1.การผลิต
มาเลเซียมีพื้นที่เหมาะแก่การเกษตรทั่วประเทศประมาณ 32.96 ล้าน เฮกตาร์ (รวมพื้นที่บนคาบสมุทร รัฐซาบาและรัฐซาราวักบนเกาะบอร์เนียว) ประมาณร้อยละ 80 ของพื้นที่ใช้ในการเพาะปลูกปาล์มน้ำมัน ยางพารา โกโก้ และมะพร้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจส่งออกที่สำคัญของประเทศ พื้นที่อีกประมาณร้อยละ 10 ใช้ในการเพาะปลูกข้าวและอีกร้อยละ 10 ที่เหลือใช้ในการทำการเกษตรอื่น เช่น สวนผัก สวนผลไม้ เป็นต้น
มาเลเซียตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศร้อนชื้น ผลไม้ที่ผลิตได้จึงเป็นผลไม้เมืองร้อนทั้งที่ไม่เป็นฤดูกาลเช่น กล้วย มะละกอ สับปะรด ฝรั่ง มะเฟือง แตงโม และมะม่วงบางชนิด และที่ตามฤดูกาลเช่น ทุเรียน เงาะ รางสาด ดูกู(ลองกอง) และมังคุด ซึ่งจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนสิงหาคมของทุกปี และจะมีน้อยในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ของปี
ผลไม้หลักที่รัฐบาลมาเลเซียให้การส่งเสริมให้มีการเพาะปลูกเพื่อการส่งออกและทดแทนการนำเข้าได้แก่ ทุเรียน มะม่วง เงาะ มังคุดและสับปะรด ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิต ดังนี้
ทุเรียน
State พื้นที่เพาะปลูก พื้นที่ให้ผลผลิต Production
(Hectare) Hectar (metric ton)
JOHOR 39,261.30 20,323.60 108,348.70
KEDAH 5,246.50 2,015.30 10,294.10
KELANTAN 20,554.10 6,869.70 27,438.30
MELAKA 4,120.00 4,120.00 32,960.00
NEGERI SEMBILAN 3,896.20 554.80 2,796.20
PAHANG 10,534.40 5,704.90 11,020.00
PERAK 10,711.30 4,156.00 16,334.90
PERLIS 98.10 39.80 184.80
PULAU PINANG 3,891.20 1,753.70 7,285.60
SELANGOR 4,237.10 3,549.10 25,759.00
TERENGGANU 6,046.90 984.80 1,735.70
PENINSULAR M'SIA 108597.20 50,071.60 244,157.30
SABAH 3,337.50 N.A. N.A.
SARAWAK 10,825.00 N.A. N.A.
TOTAL 122759.70 50,071.60 244,157.30
มะม่วง ปลูกมากในพื้นที่ต่างๆ ดังนี้
State พื้นที่เพาะปลูก พื้นที่ให้ผลผลิต Production
(Hectare) Hectar (metric ton)
JOHOR 623 168 398
KEDAH 1,261 792 2,990
KELANTAN 424 141 376
MELAKA 773 335 1,005
NEGERI SEMBILAN 359 60 110
PAHANG 279 131 590
PERAK 1,275 657 3,393
PERLIS 1,161 833 2,271
PULAU PINANG 260 99 531
SELANGOR 521 459 1,784
TERENGGANU 515 243 1,520
PENINSULAR M'SIA 7,450 3,918 14,967
SABAH 1,003 N.A. N.A.
SARAWAK 1,287 N.A. N.A.
