นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงการค้าระหว่างไทย-ยุโรปในช่วงมกราคม — พฤษภาคม 2551 ว่า มีปริมาณการค้าระหว่างกัน 6.22 แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.40 โดยแบ่งเป็นการส่งออก 3.49 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.43 นำเข้าคิดเป็นมูลค่า 2.73 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 27.38 โดยไทยได้ดุลการค้า 75,711 ล้านบาท ทั้งนี้เฉพาะกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) 27 ประเทศ ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่าการค้ารวม 3.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2550 ร้อยละ 3.13
สินค้าส่งออกสำคัญได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ คิดเป็นมูลค่า 44,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.14 อัญมณีและเครื่องประดับ 30,538 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.71 เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 22,370 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.14 รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 17,047 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 34.87 เสื้อผ้าสำเร็จรูป 11,637 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.36
สินค้าที่มีลู่ทางการการค้า อาทิ ไก่แปรรูป ส่งออก 9,425 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 62.39 เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักร 8,262 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.09 ข้าว ส่งออก7,541 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 118.6 เคมีภัณฑ์ 6,469 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 68.91
สำหรับสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ มูลค่า 32,957 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 120.48 เครื่องจักรกลและส่วนประกอบมูลค่า 30,991 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 24,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.38 เคมีภัณฑ์ 23,224 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.33 เครื่องจักรไฟฟ้า 15,739 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.07 เป็นต้น
“ภาพรวมการการค้าในช่วง 6 เดือนแรก(มกราคม — มิถุนายน 2551 ) ซึ่งจะมีการแถลงในช่วงสัปดาห์หน้า เชื่อว่าการค้าในยุโรปยังขยายตัวได้ดี ส่วนตัวเลขส่งออกภาพรวม ยังไม่ทราบว่าการจะทำสถิติมูลค่าส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกหรือไม่ แต่ล่าสุดเท่าที่ได้หารือกับผู้ผลิต และผู้ส่งออกสินค้ารายการสำคัญๆ ได้รับคำตอบว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าหลายๆ รายการจะมีการส่งออกขยายตัวได้เกินไปกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้เป้าหมายภาพรวมทั้งปีทำได้ตามเป้าแน่นอนร้อยละ 12.5 ส่วนจะเกินไปกว่าเป้าหมายเท่าใดนั้น ต้องคอยติดตามดูกันต่อไปว่า จะฝ่าความวิตกกังวล ปัญหาน้ำมันแพง ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลายๆ ประเทศตกต่ำได้หรือไม่” นายราเชนทร์ กล่าว
ที่มา: http://www.depthai.go.th