ข้อมูลนิคมอุตสาหกรรม (Industrial district) ประเทศอิตาลี
1. ความเป็นมา
วิวัฒนาการของบริษัทขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ของอิตาลี เป็นรากฐานสำคัญของโครงสร้างการผลิตและพัฒนาจนกลายเป็นนิคมอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ (Industrial district) ในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ซึ่งหมายถึงการรวมตัวกันของชุมชนหนึ่งหรือหลายชุมชนใกล้เคียงที่มีการผลิตหรือการค้าสินค้าประเภทเดียวกัน นิคมอุตสาหกรรมอิตาลีประกอบด้วยผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กจำนวนมากและเป็นระบบที่สร้างความแข็งแกร่งและความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจอิตาลีมานานแล้ว เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว
หลายประเทศศึกษารูปแบบนิคมอุตสาหกรรมอิตาลี และนำไปเป็นแบบอย่างในการสร้างและพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศตน เนื่องจากเศรษฐกิจของนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งประสบความสำเร็จสูง สคต.โรม เห็นว่า ข้อมูลดังกล่าว จะทำให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจความเป็นมาของการผลิตและแหล่งสินค้าในอิตาลี และจะเป็นประโยชน์ในการนำไปวางแผนหรือติดต่อธุรกิจกับอิตาลีให้ตรงเป้าหมายยิ่งขึ้นต่อไป
ในยุคของโลกาภิวัฒน์ นิคมอุตสาหกรรมอิตาลีหลายแห่งก็ปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและการค้าโลก ไม่ได้มุ่งการผลิตสินค้าเท่านั้น เนื่องจากค่าจ้างแรงงานในประเทศสูง และนับวันจะแข่งขันกับผู้ผลิตทางเอเชียได้ลำบากขึ้น นอกจากนี้ อิตาลีไม่ใช่ประเทศที่มีวัตถุดิบทางธรรมชาติมากนัก ปัจจุบันนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไปตั้งฐานการผลิตในประเทศอื่นที่มีวัตถุดิบที่ต้องการและค่าจ้างแรงงานถูกกว่า เช่น ประเทศทางยุโรปตะวันออกหรืออาฟริกาเหนือ และใช้บริษัทแม่เป็นฐานบัญชาการ สำหรับวางแผนการทำงาน การค้นคว้าวิจัยด้านทคโนโลยี การตรวจสอบและควบคุมคุณภาพ การทำตลาด ออกแบบบรรจุภัณฑ์ และกระจายสินค้า หรือเป็นฐานผลิตสินค้าที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีชั้นสูง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าสำหรับตลาดบน ซึ่งอิตาลียังครองความเป็นผู้นำมาตลอด ที่เห็นได้ชัดเจนคือ สินค้าแฟชั่นและของแต่งบ้าน เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า อัญมณี เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ ที่อิตาลีมีสินค้า Brand Name มากมายที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
บริษัทขนาดกลางและเล็กของอิตาลีมีมานานแล้ว การผลิตเป็นแบบครัวเรือน ดำเนินงานโดยสมาชิกในครอบครัว การพัฒนาการผลิตสินค้าของชุมชนแต่ละแห่งเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ต่างเวลาและต่างแนวทาง ขึ้นอยู่กับสินค้าของแต่ละท้องที่ แต่ท้ายสุดคือสินค้านั้นกลายเป็นสินค้าเอกลักษณ์ของชุมชน เนื่องจากมีการผลิตกันอย่างแพร่หลายและมีความชำนาญพิเศษ การผลิตในระยะต้นใช้ฝีมือแรงงานและประสบการณ์ที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษเป็นสำคัญ จนค่อยๆมีการนำเครื่องจักรกลมาใช้เพิ่มขึ้นเรื่อย ตามพัฒนาการด้านเทคโนโลยีของเครื่องจักรกล
