1. การส่งออกเดือนเมษายน
- การส่งออก มีมูลค่า 13,765.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.96 การส่งออกยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องและเมื่อคิดในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 427,553.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.87
- สินค้าส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรที่เพิ่มขึ้นในอัตราสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ 44.4 ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญรวมเชื้อเพลิงขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 46.6
- สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญส่วนใหญ่ส่งออกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ ข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และสินค้าอาหาร (ประเภทอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผัก ผลไม้ สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูปและไก่แช่แข็งและแปรรูป) ยกเว้นการส่งออกน้ำตาลที่ยังลดลง
- สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ข้าว ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นในอัตราสูงถึงร้อยละ 62.1 และ 137.6 ตามลำดับ อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 และ 30.2 ตามลำดับ กุ้งแช่แข็งและแปรรูปปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.45 และ 38.88 ตามลำดับ
- สินค้าที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณส่งออกลดลง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.3 ปริมาณลดลงร้อยละ 2.5 แต่ราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.9
- สินค้าที่ส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่า คือ น้ำตาล ปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 34.2 และ 34.9 ตามลำดับ เนื่องจากปริมาณผลผลิตของโลกเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ บราซิล อินเดีย และไทยส่งผลให้มีน้ำตาลส่วนเกินในตลาดโลกมากขึ้น ทำให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งอินเดียมีการชดเชยค่าขนส่งน้ำตาลเพื่อการส่งออก และ ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท
- สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญรวมเชื้อเพลิง ส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่สำคัญ ได้แก่
- สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 15 ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า (เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตู้เย็น ตู้แช่ ) ยานยนต์และส่วนประกอบสิ่งทอ (เสื้อผ้า ผ้าผืน) เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก วัสดุก่อสร้าง (อลูมิเนียม เหล็กและเหล็กกล้า) อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องใช้เดินทางเครื่องหนัง สิ่งพิมพ์และกระดาษ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เภสัช เครื่องมือแพทย์ ของเล่น น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องจักรและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เลนซ์ อาหารสัตว์เลี้ยง นาฬิกาและส่วนประกอบและเครื่องกีฬาและเครื่องเล่นเกมส์
- สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 10 — 15 ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน
- สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นน้อยกว่าร้อยละ 10 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์(แผงวงจรไฟฟ้า วงจรพิมพ์) และเครื่องใช้เครื่องประดับตกแต่งบ้าน
- ตลาดส่งออก ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในตลาดหลักและตลาดใหม่ โดยเฉพาะตลาดใหม่ที่ขยายตัวในอัตราสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ 31.1 ขณะที่ตลาดหลักขยายตัวร้อยละ 23.5
- ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นทุกตลาด ได้แก่ อาเซียน(5) เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.9 สหภาพยุโรป(15) เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.8 สหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.1
- ตลาดใหม่ ส่วนใหญ่การส่งออกยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่สำคัญและขยายตัวในอัตราสูง ได้แก่ แอฟริกา(ร้อยละ 65.7) อินโดจีนและพม่า(ร้อยละ 68.1) ฮ่องกง(ร้อยละ 26.4) จีน (ร้อยละ 32.5) ลาติน อเมริกา(ร้อยละ 45.5) ยุโรปตะวันออก(ร้อยละ 31.9) และ อินเดีย(ร้อยละ 40.7) ขณะที่การส่งออกไป ตะวันออกกลาง (ร้อยละ 23.1) ออสเตรเลีย (ร้อยละ 32.9) และแคนาดา(ร้อยละ 2.2) ตลาดที่ส่งออกลดลงได้แก่ ไต้หวันยังส่งออกลดลงต่อเนื่องร้อยละ 13.5 โดยสินค้าที่ส่งออกลดลงได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้าและเครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ
2. การส่งออกในระยะ 4 เดือนแรกของปี 2551 (ม.ค.-เมย.)
