ตลาดของขวัญของแต่งบ้านอิตาลี

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 22, 2008 15:10 —กรมส่งเสริมการส่งออก

          งานแสดงสินค้าของขวัญของตกแต่งบ้านที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของอิตาลี คือ Macef Autumn (www.macef.it) ระหว่างวันที่ 5-8 กันยายน 2008 ใกล้เข้ามาแล้ว อีกทั้งยังตรงกับงานอื่นในยุโรป เช่น Maison Object ในฝรั่งเศส ส่วนประเทศในเอเชีย ก็จะมีการจัดงานที่เกี่ยวข้องกับสินค้าดังกล่าวในช่วงเดือนตุลาคม เช่น งานฯ Big/Bih, Hong Kong Gift & Premium Fair หรือ Cantonfair เป็นต้น สคต.โรม เห็นว่าช่วงเดือนกันยายนเป็นเวลาแห่งการจัดซื้อสินค้าเพิ่มเติมของร้านค้าในอิตาลี เพื่อรองรับเทศกาลช่วงปลายปี และงานแสดงสินค้าในเอเชียเดือนตุลาคม ก็สำหรับผู้นำเข้าอิตาลีที่เดินทางไปหาสินค้าใหม่สำหรับปีต่อไป จึงได้รวบรวมข้อมูลตลาดสินค้าของขวัญของแต่งบ้านอิตาลี ซึ่งอาจใช้เป็นฐานข้อมูลในการผลิตสินค้าของผู้ประกอบการไทย และหากสนใจมาเยี่ยมชมงานฯ ก็สามารถเตรียมตัวได้ทัน ซึ่งการมาเยี่ยมชมงานฯ จะได้เข้าใจตลาดอิตาลี และแนวโน้มสินค้ามากขึ้น
สถานการณ์ตลาดสินค้าของขวัญของแต่งบ้านเกี่ยวพันกับสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเป็นปัจจัยทางตรงในการกำหนดมูลค่าการใช้จ่ายของผู้บริโภค ส่วนปัจจัยทางอ้อม เศรษฐกิจมีผลในการกำหนดความพึงพอใจในการซื้อสินค้า
เศรษฐกิจของอิตาลีปีปัจจุบันขยายตัวคงที่ ผลกระทบแบบลูกโซ่จากการขึ้นราคาน้ำมันอย่างไม่หยุดยั้งทำให้เกิดเงินเฟ้อสูง สินค้าราคาแพงขึ้น ผู้บริโภคจึงต้องรัดเข็มขัด ระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น และมาตรการเบื้องต้นคือ หลีกเลี่ยงการซื้อของไม่จำเป็นเร่งด่วน หรือซื้อของราคาถูกลง ของขวัญของแต่งบ้านจึงเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ผู้ผลิตผู้ส่งออกไทยจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจ รับมือกับ
ความผันแปรของเศรษฐกิจและการแข่งขันของประเทศคู่แข่งให้ทันท่วงที โดย สคต.โรม ได้รวบรวมข้อมูลสินค้าของขวัญของตกแต่งบ้าน ดังนี้
1. การผลิตสินค้า สิ่งที่ต้องคำนึงถึง ได้แก่
- หาวิธีลดต้นทุนการผลิต พยายามคงราคาเดิม หรือขึ้นเพียงจำเป็น โดยต้องตรวจสอบราคาของประเทศคู่แข่งด้วย หาทางใช้วัตถุดิบตามธรรมชาติที่ประเทศไทยหาได้ง่ายและราคาถูก และยังเหมาะกับยุครณรงค์ต้านโลกร้อนมาประยุกต์ใช้แทนวัตถุดิบสังเคราะห์ที่ราคาแพงกว่า นอกจากนี้ สินค้าประเภท Hand Made จากวัตถุดิบธรรมชาติหลายชนิด ผู้นำเข้าอิตาลีไม่เสียภาษีศุลกากร เช่น ไม้ กระดาษ เหล็ก เป็นต้น และผู้บริโภคอิตาลีปัจจุบันตื่นตัวกับการอนุลักษณ์สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง สินค้าจากวัสดุทางธรรมชาติจึงเป็นแนวโน้มตลาดที่กำลังขยายตัวและยังมีอนาคตที่สดใส