การรวมกันเป็นนิคมอุตสาหกรรม จุดประสงค์หลักเพื่อร่วมกันพัฒนาและปกป้องธุรกิจของชุมชน ก่อให้เกิดความรู้สึกรักและสามัคคีกันในชุมชน เนื่องจากมีการร่วมทำกิจกรรม การพบปะสังสรรกันมากขึ้น ไม่ใช่ทำงานแบบต่างคนต่างทำ
ผู้ประกอบการหลายรายถึงจะผลิตสินค้าประเภทเดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในรูปแบบ จะสร้างเอกลักษณ์โดดเด่นของตนขึ้น โดยไม่ลอกเลียนแบบกัน นอกจากนี้ ยังเป็นที่มาของธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เกิดเป็นธุรกิจครบวงจร การผลิตก็ประสบผลสำเร็จ เช่น การผลิตรองเท้า ก็จะมีบริษัททั้งผู้ผลิตและผู้นำเข้า วัตถุดิบ (หนัง ผ้า ฯลฯ) อุปกรณ์ตกแต่ง (ส้น พื้น หุ่น ฯลฯ) เครื่องจักรกล บรรจุภัณฑ์ เป็นต้น พร้อมสรรพในนิคมอุตสาหกรรม
เมื่อการผลิตสินค้าแพร่หลายและมีความชัดเจนมากขึ้น ผู้ประกอบการหลายรายก็คิดรวมตัวกันเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและขยายตลาดให้กว้างขวางขึ้น โดยเริ่มขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการ ซึ่งในเบื้องต้นรัฐบาลกลางมอบหมายให้หน่วยงานราชการระดับแคว้น (Region) เป็นผู้ดูแล โดยจัดตั้งสำนักงานเพิ่มขึ้นในบางอำเภอ ในลักษณะของศูนย์บริการ (Service Center) ให้ความช่วยเหลือทั่วๆไป ได้แก่ ช่วยประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูลข่าวสาร ให้คำปรึกษาและคำแนะนำทางกฎหมาย และความสนับสนุนด้านการเงินบางกิจกรรม เป็นต้น
ส่วนการรวมตัวของชุมชนในเบื้องต้นปรากฎขึ้นในรูปของการจัดตั้งหน่วยงานเล็กๆของผู้ประกอบการในลักษณะของ Consortium และติดตามด้วยหน่วยงานอื่นๆ เช่น หอการค้า สมาคม สมาพันธ์ ฯลฯ แล้วแต่ความเหมาะสมและเห็นพ้องของผู้ประกอบการแต่ละชุมชน เพื่อเป็นตัวแทน
ให้กับชุมชนนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการติดต่อกับหน่วยงานราชการ เพื่อขอเงินช่วยเหลือ ซึ่งหน่วยงานราชการจะให้เงินช่วยเหลือโดยการพิจารณาอนุมัติโครงการต่างๆที่เสนอโดยชุมชนเอง และมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามผลการดำเนินงานของโครงการ
2. กฎหมายนิคมอุตสาหกรรม
ในที่สุดในปี 1991 รัฐบาลถึงได้ออกกฎหมายฉบับแรก กฏหมายเลขที่ 317 ปี 1991 เกี่ยวกับนิคมอุตสาหกรรม เพื่อให้คำนิยามและขอบเขตของนิคมอุตสาหกรรม ชุมชนต่างๆสามารถขอรับการพิจารณารับรองเป็นนิคมอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการได้ หากมีการผลิตสินค้าภายใต้เงื่อนไขที่
กฎหมายดังกล่าวกำหนดไว้ ในระยะแรกมีการกำหนดจำนวนผู้ประกอบการ SMEs มูลค่าการค้าการผลิต เขตแดน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในการนำไปปฎิบัติจริง จึงมีเฉพาะชุมชนที่มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจแล้วเท่านั้นที่สามารถหาเงินทุนเพื่อทำการสำรวจข้อมูลและนำเสนอขอจัดตั้งนิคมอย่างเป็น
ทางการ ปัจจุบันกฎระเบียบหลายหัวข้อถูกยกเลิกไป เพื่อให้เกิดความคล่องตัวขึ้นสำหรับชุมชนเล็กที่กำลังพัฒนาด้วย
สาระสำคัญของนิคมอุตสาหกรรมอิตาลี พอสรุปได้ดังนี้
1. เป็นชุมชนที่มีการผลิตสินค้าเฉพาะอย่างหนึ่งอย่างใดอย่างชัดเจน ในชุมชนเดียวกันและใกล้เคียง
2. การทำงานมีทั้งที่ผลิตสินค้าประเภทเดียวกัน หรือการทำงานแบบลูกโซ่ มีการแบ่งงานกันทำตามความชำนาญของแต่ละบริษัท จึงมีทั้งบริษัทผู้ผลิตสินค้าและให้บริการ