TOTAL 9,740 3,918 14,967
เงาะ ปลูกมากในรัฐต่างๆ ดังนี้
State พื้นที่เพาะปลูก
(Hectare)
Kedah 2,116
Kelantan 3,522
Melaka 910
N. Sembilan 1,369
Pahang 2,233
Pulau Pinang 781
Perak 2,220
Perlis 45
Selangor 863
Terengganu 2,287
Total 16,346
มังคุด และสับปะรด ปลูกทั่วไปในมาเลเซีย พบมากในพื้นที่ต่างๆ ดังนี้
- Pahang: Kuantan, Pekan
- Kelantan: Bachuk, Tumpat, Kota Baru, Pasir Putih
- Terengganu: Besut, Setiu, Kuala Trengganu, Marang
- Johor: Batu Pahat, Pontian, Muar
- Selangor: Ulu Selangor, Gombak, Petaling, Wilayah Persekutuan, Klang, Ulu Langat
- Negri Sembilan: Seremban
1.1.พันธุ์ที่ปลูกและคุณภาพการผลิต
- ทุเรียน การเพาะปลูกทุเรียนในมาเลเซียมีพันธุ์ที่นิยมปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ 7 ชนิด ดังนี้
1.พันธุ์ D24
2.พันธุ์ D99 (กบ)
3.พันธุ์ D123 (ชะนี)
4.พันธุ์ D145 (Berserah Durian/Mek Durian/Green Durian)
5.พันธุ์ D158 (ก้านยาว)
6.พันธุ์ D159 (หมอนทอง)
7.พันธุ์ D169
- มังคุด การเพาะปลูกมังคุดมี 2 ชนิดคือ พันธุ์ จีเอ1 และพันธุ์ จีเอ2
- เงาะ การเพาะปลูกเงาะมีอยู่ 7 พันธุ์ด้วยกัน
1.พันธุ์ R134
2.พันธุ์ R156
3.พันธุ์ R162
4.พันธุ์ R167
5.พันธุ์ R170
6.พันธุ์ R191
7.พันธุ์ R193
-สับปะรด การเพาะปลูกสับปะรดมี 3 พันธุ์คือ
1.Sarawak
2.Gandol
3. Mauritius
1.2.ต้นทุนการผลิต
- ทุเรียน(ตลอดเวลา 25 ปี) ต้นทุนการผลิตรวมต่อเฮกตาร์อยู่ที่ RM 90,000 (คิดจากพันธุ์ D24ที่นิยมปลูกมากที่สุด)
- มังคุด(ตลอดเวลา 25 ปี) ต้นทุนการผลิตรวมต่อเฮกตาร์อยู่ที่ RM 88,154
- เงาะ(ตลอดเวลา 25 ปี) ต้นทุนการผลิตรวมต่อเฮกตาร์อยู่ที่ RM 56,356
- สับปะรด(ตลอดเวลา 28 เดือน) ต้นทุนการผลิตรวมต่อเฮกตาร์อยู่ที่ RM 6,900
2.การส่งออก
ในระยะช่วงที่ผ่านมา มาเลเซียส่งออกผลไม้สดไปต่างประเทศลดลง โดยปี 2550 ส่งออก 76.26 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปี 2549 ซึ่งมีมูลค่า 80.18 ล้านเหรียญสหรัฐฯประมาณ ร้อยละ4.88 ผลไม้ที่ส่งออกหลัก ได้แก่ มะละกอ ทุเรียน สับปะรด กล้วย โดยตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์
3. การนำเข้า
มาเลเซียนอกจากเป็นประเทศผู้ส่งออกผลไม้สดไปจำหน่ายยังต่างประเทศแล้ว ยังเป็นประเทศผู้นำเข้าจากต่างประเทศด้วย มูลค่าการนำเข้านั้นก็มีแนวโน้มที่สูงขึ้นทุกปี กล่าวคือ มูลค่าการนำเข้าปี 2550 เท่ากับ 176.53 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ซึ่งมีมูลค่า 144.36 ล้านเหรียญสหรัฐประมาณ ร้อยละ 22.29 ผลไม้ที่นำเข้าส่วนใหญ่นั้นเป็นผลไม้เมืองหนาวที่มาเลเซียผลิตเองไม่ได้ ซึ่งได้แก่ แอปเปิ้ล ส้มซันควิส แพร์ พีช พรุน องุ่น ประเทศนำเข้าที่สำคัญคือ จีน สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้และออสเตรเลีย ตามลำดับ
สำหรับผลไม้เมืองร้อนที่นำเข้าสำคัญของประเทศมาเลเซียเช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด สับปะรดนั้นมีปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี กล่าวคือ มูลค่าการนำเข้าปี 2550 เท่ากับ 22.46 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ซึ่งมีมูลค่า 16.62 ล้านเหรียญสหรัฐประมาณ ร้อยละ 35.15 ทุกปี เช่นเดียวกัน โดยผลไม้ที่นำเข้าส่วนใหญ่มาจากประเทศไทยและอินโดนีเซีย
