สมาคมหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งอินเดีย ( Assocham : Associated of Chambers of Commerce and Industry of India ) เปิดเผยว่า รัฐทมิฬนาฑูถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 6 ในบรรดากลุ่มรัฐอุตสาหกรรมของอินเดียจากการจัดอันดับในเรื่องของการดึงดูดการลงทุนที่แท้จริงจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยรัฐทมิฬนาฑูมีส่วนแบ่งการเข้ามาลงทุนในอัตราร้อยละ 7 ของเม็ดเงินลงทุนทั้งหมดมูลค่า 1.43 ล้านล้านรูปี จากข้อมูลที่ปรากฏ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556
สมาคมหอการค้าและอุตสาหกรรมฯ รายงานว่า รัฐทมิฬนาฑูมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับอัตราร้อยละ 10 ต่อปีเป็นปัจจัยดึงดูดข้อเสนอแผนการลงทุนที่มีมูลค่าถึง 10 ล้านล้านรูปี แผนโครงการลงทุนทั้งหมดจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 53) ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ ในขณะที่โครงการมากกว่าร้อยละ 40 อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการ โดยประมาณร้อยละ 2.5 เป็นโครงการที่ถูกยกเลิก ส่วนจำนวนกว่าร้อยละ 4 ไม่ปรากฏข้อมูลความเป็นไปของโครงการแต่อย่างใด แผนการโครงการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานมีจำนวนมากที่สุด คือ 132 โครงการ โดยโครงการลงทุนในอุตสาหกรรมบริการมีจำนวนมากเป็นอันดับสอง คิดเป็นกว่าร้อยละ 29 ตามมาด้วยโครงการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิต (ร้อยละ 16) และภาคอสังหาริมทรัพย์ (มากกว่าร้อยละ 9)
รายงานฯ ดังกล่าวยังแจ้งต่อไปด้วยว่า เศรษฐกิจของรัฐทมิฬนาฑูมีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีอยู่ในระดับร้อยละ 9 ในช่วงปี 2547-2548 และช่วงปี 2555-2556 โดยภาคบริการเป็นภาคที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด คือมีการเจริญเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี ในอัตราร้อยละ 10 ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนประมาณกว่าร้อยละ 61 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในรัฐ
ภาคอุตสาหกรรมมีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีอยู่ในระดับร้อยละ 9 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในรัฐ ส่วนปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ คือ การกระจุกตัวของโครงสร้างพื้นฐานประกอบกับความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อที่มีอย่างจำกัด เทคโนโลยีที่ล้าหลัง แรงงานสัมพันธ์ที่อ่อนแอ และประเด็นความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ภาคการผลิตขั้นพื้นฐานซึ่งประกอบด้วยเกษตรกรรม ประมง และการทำป่าไม้ มีอัตราการเจริญเติบโตในระดับร้อยละ 5 คิดเป็นอัตราส่วนประมาณร้อยละ 8.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในรัฐ
สมาคมหอการค้าและอุตสาหกรรมฯ ได้เสนอแนะให้รัฐทมิฬนาฑูเร่งพัฒนาท่าเรือที่มีความสำคัญรองลงมาอย่างเต็มรูปแบบและเร่งเชื่อมต่อท่าเรือชั้นรองเหล่านี้กับระเบียงอุตสาหกรรมของรัฐ นอกจากนี้แล้วคณะกรรมการพาณิชย์นาวีแห่งรัฐ ( The State maritime board ) ควรเปิดโอกาสให้นักลงทุนภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนกับท่าเรือของรัฐในการพัฒนาท่าเรือต่างๆรวมทั้งร่วมกันพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ตั้งอยู่ในเขตท่าเรือด้วย
ประเทศอินเดีย สคร.นิวเดลี
สำนักพัฒนาตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและเอเชีย (สพอ.) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
Email : intmk@ditp.go.th Website : www.ditp.go.th