3. มีการใช้แรงงานสตรีค่อนข้างสูง
4. มีสหภาพแรงงาน (Labor Organization) เป็นตัวกลางในการประสานและระงับข้อขัดแย้งต่างๆ
5. มีเครือข่ายของหน่วยงานทั้งภาครัฐ (หอการค้าประจำเมือง หน่วยงานของแคว้น และอำเภอ)และเอกชน (สมาคม สมาพันธ์ สหภาพ ฯลฯ) ให้บริการและอำนวยความสะดวก ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนในรูปแบบต่างๆ เช่น เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เงินช่วยเหลือการลงทุน การก่อสร้างสาธารณูปโภค การจัดตั้งสถาบันอบรมอาชีพ การจัดสัมมนา งานแสดงสินค้า ประชุม นิทรรศการ เป็นต้น
3. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนิคมอุตสาหกรรม
ในปี 1994 มีการจัดตั้งสมาพันธ์ขึ้นชื่อว่า FEDERAZIONE DEI DISTRETTI ITALIANI ที่ตั้ง Confindustria Veneto -- Via Torino 151/C, 30172 Mestre (VE) โทรศัพท์ +39 041 2517511 โทรสาร +39 041 2517574 http://www.clubdistretti.it, www.distretti.org E-mail:info@clubdistretti.it
ปัจจุบันสมาพันธ์ดูแลนิคมอุตสาหกรรมกว่า 50 แห่ง ซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้ประกอบการกว่า 72,000 บริษัท มีคนทำงาน 420,000 คน มูลค่าการค้า 45 พันล้านยูโร ส่งออกเป็นมูลค่า 17 พันล้านยูโร
สมาพันธ์ดังกล่าวก่อตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ โดยได้เงินสนับสนุนการดำเนินการส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลกลาง เงินบริจาคจากภาคเอกชนรายได้จากการจัดกิจกรรม และค่าสมาชิกที่เรียกเก็บจากสมาชิก ซึ่งเป็นหน่วยงานต่างๆของชุมชน
สมาชิกขององค์กรฯประกอบด้วย หอการค้า (Chamber of Commerce) สมาคม (Trade/ Craft Association) ศูนย์ส่งเสริมการค้าแห่งชุมชน (Local Service Center) สมาพันธ์ (Federation) สหภาพ(Union) ของชุมชนต่างๆ ซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้ประกอบการอีกทอดหนึ่ง
ปัจจุบันสมาพันธ์มีโครงการมากมาย โดยร่วมมือกับรัฐบาลกลางและสถาบันต่างๆ เช่น การค้นคว้าทางด้านเทคโนโลยีร่วมกับมหาวิทยาลัย การนำสินค้าอิตาลีออกสู่ตลาดต่างประเทศ การทดลองและหาพลังงานทดแทนหรือพลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ การหาฐานการผลิตและตลาดใหม่ในประเทศกำลังพัฒนา เป็นต้น
4. การสนับสนุนจากรัฐบาล
รัฐบาลกลางไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องหรือให้การสนับสนุนกับการพัฒนาและการเกิดของนิคมเขตอุตสาหกรรมตั้งแต่แรก ส่วนภายหลังความช่วยเหลือที่ให้ก็ค่อนข้างจำกัด ผู้ประกอบการเป็นกำลังหลักในช่วยเหลือกันเอง โดยความร่วมมือของหน่วยงานท้องถิ่น เช่น อำเภอ หอการค้า สมาคม เป็นต้น
ความช่วยเหลือของรัฐบาลกลางสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่สำคัญ ได้แก่
- กฎหมาย Sabatini เลขที่ 1398 ปี 1965 ที่ให้เงินช่วยเหลือด้านการพัฒนาเครื่องจักรเครื่องกลทำให้ผู้ประกอบการสามารถปรับปรุง/เปลี่ยน/ซื้อเครื่องจักรกลมาใช้ประโยชน์ในการทำงานมากขึ้น
- เงินทุนส่งเสริมหัตถกรรม (Fondi Artigiancassa) เป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประกอบการ SMEs สินค้าหัตถกรรม