4. รสนิยมการบริโภค ราคาจำหน่ายปลีกและช่วงเวลาการนำเข้า
โดยปกติคนมาเลเซียนิยมบริโภคผลไม้สดที่มีรสอมหวาน ไม่ชอบผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว การบริโภคผลไม้บางอย่างจะแตกต่างจากไทย เช่น ทุเรียนนิยมรับประทานสุกเต็มที่ รสหวานจัดออกขมเล็กน้อย ไม่นิยมรับประทานทุเรียนกับข้าวเหนียว
คนมาเลเซียมักจะเป็นคนพิถีพิถันในการจับจ่ายใช้สอย การซื้อสินค้าจะพิจารณาราคาและคุณภาพควบคู่กันไป เชื่อว่าผลไม้ไทยจะมีลู่ทางการตลาดดีได้
ช่วงเวลานำเข้าและราคาขายปลีกผลไมไทยที่สำคัญมีดังนี้
- ทุเรียน
พันธุ์ชะนี นำเข้าในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม ราคาขายปลีก 3.50-5.00 RM/Kg
พันธุ์กะดง นำเข้าในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม ราคาขายปลีก 3.50-5.00 RM/Kg
พันธุ์โพธิ์มณี นำเข้าในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม ราคาขายปลีก 5.00 RM/Kg
พันธุ์ก้านยาว นำเข้าในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม ราคาขายปลีก 7.00 RM/Kg
- ลำไย นำเข้าในช่วงเดือน กรกฎาคม-กันยายน
ขนาดเล็ก ราคาขายปลีก 4.50 RM/Kg
ขนาดใหญ่ ราคาขายปลีก 5.00-6.00 RM/Kg
- เงาะ นำเข้าในช่วงเดือน เมษายน-มิถุนายน ราคาขายปลีก 5.50 RM/Kg
- มังคุด นำเข้าในช่วงเดือน เมษายน-มิถุนายน ราคาขายปลีก 5.90 RM/Kg
5. มาตรการนำเข้า อัตราภาษี ข้อกีดกันทางการค้า
สำหรับการนำเข้าผลไม้สดจากต่างประเทศของประเทศมาเลเซียนั้น ต้องมีใบอนุญาตนำเข้า และเมื่อผลไม้มาถึงมาเลเซียแล้วเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียจะดำเนินการตรวจสอบสารเคมีตกค้างตามพระราชบัญญัติ Food Act อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะผลไม้สดที่มีปริมาณสารตกค้างทั้งที่ผิวเปลือกและของเนื้อไม้ ฉะนั้น ผู้ส่งออกควรระมัดระวังเรื่องสารเคมีตกค้างที่มากเกินไปจนทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค เพราะหากมีการตรวจพบ จะไม่ให้นำเข้าสู่ตลาดมาเลเซียอีกเลย
อัตราภาษีการนำเข้าสำหรับประเทศอาเซียนสามารถแจกแจงได้ดังนี้
- ทุเรียน ภาษีขาย 5% อัตราภาษี CEPT 20% ของมูลค่าการนำเข้า(C.I.F)
- เงาะ ภาษีขาย 5% อัตราภาษี CEPT 70% ของมูลค่าการนำเข้า(C.I.F)
- สับปะรด ภาษีขาย 5% อัตราภาษี CEPT 80% ของมูลค่าการนำเข้า(C.I.F)
- มังคุด ภาษีขาย 5% อัตราภาษี CEPT 40% ของมูลค่าการนำเข้า(C.I.F)
6. โอกาสทางการค้าของไทย
