กรมส่งเสริมการส่งออกแนะนักธุรกิจไทยสร้างชื่อสปาไทยโดยใช้โอกาสรัฐบาลอินเดียหนุนธุรกิจสปาในประเทศจนขยายตัวร้อยละ 7.9 ต่อปี เป็นอันดับหนึ่งของโลกเพื่อรองรับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว
นายไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจนไน ประเทศอินเดีย ได้กล่าวถึงโอกาสของธุรกิจสปาไทยในประเทศอินเดียว่าเนื่องจากประชากรในประเทศอินเดียมีมากถึง 1,129,866,154 คนและค่าครองชีพของแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกันแต่ค่าครองชีพในเมืองใหญ่ค่อนข้างสูงและขยับตัวสูงขึ้นทุกปีและเศรษฐีใหม่ซึ่งอายุยังน้อยยังคงแสวงหาความบันเทิงรูปแบบใหม่ๆ เปิดช่องให้ธุรกิจบริการของไทย เช่น ร้านอาหารไทยจะเป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะงานแต่งงานจะต้องมีอาหารไทยเลี้ยงแขกจึงจะถือว่าเป็นงานแต่งที่มีระดับรวมถึงโรงภาพยนตร์ซึ่งบริหารโดย Major Cineplex ของประเทศไทย เพราะชาวอินเดียนิยมดูภาพยนตร์เป็นชีวิตจิตใจและสปาซึ่งเป็นที่นิยมทั้งในกลุ่มชาวอินเดียที่มีฐานะไปจนถึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศซึ่งมีประมาณ 5 ล้านคน ( ปี 2550 เพิ่มขึ้นจาก ปี 2549 ร้อยละ 12) จากประเทศ อังกฤษ บังกลาเทศ อเมริกา ศรีลังกา เยอรมัน แคนนาดา และญี่ปุ่น เป็นต้น
ปัจจุบันคนอินเดียยังนิยมการนวดเพราะเชื่อว่าสามารถรักษาโรคและชะลอความชราได้โดยการนวดที่เรียกว่า อายุรเวช ซึ่งสืบทอดกันมากว่า 5,000 ปี และได้รับความนิยมมากขึ้นโรงแรมห้าดาวและรีสอร์ทจะต้องมีสปาไว้บริการลูกค้า การนวดแบบอายุรเวชเป็นการนวดน้ำมันผสมสมุนไพรซึ่งเมื่อเทียบกับสปาของไทยแล้วเรายังมีจุดเด่นหลายอย่างที่อายุรเวชของอินเดียไม่มี เช่น สปาของไทยให้ความสำคัญกับบรรยากาศของสถานที่มีการสร้างบรรยากาศด้วยแสงสี มีเพลงเบา ๆ และอัธยาศัยที่นุ่มนวลแบบไทย ๆ ของผู้ใช้บริการซึ่งจุดนี้น่าจะเป็นจุดขายสำคัญของไทยในตลาดอินเดีย
ดังนั้นผู้ประกอบการไทยที่สนใจลงทุนในอินเดียอาจจะเริ่มต้นด้วยการให้ความร่วมมือทางธุรกิจบางส่วน เช่น การจัดหาพนักงานสปาไทยไปส่งเสริมการบริการให้กับสถานบริการชั้นนำก่อนเพื่อหาประสบการณ์ในเบื้องต้นและสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ไทยเพื่อที่จะพัฒนาให้สปาของไทยได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น กรุงนิวเดลี มุมไบและแหล่งท่องเที่ยวทะเลทางตอนใต้ของอินเดีย เช่น Kerala,Goa รวมถึงเมืองเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น บังกาลอร์ ไฮเดอราบัดและเจนไน เป็นต้น
ที่มา: http://www.depthai.go.th