- เพิ่มประโยชน์ใช้สอยให้สินค้า เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่าย แต่ต้องรักษาความสมดุลย์ของรูปแบบไว้ด้วย ให้มีความสวยงามและใช้การได้ดี ควรมีขนาดกระทัดรัด เนื่องจากที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นอพาตเม้นท์ มีพื้นที่ใช้สอยน้อย อาจหารูปแบบที่แตกต่างจากรูปทรงทั่วไปที่ใช้ๆกันอยู่อย่างทรงกลมและเหลี่ยม โดยใช้รูปทรงรีทรงหลายเหลี่ยม ทรงไข่หรือรูปร่างแปลกๆที่เกิดตามธรรมชาติเช่น หยดน้ำ ใบไม้หิน ดอกไม้ท่อนไผ่ใบไม้
เป็นต้น หรือนำเอาสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาตกแต่งสินค้า
2. ธรรมเนียมนิยมและรสนิยม
การรู้จักธรรมเนียมนิยม (อยู่คู่สังคมเสมอมา) และรสนิยมของตลาด (ของช่วงเวลาหนึ่ง) จะทำให้ผลิตสินค้าได้ตามความต้องการของตลาดและอย่างมีเป้าหมายมากขึ้น สำหรับผู้บริโภคชาวอิตาลีนั้นนิยมสินค้ารูปแบบเรียบง่าย ทันสมัย และคลาสิค ไม่ควรใส่ลวดลายและสีสรรหลายหลากเกินไปในสินค้าชิ้นเดียว ควรเน้นการออกแบบที่มีรูปทรงแปลกๆ แนวโน้มสินค้าส่วนหนึ่งมาจากสินค้าแฟชั่นในช่วงเวลานั้น โดยเฉพาะอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านแฟชั่น มักเป็นที่สนใจของผู้ผลิตสินค้าต่างๆในการนำแนวโน้มรูปแบบหรือสีไปประยุกต์ใช้ผลิตสินค้า ดังนั้น
- ศึกษาธรรมเนียมนิยมทั่วไปในการให้ของขวัญและการใช้เครื่องใช้ในครัวเรือนและของแต่งบ้านของแต่ละประเทศ ได้แก่ ธรรมเนียมการจัดโต๊ะอาหาร การใช้เครื่องใช้ในบ้าน วิธีการแต่งห้องหรืออุปกรณ์ตกแต่งบ้านการใช้สี เช่น ชุดเครื่องปรุงสลัด ชามช้อนคนสลัด จานพิซซ่า Platemat แก้วประเภทต่างๆ กล่องเก็บขนมปัง เนยแข็ง ชุดกาแฟ ถังแช่ไวน์ขาว เป็นต้น ซึ่งจะแตกต่างกันบ้างในแต่ละประเทศ ถึงแม้เพื่อประโยชน์ใช้สอยเดียวกันเหล่านี้เป็นของใช้ที่ใช้ในครัวเรือนของคนยุโรปทั่วไป โดยสามารถค้นคว้าทาง internet ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถหาข้อมูลได้รวดเร็วและกว้างขวาง นอกจากนี้ ควรสอบถามจากลูกค้า หรือการเดินทางไปชมงานแสดงสินค้าที่สำคัญและที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการออกแบบสินค้า หรือในประเทศที่ต้องการส่งออกสินค้า
- ศึกษาข้อมูลเทศกาลและวันหยุดของประเทศคู่ค้า ว่ามีการให้ของขวัญ ของที่ระลึกที่เฉพาะ เจาะจงหรือไม่ และเป็นสินค้าประเภทไหน เช่น วันแม่ ของแต่ละประเทศก็ไม่ตรงกัน ของขวัญที่ใช้ก็ไม่เหมือนกัน เป็นต้น
- ศึกษาค่าครองชีพและกำลังซื้อของผู้บริโภค เพื่อผลิตสินค้าให้มีราคาเหมาะสมเป็นที่ยอมรับของตลาดซึ่งจะทำให้ขายสินค้าได้ง่ายขึ้น
- ศึกษาความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันหันไปนิยมให้ของขวัญที่เกี่ยวกับอิเลคทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็สามารถผลิตสินค้าเสริมที่สามารถนำไปใช้คู่กันได้และที่ควรจะให้ความใส่ใจด้วยคือ กฎระเบียบการนำเข้าของสินค้าของประเทศลูกค้าด้วย เช่น ข้อห้ามของวัตถุดิบ เช่น ไม้ ต้องผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้ออย่างไร หรือการติดฉลาก ต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง สิ่งเหล่านี้ สามารถสอบถามจากลูกค้า บริษัทขนส่งสินค้า หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องของประเทศผู้นำเข้า
3. เทศกาลการให้ของขวัญและของตกแต่งบ้าน
เทศกาลสากลและงานเลี้ยงเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษต่างๆ ในอิตาลีนับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ตลาดสินค้าของขวัญของแต่งบ้านคงอยู่ต่อไป หากไม่มีสิ่งเหล่านี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการซื้อ ตลาดสินค้าเหล่านี้คงจะซบเซาและต้องปิดตัวลงไปตามกระแสเศรษฐกิจ การให้ของคนมีเป้าหมาย 2 ประการ คือ ให้เพราะเป็นหน้าที่และให้เพราะความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการให้แบบใดก็ตาม การให้และการรับเป็นสิ่งที่ดีงามคู่สังคมมนุษย์เสมอมา ทำให้เกิดความสุขใจ และเป็นการกระชับความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองฝ่ายอิตาลียังยึดถือการเฉลิมฉลองและนิยมให้ของขวัญของชำร่วย และของแต่งบ้าน ดังนี้
เทศกาลสากล
- วันแม่มดหรือวันเด็ก (6 มกราคม) เป็นการให้เด็กโดยเฉพาะ โดยมีประเพณีเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนใหญ่ให้ลูกกวาดและของเล่น สินค้าที่ตลาดต้องการ ได้แก่ ไม้กวาด และตุ๊กตาแม่มดขี่หรือถือไม้กวาด จะนิยมมีถุงใส่ลูกกวาดด้วย สำหรับใส่ลูกกวาดให้เด็ก ส่วนของเล่นก็เป็นอีกทางเลือก แต่ลูกกวาดจะเหมาะกว่า เนื่องจากช่วงห่างจากเทศกาลคริตมาสไม่มาก และเด็กๆก็จะได้รับของขวัญเป็นของเล่นกันก่อนแล้ว ส่วนไม้กวาด(ด้ามจิ๋ว)นิยมให้กันตามความเชื่อที่ว่าจะช่วยปัดความไม่ดีออกจากบ้านทิ้งไป
- วันผู้หญิง (8 มีนาคม) ส่วนใหญ่เป็นการให้ระหว่างเพื่อนร่วมงานกัน เป็นการแสดงความเคารพแก่สตรีดอกไม้ที่ใช้เป็นสัญลักษณ์และมอบให้กันคือ ดอกมิโมซ่า สีเหลืองสด ซึ่งเป็นดอกไม้ตามฤดูกาลที่ออกดอกช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น หากไม่ให้ดอกไม้ดังกล่าว อาจเป็นของอะไรก็ได้สำหรับผู้หญิง แต่มักให้สิ่งของที่มีสีเหลืองและเป็นของใช้ในสำนักงาน
- วันพ่อ (19 มีนาคม) วันที่ลูกๆจะให้ของขวัญแสดงความกตัญญูต่อบิดา มักเป็นเครื่องใช้สำนักงาน เช่น ปากกา กระเป๋าใส่เอกสาร พวงกุญแจ หรือของใช้ส่วนตัว เช่น เสื้อผ้า เน๊คไท เป็นต้น หรืออาจแสดงออกด้วยวิธีอื่น เช่น พาพ่อไปทานข้าวนอกบ้าน ดูหนัง เป็นต้น