ผลไม้ไทยเป็นที่นิยมของชาวมาเลเซีย แต่เนื่องจากรัฐบาลมาเลเซียยังคงเก็บภาษีการขายและภาษีนำเข้า ทำให้ต้นทุนของสินค้าสูงขึ้นมีผลต่อราคาที่สูงกว่าผลไม้ท้องถิ่น อย่างไรก็ตามราคาเพียงอย่างเดียวไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ชาวมาเลเซียตัดสินใจไม่เลือกซื้อผลไม้ไทย เนื่องจากชาวมาเลเซียมีระดับรายได้เฉลี่ยสูงกว่าคนไทยเกือบเท่าตัว ดังนั้นหากมีการวางแผนระยะยาวและทำประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง จะทำให้ผู้บริโภครับรู้และเห็นความแตกต่างระหว่างผลไม้ไทยและผลไม้ท้องถิ่นซึ่งจะเป็นการอาศัยประโยชน์จากราคาที่สูงกว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์และแบ่งชั้นระหว่างผลไม้ไทยและผลไม้ท้องถิ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งในระยะยาวอาจจะมีผลต่อการเปลี่ยนรสนิยมของผู้บริโภคให้หันมารับประทานผลไม้ไทยมากขึ้น
----------------------
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์
มิถุนายน 2551
ที่มา: http://www.depthai.go.th
มาเลเซียมีพื้นที่เหมาะแก่การเกษตรทั่วประเทศประมาณ 32.96 ล้าน เฮกตาร์ (รวมพื้นที่บนคาบสมุทร รัฐซาบาและรัฐซาราวักบนเกาะบอร์เนียว) ประมาณร้อยละ 80 ของพื้นที่ใช้ในการเพาะปลูกปาล์มน้ำมัน ยางพารา โกโก้ และมะพร้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจส่งออกที่สำคัญของประเทศ พื้นที่อีกประมาณร้อยละ 10 ใช้ในการเพาะปลูกข้าวและอีกร้อยละ 10 ที่เหลือใช้ในการทำการเกษตรอื่น เช่น สวนผัก สวนผลไม้ เป็นต้น
มาเลเซียตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศร้อนชื้น ผลไม้ที่ผลิตได้จึงเป็นผลไม้เมืองร้อนทั้งที่ไม่เป็นฤดูกาลเช่น กล้วย มะละกอ สับปะรด ฝรั่ง มะเฟือง แตงโม และมะม่วงบางชนิด และที่ตามฤดูกาลเช่น ทุเรียน เงาะ รางสาด ดูกู(ลองกอง) และมังคุด ซึ่งจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนสิงหาคมของทุกปี และจะมีน้อยในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ของปี
ผลไม้หลักที่รัฐบาลมาเลเซียให้การส่งเสริมให้มีการเพาะปลูกเพื่อการส่งออกและทดแทนการนำเข้าได้แก่ ทุเรียน มะม่วง เงาะ มังคุดและสับปะรด ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิต ดังนี้
ทุเรียน
State พื้นที่เพาะปลูก พื้นที่ให้ผลผลิต Production
(Hectare) Hectar (metric ton)
JOHOR 39,261.30 20,323.60 108,348.70
KEDAH 5,246.50 2,015.30 10,294.10
KELANTAN 20,554.10 6,869.70 27,438.30
MELAKA 4,120.00 4,120.00 32,960.00
NEGERI SEMBILAN 3,896.20 554.80 2,796.20
PAHANG 10,534.40 5,704.90 11,020.00
PERAK 10,711.30 4,156.00 16,334.90
PERLIS 98.10 39.80 184.80
PULAU PINANG 3,891.20 1,753.70 7,285.60
SELANGOR 4,237.10 3,549.10 25,759.00
TERENGGANU 6,046.90 984.80 1,735.70
PENINSULAR M'SIA 108597.20 50,071.60 244,157.30
SABAH 3,337.50 N.A. N.A.
SARAWAK 10,825.00 N.A. N.A.
TOTAL 122759.70 50,071.60 244,157.30
มะม่วง ปลูกมากในพื้นที่ต่างๆ ดังนี้
State พื้นที่เพาะปลูก พื้นที่ให้ผลผลิต Production
(Hectare) Hectar (metric ton)
JOHOR 623 168 398
KEDAH 1,261 792 2,990
KELANTAN 424 141 376
MELAKA 773 335 1,005
NEGERI SEMBILAN 359 60 110
PAHANG 279 131 590
PERAK 1,275 657 3,393
PERLIS 1,161 833 2,271
PULAU PINANG 260 99 531
SELANGOR 521 459 1,784
TERENGGANU 515 243 1,520
PENINSULAR M'SIA 7,450 3,918 14,967
SABAH 1,003 N.A. N.A.
SARAWAK 1,287 N.A. N.A.
