กรมส่งเสริมการส่งออกจับมือภาคเอกชนสรุปยุทธศาสตร์ส่งออกกลุ่มสินค้าและกลุ่มธุรกิจบริการ
สอ.จัดทำยุทธศาสตร์การส่งเสริมการส่งออกรายกลุ่มสินค้าและกลุ่มธุรกิจบริการ รับมือสถานการณ์การค้าโลกหวังสร้างโอกาสใหม่ๆ และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการส่งออกสินค้าและบริการของไทยโดยบูรณาการร่วมกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตามข้อเสนอแนะศูนย์วิจัยฯจุฬา
วันนี้ (11 มิ.ย.51) นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เป็นประธานการจัดเสวนาใหญ่เรื่อง “ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการส่งออกรายกลุ่มสินค้า (Cluster)” ณ ห้องประชุม 41202 ชั้น 12 อาคารกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ บางกระสอ นนทบุรี ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับยุทธศาสตร์การส่งเสริมการส่งออกให้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้าโลกในปัจจุบันและอนาคต เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆในการส่งออกและสร้างมูลค่าเพิ่มจากการส่งออกสินค้าและบริการของไทย5 กลุ่ม ที่มีสัดส่วนร้อยละ 75 ของมูลค่าการส่งออกของประเทศ ได้แก่กลุ่มสินค้าอาหารและสุขภาพ กลุ่มสินค้าแฟชั่น กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมหนัก และ กลุ่มธุรกิจบริการ โดยวิธีบูรณาการแนวทางการกำหนดทิศทางและกรอบนโยบายร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดทำกรอบนโยบาย กลยุทธ์ แผนงาน โครงการ โดยคำนึงถึงงบประมาณ กรอบระยะเวลา และความเชื่อมโยงต่อเนื่องกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออกกล่าวว่า การส่งออกเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 63 ของ GDP โดยในปี 2550 การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ร้อยละ 17.5 สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ร้อยละ 12.5 และในปี 2551กระทรวงพาณิชย์ คาดว่าการส่งออกจะยังขยายตัวประมาณร้อยละ 10.0 — 12.5 คิดเป็นมูลค่า 167,700 — 171,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในช่วงเดือนมกราคม — เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ประเทศไทยสามารถส่งออกได้มีมูลค่าถึง 55,481.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 22.2 คิดเป็นร้อยละ 32.3 ของเป้าหมายการส่งออกรวม
อย่างไรก็ตาม ในภาวะเศรษฐกิจของโลกในปัจจุบัน ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักที่สำคัญของไทย ค่าเงินบาท วิกฤตราคาน้ำมัน รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กรมส่งเสริมการส่งออกจึงได้จัดทำยุทธศาสตร์เชิงรุกโดยคัดเลือกกลุ่มสินค้าส่งออกที่มีศักยภาพสูงของไทย 5 กลุ่มหลักเพื่อที่จะ สร้างโอกาสในการแข่งขันของสินค้าส่งออกของไทยอย่างเป็นระบบโดยกำหนดกลยุทธ์เชิงรุก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้อุตสาหกรรมหลักทั้ง 5 กลุ่มนี้มีศักยภาพในการแข่งขัน มีเครือข่าย และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในแต่ละอุตสาหกรรมได้มีส่วนร่วมในการผลักดันการส่งออกร่วมกัน หวังให้ทุกฝ่ายนำแผนดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การส่งออกขยายตัวเพิ่มมากขึ้นตามประมาณการและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจหรือ GDP ของประเทศไทย ในอนาคต
การศึกษาและวิเคราะห์จัดทำยุทธศาสตร์การส่งเสริมการส่งออกรายกลุ่มสินค้าและกลุ่มธุรกิจบริการครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก ศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษา ศูนย์บริการวิชาการ และฝึกอบรม คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รวบรวมข้อมูล ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนวิเคราะห์ข้อมูลในด้านศักยภาพและโอกาสทางการค้า การส่งออกสินค้าและบริการของไทยในตลาดโลก พร้อมทั้งได้มีการจัดประชุมระดมสมองกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าและบริการเพื่อร่วมให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ ฯ จำนวน 5 ครั้ง และได้มีการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละกลุ่มสินค้าและกลุ่มธุรกิจบริการ เพื่อให้การจัดทำยุทธศาสตร์การส่งเสริมการส่งออกครั้งนี้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ส่งออกและประเทศชาติอย่างแท้จริง
ที่มา: http://www.depthai.go.th