พาณิชย์เร่งกระชับสัมพันธ์การค้าไทย-กัมพูชา

          นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เดินทางไปประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 13 — 14 มีนาคม 2551 โดยภารกิจหลักจะเดินทางไปเยี่ยมคารวะและหารือ พลเอก ญึก บุนชัย ( H.E. Gen Nhek Bun Chhay ) และ ดร.จอม ประสิทธิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ( H.E.Dr. Cham Prasidh ) 
          ประเด็นหารือทางการค้า-ลงทุนระหว่างไทย กับ กัมพูชาที่สำคัญ อาทิ ความร่วมมือเรื่องนิคมอุตสาหกรรม การสนับสนุนให้นักธุรกิจไทยไปลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรมปอยเปต จังหวัดบันเตีย เมียนจัย รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมในกัมพูชาอีก 15 แห่ง การสนับสนุนการลงทุนด้านอุตสาหกรรมการเกษตร โดยการเข้าไปเช่าพื้นที่สัมปทานจากรัฐบาลเพื่อทำการเกษตร รวมถึงการขอเข้าไปขอสัมปทานในบางอุตสาหกรรม 
การเร่งผลักดันโครงการสนับสนุนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมชายแดนฝั่งประเทศไทย เพื่อให้แรงงานกัมพูชาเข้ามาทำงานในไทยได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสิ่งทอ  โครงการจัดงานจำหน่ายสินค้าจากไทยร่วมกับสหกรณ์กัมพูชา โครงการสนับสนุนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมชายแดนฝั่งประเทศไทย เป็นต้น 
          นอกจากนี้จะเร่งประสานงานในแนวนโยบาย ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ที่มีโครงการร่วม ( Common Project) ภายใต้สาขาการอำนวยความสะดวกทางการค้า และการลงทุน 3 โครงการ ได้แก่  1.การสร้างเครือข่ายความร่วมมือรับขนส่งสินค้า ระหว่างผู้ประกอบการขนส่งสินค้าของประเทศสมาชิก ACMECS ทั้ง 5 ประเทศ (Freight Operators Cooperation Network) 2.การลงทุนสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทางด้าน Logistic และ 3.การนำระบบ Global Positioning System (GPS) และ Radio Frequency Identification (RFID) กับรถบรรทุกสินค้าผ่านแดน
          นอกจากนี้จะเดินทางไปเป็นประธานเปิดงาน Thailand Exhibition 2008 ที่จัดขึ้นระหว่าง 14 — 18 มีนาคม 2551  ณ   Mondial Center  กรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นการจัดครั้งที่ 13 ยิ่งใหญ่กว่า ทุกปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ไปจัดแสดง 256 ราย 284 คูหา คาดว่าจะมีผู้เข้าชมประมาณ 800,000 คน 
          สินค้าที่เข้าร่วมงาน ได้แก่ เครื่องมือการเกษตร (รถไถนา รถเก็บเกี่ยวข้าว อุปกรณ์ทำการเกษตร Hardware) เครื่องจักร และอุปกรณ์  (เครื่องย่อยหิน ตะแกรงรั้ว ตู้โทรศัพท์สาขา แม่กุญแจ ชิ้นส่วนยานยนต์ ยางรถยนต์ ยางอะไหล่ ยางเส้น) วัสดุก่อสร้าง ตู้เก็บเอกสารเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน อาหารสัตว์ ปุ๋ย น้ำมันเครื่อง อาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอ และเสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องประดับเทียม ของแต่งบ้าน ของเด็กเล่น เครื่องเขียน ครื่องใช้ในครัว ครื่องสำอาง ครีมทาผิว รมถึงสินค้าโอท็อป รวมทั้งมีธุรกิจบริการที่จะเข้าไปเปิดตลาดให้เพิ่มขึ้น อาทิ สปา การศึกษา ศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาล 
          ที่มา: http://www.depthai.go.th