TOTAL 9,740 3,918 14,967
เงาะ ปลูกมากในรัฐต่างๆ ดังนี้
State พื้นที่เพาะปลูก
(Hectare)
Kedah 2,116
Kelantan 3,522
Melaka 910
N. Sembilan 1,369
Pahang 2,233
Pulau Pinang 781
Perak 2,220
Perlis 45
Selangor 863
Terengganu 2,287
Total 16,346
มังคุด และสับปะรด ปลูกทั่วไปในมาเลเซีย พบมากในพื้นที่ต่างๆ ดังนี้
- Pahang: Kuantan, Pekan
- Kelantan: Bachuk, Tumpat, Kota Baru, Pasir Putih
- Terengganu: Besut, Setiu, Kuala Trengganu, Marang
- Johor: Batu Pahat, Pontian, Muar
- Selangor: Ulu Selangor, Gombak, Petaling, Wilayah Persekutuan, Klang, Ulu Langat
- Negri Sembilan: Seremban
1.1.พันธุ์ที่ปลูกและคุณภาพการผลิต
- ทุเรียน การเพาะปลูกทุเรียนในมาเลเซียมีพันธุ์ที่นิยมปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ 7 ชนิด ดังนี้
1.พันธุ์ D24
2.พันธุ์ D99 (กบ)
3.พันธุ์ D123 (ชะนี)
4.พันธุ์ D145 (Berserah Durian/Mek Durian/Green Durian)
5.พันธุ์ D158 (ก้านยาว)
6.พันธุ์ D159 (หมอนทอง)
7.พันธุ์ D169
- มังคุด การเพาะปลูกมังคุดมี 2 ชนิดคือ พันธุ์ จีเอ1 และพันธุ์ จีเอ2
- เงาะ การเพาะปลูกเงาะมีอยู่ 7 พันธุ์ด้วยกัน
1.พันธุ์ R134
2.พันธุ์ R156
3.พันธุ์ R162
4.พันธุ์ R167
5.พันธุ์ R170
6.พันธุ์ R191
7.พันธุ์ R193
-สับปะรด การเพาะปลูกสับปะรดมี 3 พันธุ์คือ
1.Sarawak
2.Gandol
3. Mauritius
1.2.ต้นทุนการผลิต
- ทุเรียน(ตลอดเวลา 25 ปี) ต้นทุนการผลิตรวมต่อเฮกตาร์อยู่ที่ RM 90,000 (คิดจากพันธุ์ D24ที่นิยมปลูกมากที่สุด)
- มังคุด(ตลอดเวลา 25 ปี) ต้นทุนการผลิตรวมต่อเฮกตาร์อยู่ที่ RM 88,154
- เงาะ(ตลอดเวลา 25 ปี) ต้นทุนการผลิตรวมต่อเฮกตาร์อยู่ที่ RM 56,356
- สับปะรด(ตลอดเวลา 28 เดือน) ต้นทุนการผลิตรวมต่อเฮกตาร์อยู่ที่ RM 6,900
2.การส่งออก
ในระยะช่วงที่ผ่านมา มาเลเซียส่งออกผลไม้สดไปต่างประเทศลดลง โดยปี 2550 ส่งออก 76.26 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปี 2549 ซึ่งมีมูลค่า 80.18 ล้านเหรียญสหรัฐฯประมาณ ร้อยละ4.88 ผลไม้ที่ส่งออกหลัก ได้แก่ มะละกอ ทุเรียน สับปะรด กล้วย โดยตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์
3. การนำเข้า
มาเลเซียนอกจากเป็นประเทศผู้ส่งออกผลไม้สดไปจำหน่ายยังต่างประเทศแล้ว ยังเป็นประเทศผู้นำเข้าจากต่างประเทศด้วย มูลค่าการนำเข้านั้นก็มีแนวโน้มที่สูงขึ้นทุกปี กล่าวคือ มูลค่าการนำเข้าปี 2550 เท่ากับ 176.53 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ซึ่งมีมูลค่า 144.36 ล้านเหรียญสหรัฐประมาณ ร้อยละ 22.29 ผลไม้ที่นำเข้าส่วนใหญ่นั้นเป็นผลไม้เมืองหนาวที่มาเลเซียผลิตเองไม่ได้ ซึ่งได้แก่ แอปเปิ้ล ส้มซันควิส แพร์ พีช พรุน องุ่น ประเทศนำเข้าที่สำคัญคือ จีน สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้และออสเตรเลีย ตามลำดับ
สำหรับผลไม้เมืองร้อนที่นำเข้าสำคัญของประเทศมาเลเซียเช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด สับปะรดนั้นมีปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี กล่าวคือ มูลค่าการนำเข้าปี 2550 เท่ากับ 22.46 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ซึ่งมีมูลค่า 16.62 ล้านเหรียญสหรัฐประมาณ ร้อยละ 35.15 ทุกปี เช่นเดียวกัน โดยผลไม้ที่นำเข้าส่วนใหญ่มาจากประเทศไทยและอินโดนีเซีย
4. รสนิยมการบริโภค ราคาจำหน่ายปลีกและช่วงเวลาการนำเข้า
