่งออกได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น เวียดนาม และฮ่องกง แต่โดยรวมประเทศเม็กซิโกเสียดุลการค้าในกลุ่มสินค้าดังกล่าว โดยมีการนำเข้ามากกว่าส่งออก ประเทศเม็กซิโกนำเข้าเนื้อไก่ในปริมาณ 563,000 ตัน มูลค่า 696 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2556 โดยเป็นการนำเข้าจากประเทศสหรัฐฯ ในอัตราส่วนร้อยละ 97 ของการนำเข้าทั้งหมด และที่เหลือมีการนำเข้าจากประเทศชีลี

แหล่งข่าว :

• หน่วยงานการควบคุมมาตรฐานด้านการเกษตรและปศุสัตว์ของ
• ประเทศเม็กซิโก SENASICA
• CNN International -Fox News Latino
• The Poultry Site -World Trade Atlas- SE Mexico และอัตราจากธนาคารแห่งประเทศไทย

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงเม็กซิโกซิตี้

File: Mexico Bird Flu Chicken Situation 2013