- วันอีสเตอร์ (เดือนเมษายน) เป็นการให้ในวงกว้าง เช่น นายจ้างให้ลูกจ้าง ให้เพื่อนบ้าน ญาติ ฯลฯ ถ้าเป็นการให้เพื่อหน้าที่ จะให้เสมือนของขอบคุณ เป็นขนมเทศกาล ชื่อ Colomba เป็นชื่อนกพิราบ สัญลักษณ์ของสันติภาพ ส่วนเด็กๆของขวัญจะเป็นของเล่นซ่อนในไข่ช๊อคโกแล๊ต ที่เด็กๆจะตื่นเต้นมากในวันอิสเตอร์ เพื่อทายว่าจะได้ของเล่นอะไรเป็นของขวัญ
- วันแม่ (วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคม) วันที่ลูกๆจะให้ของขวัญแสดงความกตัญญูต่อมารดา มักเป็นดอกไม้หรือต้นไม้ อะไรก็ได้ไม่เจาะจง หรือของใช้ส่วนตัว เช่น เครื่องประดับ ผ้าพันคอ น้ำหอม กระเป๋าเป็นต้น หรือของใช้ในครัวที่เห็นว่าคุณแม่จะใช้ประโยชน์ได้
- วันคริสต์มาส (25 ธันวาคม) เป็นเทศกาลที่ทุกคนต้องหาของขวัญ ต้องให้อย่างน้อยคนสนิทและใกล้ตัวได้แก่ พ่อ แม่ ลูก พี่น้อง และยังยึดถือการให้อย่างเหนียวแน่น จึงเป็นเทศกาลที่ทำให้สินค้าของขวัญของแต่งบ้านจำหน่ายได้ดีที่สุดในช่วงใกล้เทศกาลดังกล่าว การให้ของจะนิยมให้ของดี ไม่เกี่ยงเรื่องราคามากนัก เพราะถือว่าปีละครั้ง แต่ละคนมีของขวัญต้องให้อย่างน้อยสุด 3-4 ชิ้น เมื่อนึกถึงจำนวนประชากร ก็สามารถมองเห็นว่าเทศกาลดังกล่าว เป็นเทศกาลผลักดันเศรษฐกิจ กระตุ้นการจับจ่ายได้อย่างแท้จริง เด็กๆมักได้ของเล่น ส่วนผู้ชายส่วนใหญ่จะให้เครื่องประดับอัญมณีแก่ผู้หญิงที่ตนรัก เป็นของขวัญ
- วันปีใหม่ (1 มกราคม) นิยมให้ของขวัญในหมู่เพื่อนฝูงและเพื่อนร่วมงาน เป็นของแสดงน้ำใจเล็กน้อยมูลค่าไม่สูงมาก เศรษฐกิจไม่ดี การให้สำหรับคนกลุ่มนี้ก็ลดลง เลือกให้เฉพาะคนสนิท และของราคาไม่แพงนักงานเฉลิมฉลองที่นิยมเชิญแขก จัดงานเลี้ยงรื่นเริง และมีการให้ของขวัญของชำร่วย
- วันแต่งงาน ซึ่งคู่กับการให้ของชำร่วย มักเป็นของเล็ก ราคาไม่แพงมาก และจะมีเรื่องของกล่องหรือถุงสำหรับใส่ของชำร่วย ดอกไม้ประดับกล่องฯ ซึ่งเป็นสินค้าบรรจุภัณฑ์ที่ทำตลาดได้ดี
- วันเกิด ของที่ให้ขึ้นอยู่กับอายุ และเพศ ของผู้จัดวันเกิด
- วันเข้าเป็นคริสศาสนิกชน (Baptism) ของขวัญของชำร่วย ก็เช่นเดียวกับเทศกาลแต่งงาน แต่ของขวัญจะเน้นของเล็ก น่ารัก เหมาะกับเทศกาลเด็ก
- วันครบรอบแต่งงาน 25 ปี (เครื่องประดับเงิน) / 50 ปี (เครื่องประดับทอง) / 60 ปี (เครื่องประดับเพชร)มักทำพิธีมิซซาในโบสถ์ และสามีจะให้ของขวัญแก่ภรรยา ทำจากเงิน ทอง หรือเพชร ขึ้นอยู่กับจำนวนการครบรอบปีแต่งงาน
4. ช่องทางการจำหน่ายสินค้าของขวัญของแต่งบ้าน
1. ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่อย่าง Hypermarket Carrefour หรือ Auchan ที่จำหน่ายสินค้า non food ด้วยในส่วนของสินค้าของขวัญของแต่งบ้าน เป็นการค้าเน้นปริมาณมาก ราคาถูก คุณภาพต่ำถึงปานกลาง ห้างฯ ประเภทนี้ยังไม่แพร่หลายในอิตาลี และสินค้าของขวัญของแต่งบ้านเป็นเพียงส่วนเล็กเมื่อเทียบกันสินค้าอาหารอย่างไรก็ตาม อิตาลีไม่ใช่ตลาดที่นิยมสินค้าราคาถูก โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพ แต่เลือกสินค้าที่มีคุณภาพดี ถึงจะแพงขึ้นก็ตาม
2. จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ซึ่งในอิตาลีมีเพียง3 ห้างที่เป็นที่รู้จักทั่วไปได้แก่ ห้างฯ La Rinascente www.rinascente.it), Coin (www.coin.it) และ Upim (www.upim.it) เสื้อผ้าเป็นสินค้าหลัก สินค้าของใช้ในครัวเรือนและของขวัญของแต่งบ้านมีเป็นส่วนน้อย และมีการจัดมุมของขวัญเฉพาะช่วงเทศกาลปลายปี เน้นสินค้าคุณภาพดี ราคาปานกลาง-สูง จำหน่ายสินค้า Brand ดังของอิตาลีและยุโรป ห้างทั้งสามนำเข้าสินค้าไทยเป็นครั้งคราว
3. ร้านค้าเฉพาะมี 3 แบบ ได้แก่
- ร้านค้าขนาดใหญ่มีสาขาหลายแห่ง เช่น Gran Casa (www.grancasa.it), Mercato Uno (www.mercatoneuno.com), Mondo Convenienza (www.mondoconv.it) จำหน่ายสินค้าของขวัญ ของแต่งบ้านเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กและเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย พื้นที่ประมาณ 1,000-3,000 ตารางเมตร สินค้าราคาปานกลาง-ถูกรูปแบบและคุณภาพทั่วไป นิยมเปิดพื้นที่ขายแบบโกดังขนาดใหญ่ บริเวณชานเมือง
- ร้านค้าประเภท Franchising เช่น Pasquinucci (www.pasquinucci.com), Viceversa (www.viceversa.com), Thun (www.thun.com), C’ART (www.c-art.it), เป็นต้น เนื้อที่ประมาณ 150-200 ตารางเมตร สินค้ามีการคัดเลือกรูปแบบและคุณภาพ ราคาปานกลาง-สูง นิยมเปิดร้านบริเวณตัวเมืองชั้นในของแต่ละเมือง
- ร้านค้าเดี่ยวเจ้าของดำเนินการเองไม่มีสาขา มักอยู่ในตัวเมือง สินค้ามีการคัดเลือกรูปแบบและคุณภาพราคาปานกลาง-สูง มักจำหน่ายสินค้าของใช้ในครัวเรือนและของแต่งบ้านที่หาไม่ได้ทั่วไป เน้นการบริการที่เป็นกันเอง การเอาใจใส่ของเจ้าของกิจการ ร้านค้าประเภทยังดำเนินกิจการได้เพราะมีลูกค้าประจำมากร้านค้าในข้อ 3 นี้ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าคุณภาพปานกลาง-ดี ราคาปานกลาง-สูง ไม่เน้นขายปริมาณ กลุ่มลูกค้าเป็นผู้บริโภคที่มีฐานะดี ปัจจุบันของขวัญของแต่งบ้านจำหน่ายได้ดีในช่วงเทศกาลเท่านั้น ทำให้ต้องปรับตัวโดยหันมาจำหน่ายของใช้ในครัวเรือนควบคู่ด้วย นอกจากนี้ หันมาให้บริการอื่นๆ เช่น จัดหาของชำร่วยและของขวัญวันแต่งงาน วันพิธี Baptism ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าอีกทาง