โดยปกติคนมาเลเซียนิยมบริโภคผลไม้สดที่มีรสอมหวาน ไม่ชอบผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว การบริโภคผลไม้บางอย่างจะแตกต่างจากไทย เช่น ทุเรียนนิยมรับประทานสุกเต็มที่ รสหวานจัดออกขมเล็กน้อย ไม่นิยมรับประทานทุเรียนกับข้าวเหนียว
คนมาเลเซียมักจะเป็นคนพิถีพิถันในการจับจ่ายใช้สอย การซื้อสินค้าจะพิจารณาราคาและคุณภาพควบคู่กันไป เชื่อว่าผลไม้ไทยจะมีลู่ทางการตลาดดีได้
ช่วงเวลานำเข้าและราคาขายปลีกผลไมไทยที่สำคัญมีดังนี้
- ทุเรียน
พันธุ์ชะนี นำเข้าในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม ราคาขายปลีก 3.50-5.00 RM/Kg
พันธุ์กะดง นำเข้าในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม ราคาขายปลีก 3.50-5.00 RM/Kg
พันธุ์โพธิ์มณี นำเข้าในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม ราคาขายปลีก 5.00 RM/Kg
พันธุ์ก้านยาว นำเข้าในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม ราคาขายปลีก 7.00 RM/Kg
- ลำไย นำเข้าในช่วงเดือน กรกฎาคม-กันยายน
ขนาดเล็ก ราคาขายปลีก 4.50 RM/Kg
ขนาดใหญ่ ราคาขายปลีก 5.00-6.00 RM/Kg
- เงาะ นำเข้าในช่วงเดือน เมษายน-มิถุนายน ราคาขายปลีก 5.50 RM/Kg
- มังคุด นำเข้าในช่วงเดือน เมษายน-มิถุนายน ราคาขายปลีก 5.90 RM/Kg
5. มาตรการนำเข้า อัตราภาษี ข้อกีดกันทางการค้า
สำหรับการนำเข้าผลไม้สดจากต่างประเทศของประเทศมาเลเซียนั้น ต้องมีใบอนุญาตนำเข้า และเมื่อผลไม้มาถึงมาเลเซียแล้วเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียจะดำเนินการตรวจสอบสารเคมีตกค้างตามพระราชบัญญัติ Food Act อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะผลไม้สดที่มีปริมาณสารตกค้างทั้งที่ผิวเปลือกและของเนื้อไม้ ฉะนั้น ผู้ส่งออกควรระมัดระวังเรื่องสารเคมีตกค้างที่มากเกินไปจนทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค เพราะหากมีการตรวจพบ จะไม่ให้นำเข้าสู่ตลาดมาเลเซียอีกเลย
อัตราภาษีการนำเข้าสำหรับประเทศอาเซียนสามารถแจกแจงได้ดังนี้
- ทุเรียน ภาษีขาย 5% อัตราภาษี CEPT 20% ของมูลค่าการนำเข้า(C.I.F)
- เงาะ ภาษีขาย 5% อัตราภาษี CEPT 70% ของมูลค่าการนำเข้า(C.I.F)
- สับปะรด ภาษีขาย 5% อัตราภาษี CEPT 80% ของมูลค่าการนำเข้า(C.I.F)
- มังคุด ภาษีขาย 5% อัตราภาษี CEPT 40% ของมูลค่าการนำเข้า(C.I.F)
6. โอกาสทางการค้าของไทย
ผลไม้ไทยเป็นที่นิยมของชาวมาเลเซีย แต่เนื่องจากรัฐบาลมาเลเซียยังคงเก็บภาษีการขายและภาษีนำเข้า ทำให้ต้นทุนของสินค้าสูงขึ้นมีผลต่อราคาที่สูงกว่าผลไม้ท้องถิ่น อย่างไรก็ตามราคาเพียงอย่างเดียวไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ชาวมาเลเซียตัดสินใจไม่เลือกซื้อผลไม้ไทย เนื่องจากชาวมาเลเซียมีระดับรายได้เฉลี่ยสูงกว่าคนไทยเกือบเท่าตัว ดังนั้นหากมีการวางแผนระยะยาวและทำประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง จะทำให้ผู้บริโภครับรู้และเห็นความแตกต่างระหว่างผลไม้ไทยและผลไม้ท้องถิ่นซึ่งจะเป็นการอาศัยประโยชน์จากราคาที่สูงกว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์และแบ่งชั้นระหว่างผลไม้ไทยและผลไม้ท้องถิ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งในระยะยาวอาจจะมีผลต่อการเปลี่ยนรสนิยมของผู้บริโภคให้หันมารับประทานผลไม้ไทยมากขึ้น
----------------------
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์
มิถุนายน 2551
ที่มา: http://www.depthai.go.th