- การส่งออก มีมูลค่า 55,481.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.2 คิดเป็นร้อยละ 32.3
ของเป้าหมายการส่งออก และเมื่อคิดในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 1,799,397.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12
- สินค้าส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นในอัตราสูงในทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 34.6 ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญรวมเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.1
- สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญส่งออกเพิ่มขึ้นในอัตราสูง โดยเฉพาะ ข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังและสินค้าอาหาร(ประเภทอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ผัก ผลไม้ สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูปและไก่แช่แข็งและแปรรูป)ยกเว้นน้ำตาลที่ส่งออกลดลง
- สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ข้าว ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นในอัตราสูงต่อเนื่องร้อยละ 76.9 และ 116.1 ตามลำดับ ยางพารา ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 และ 33.3 ตามลำดับ สินค้าอาหารปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 และ 24.5 ตามลำดับ
- สินค้าที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณส่งออกลดลงได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.9 ปริมาณลดลงร้อยละ 24.9 ราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 58.4 เนื่องจากปัญหาผลผลิตในประเทศลดลงและการแข็งค่าของเงินบาท
- สินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ น้ำตาล ปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 17.9 และ 21.3 ตามลำดับ ราคาลดลงร้อยละ 4.2 จากปัญหาราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลงการแข่งขันในตลาดโลกรุนแรงมากขึ้นอินเดียมีการชดเชยค่าขนส่งน้ำตาลเพื่อการส่งออก และ การแข็งค่าของเงินบาท
- สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญรวมเชื้อเพลิง ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกรายการ ที่สำคัญ ได้แก่
- สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ ยานยนต์และส่วนประกอบ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องใช้เดินทางเครื่องหนัง เครื่องสำอาง สิ่งพิมพ์และกระดาษ น้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบอาหารสัตว์เลี้ยง
- สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 10—20 ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า (เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า)วัสดุก่อสร้าง(อลูมิเนียม ปูนซีเมนต์) ผลิตภัณฑ์เภสัช/เครื่องมือแพทย์ ของเล่น เคมีภัณฑ์ เลนซ์ และเครื่องกีฬาและเครื่องเล่นเกมส์
- สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นน้อยกว่าร้อยละ 10 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ (แผงวงจรไฟฟ้า) สิ่งทอ เครื่องใช้เดินทางเครื่องหนัง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และเครื่องใช้และเครื่องประดับตกแต่ง
- ตลาดส่งออก ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2550 ทั้งในตลาดหลักและตลาดใหม่ โดยเฉพาะตลาดใหม่ที่ขยายตัวในอัตราสูงถึงร้อยละ 31.3 ขณะที่ตลาดหลักขยายตัวร้อยละ 14.5
- ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นในทุกตลาด คือ อาเซียน(5) สหภาพยุโรป(15) สหรัฐฯ และ ญี่ปุ่น ที่ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 , 12.6 , 8.6 และ 11.2 ตามลำดับ
- ตลาดใหม่ ส่วนใหญ่ส่งออกเพิ่มขึ้นในอัตราสูงอย่างต่อเนื่องที่สำคัญได้แก่ แอฟริกา (ร้อยละ 65.1) อินโดจีนและพม่า(ร้อยละ 60.8) ฮ่องกง(ร้อยละ 41.3) ยุโรปตะวันออก(ร้อยละ 33.7) จีน(ร้อยละ 33.8) ลาตินอเมริกา(ร้อยละ 35.8) ตะวันออกกลาง(ร้อยละ 23.7) อินเดีย(ร้อยละ 28.1) ออสเตรเลีย(ร้อยละ 21.2) เกาหลีใต้(ร้อยละ 12.3) และ แคนาดา(ร้อยละ 5.7) ยกเว้นไต้หวันที่ส่งออกลดลงร้อยละ 23.9 เป็นการลดลงต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 2550 โดยสินค้าที่ส่งออกลดลงได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า และ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ
ที่มา: http://www.depthai.go.th