4. จำหน่ายตามตลาดนัด ซึ่งเป็นการจำหน่ายสินค้าที่เน้นจำหน่ายปริมาณมาก ราคาถูก สินค้าคุณภาพไม่ดีนัก มักเป็นสินค้าอุตสาหกรรมมากกว่าหัตถกรรม เน้นสินค้าที่มีความคงทนสูง เช่น สินค้าทำจาก พลาสติก โลหะไม้ เป็นต้น สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าจีน อินเดีย ตูนิเซีย โมรอคโก เป็นต้น
5. จำหน่ายโดยคนต่างชาติที่เข้ามาอาศัยในอิตาลี และจำหน่ายสินค้าของประเทศต้นกำเนิด เช่น ชาวจีนส่วนใหญ่ค้าส่ง ชาวโมรอคโกและตูนีเซียค้าแบบแผงลอยตลาดนัด คนไทยยังมีจำนวนไม่กี่รายที่นำเข้าและกระจายสินค้าเอง
6. จำหน่ายผ่านทางอินเตอร์เนต ซึ่งกำลังเป็นช่องทางจำหน่ายที่ขยายตัวดีและต่อเนื่อง
7. จำหน่ายตามร้านค้าราคาเดียวทั้งร้าน เน้นสินค้าปริมาณมาก ราคาถูก และคุณภาพต่ำ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากจีน และมักเป็นสินค้าลอกเลียนแบบ เช่น Euro Shop (www.1-euro-shop.com), NineTNine (www.cent-shop.com) (ดูรูปตัวอย่างร้าน Tutto 1 Euro ประกอบ)
ร้านค้าแบบราคาเดียวทั้งร้าน เช่น Tutto 1 Euro เป็นร้านแบบ Franchising ที่มีสาขาแล้วกว่า 100 แห่งทั่วอิตาลีพื้นที่ประมาณ 100-200 ตารางเมตร ร้านค้าประเภทนี้กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ลักษณะเดียวกับร้าน Daiso ที่เมืองไทย
5. การผลิตสินค้า — ปัจจัยด้านราคา
เศรษฐกิจยุโรปในปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ไม่ดี หลายประเทศประสบปัญหาเศรษฐกิจไม่ขยายตัว ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น จึงต้องคำนึงถึงความจำเป็นและขีดความต้องการของสินค้าในตลาด ราคาจึงต้องเหมาะสม แข่งขันได้ ถึงแม้บางช่วงจำเป็นต้องปลับราคาลงเพื่อให้สามารถขายสินค้าได้ ก็ต้องยอมตามกระแสเศรษฐกิจบ้าง
1. หากสามารถตั้งราคามาตรฐานเดียวสำหรับลูกค้าทุกประเทศก็จะง่ายต่อการดูแลลูกค้า แต่ถ้าจำเป็นต้องตั้งราคาตามความเหมาะสมและค่าครองชีพของแต่ละตลาด ก็ต้องระวังการรั่วไหลของข้อมูล
2. ราคาสินค้าต้องเหมาะสมกับตลาด หากเป็นการเจาะเฉพาะกลุ่มตลาด ต้องดูค่าครองชีพ และรายได้เฉลี่ยของประชากร
3. ตรวจสอบราคาของประเทศคู่แข่ง เพื่อเป็นประโยชน์ในการตั้งราคา ไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป
6. พฤติกรรมของผู้บริโภค
1. อายุและเพศ ก็เป็นตัวชี้บ่งพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของผู้ซื้อแต่ละกลุ่ม กลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการของขวัญของแต่งบ้านมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มคนทำงานที่มีครอบครัวแล้ว มีรายได้เป็นของตนเอง มีการสังสรรสมาคมในสังคมค่อนข้างมาก จึงมีความต้องการซื้อและกำลังซื้อมีมากกว่าวัยอื่น
2. สภาพสังคมและเศรษฐกิจที่มีผลต่อการตัดสินใจของบริโภค สภาพสังคมมีผลต่อการซื้อสินค้าที่เป็นธรรมเนียมนิยม หรือจำเป็นต้องใช้ ส่วนสภาพเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าโดยดูเรื่องราคาเป็นสำคัญ
3. ความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการเลือกซื้อสินค้า ปัจจุบันสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาดกลางและล่างมากขึ้น ก็ยิ่งเป็นการตอบรับความซบเซาของเศรษฐกิจและค่อยๆเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเลือกซื้อของถูกลง ใช้งานระยะสั้น คุณภาพและความคงทนน้อยลง แต่ซื้อบ่อยตามแฟชั่นนิยม
7. ความสำคัญของบรรจุภัณฑ์
1. บรรจุภัณฑ์สามารถใช้เสริมสร้างมูลค่าให้กับสินค้าได้เป็นอย่างดี จึงควรให้ความสำคัญและนำเอาบรรจุภัณท์มาช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้สินค้า โดยออกแบบให้มีความโดดเด่น น่าสนใจ เข้าใจง่าย และต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่าย ที่จะไม่ทำให้สินค้ามีราคาแพงเพราะบรรจุภัณฑ์
2. ความจำเป็นในการมีบรรจุภัณฑ์ นอกจากประโยชน์โดยตรงในการป้องกันการเสียหายให้สินค้าระหว่างขนส่งไม่ให้สินค้าแตกหักแล้ว ยังสามารถใส่รายละเอียดและข้อมูลสินค้าเสมือนเป็นฉลากสินค้าได้อีกด้วย
3. ข้อมูลที่ควรใส่บนบรรจุภัณฑ์สินค้าของแต่งบ้านที่นำเข้ามาในอิตาลี บนบรรจุภัณท์อย่างน้อยจะต้องมีชื่อบริษัทผู้นำเข้าและ ประเทศผู้ผลิต ประเภทการใช้งานของสินค้า ข้อมูลอื่นที่ควรมี ได้แก่ วัตถุดิบ วันผลิต หรือ BarCode เป็นต้น การใส่ข้อมูลบนบรรจุภัณฑ์ดูสวยงามกว่าการใช้ฉลากติด ซึ่งมักลอกออกยาก และอาจทำให้สินค้าเป็นรอยได้
4. ควรเลือกรูปแบบและขนาดบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสินค้า ไม่ใหญ่เกินไปจนเปลืองพื้นที่ มีความคงทนตามลักษณะของการเอาไปใช้งาน สะดวกในการจัดเก็บและขนย้าย
งานแสดงสินค้าของขวัญของแต่งบ้าน (Trade Fair only) ในอิตาลี
1. MACEF (www.macef.it) ณ ศูนย์แสดงสินค้าเมืองมิลาน
2. COLLEZIONECASA (www.collezionecasa.com) ณ ศูนย์แสดงสินค้าเมือง Viterbo
3. VEBO (www.casainfiera.com) ณ ศูนย์แสดงสินค้าเมือง Napoli
4. EXPOREGALO (www.fieradellevante.com) ณ ศูนย์แสดงสินค้าเมือง Bari
5. GIFT FAIR (www.emil.it) ณ ศูนย์แสดงสินค้าเมือง Taormina
นิตยสารสินค้าของขวัญของแต่งบ้านของอิตาลี
1. ARTEREGALO (www.edizionifieramilano.it)
2. ARTICOLI CASALINGHI (www.edizionifieramilano.it)
3. ARTIGIANATO (www.artigianartedesign.it)
4. BOMBONIERA ITALIANA (www.emil.it)
5. CASASTILE (www.casastile.net)
6. DA’ (www.emil.it)
7. EMPORIUM (www.emil.it)
8. INCARTOLERIA (www.bema.it)
9. GIFT TRADER (www.emil.it)
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโรม
Upload Date : สิงหาคม 2551
ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