- Consorzi fidi (กฏหมายเลขที่ 371 ปี 1991) โดยรัฐบาลจะให้เงินสนับสนุนที่การลงทุนผ่านธนาคารท้องถิ่น นำไปสนับสนุนธุรกิจของสมาชิกในการเงินแบบต่างๆ หรือการให้ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำแก่บริษัท SMEs
อย่างไรก็ตาม ความช่วยเหลือดังกล่าวของรัฐบาลกลางนับว่าน้อยมาก เป็นเพียงไม่ถึงร้อยละ 10 ของเงินช่วยเหลือที่รัฐบาลกลางให้เพื่อส่งเสริมธุรกิจด้านการค้นคว้าและวิจัยสำหรับอุตสาหกรรมหนัก เช่น รถยนต์และเคมี ซึ่งรัฐบาลเห็นว่าสามารถสร้างตำแหน่งงานจำนวนมาก หรือการกระตุ้นการลงทุนในพื้นที่ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจค้า/การค้าต่ำ ส่วนใหญ่เป็นแคว้นทางตอนใต้อิตาลี เป็นต้น
ช่องว่างระหว่างรัฐบาลกลางและผู้ประกอบการ SMEs ได้รับการทดแทนจากหน่วยงานระดับท้องถิ่น ทั้งภาครัฐ เช่น อำเภอ ช่วยในด้านการสร้างสาธารณูปโภค และส่วนใหญ่จากองค์กรเอกชนที่ชุมชนร่วมมือกันจัดตั้งขึ้น และเป็นหน่วยงานที่เข้าถึงและเข้าใจปัญหา/อุปสรรคของชุมชนอย่างแท้จริงรวมถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนามีความจริงจังและต่อเนื่อง เนื่องจากคนทำงานเป็นคนในชุมชนเดียวกันมีความรักบ้านเกิดเมืองนอนเป็นพื้นฐาน
ในส่วนของผู้ประกอบการไทย สามารถศึกษาข้อมูลของนิคมอุตสาหกรรมของสินค้าที่ตนผลิตจาก Web site ของนิคมฯ จะทำให้เห็นรูปแบบและเข้าใจความต้องการสินค้าในตลาดอิตาลีชัดเจนขึ้นและสามารถนำมาวางแผนการผลิตและการตลาด หรือหากผลิตสินค้าในลักษณะเดียวกันอยู่แล้ว ก็สามารถติดต่อนำเสนอสินค้า หรือเสนอเป็น Partner ร่วมกันผลิตร่วมกันทำตลาด
ผู้ประกอบการอิตาลีในนิคมฯส่วนหนึ่งไม่ใช่ผู้ผลิต นอกเหนือจากบริษัทด้านงานบริการทั่วไปแล้ว ยังมีบริษัทที่สอบหาวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ให้ผู้ผลิต หรือผู้ผลิตส่วนใหญ่ก็นำเข้าอุปกรณ์และส่วนประกอบเอง หรือนำเข้าสินค้าบางประเภทที่ต้นทุนต่ำกว่าผลิตเอง ผู้ประกอบการไทยสามารถหาช่องทางเจาะตลาดกับผู้ประกอบการดังกล่าว
หากผู้ผลิต/ผู้ส่งออกไทยต้องการรายละเอียดหรือให้ประสานงานใดเพิ่มเติม สามารถติดต่อ สคต.โรม ได้ที่ Via Erminio Spalla 41, 00142 Rome โทรศัพท์ +39 06 5030804 โทรสาร +39 06 5030805 E-mail:thaitcrome@thaitcrome.it
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโรม
Upload Date : สิงหาคม 2551
ที่มา: http://www.depthai.go.th
1. ความเป็นมา
วิวัฒนาการของบริษัทขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ของอิตาลี เป็นรากฐานสำคัญของโครงสร้างการผลิตและพัฒนาจนกลายเป็นนิคมอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ (Industrial district) ในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ซึ่งหมายถึงการรวมตัวกันของชุมชนหนึ่งหรือหลายชุมชนใกล้เคียงที่มีการผลิตหรือการค้าสินค้าประเภทเดียวกัน นิคมอุตสาหกรรมอิตาลีประกอบด้วยผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กจำนวนมากและเป็นระบบที่สร้างความแข็งแกร่งและความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจอิตาลีมานานแล้ว เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว
หลายประเทศศึกษารูปแบบนิคมอุตสาหกรรมอิตาลี และนำไปเป็นแบบอย่างในการสร้างและพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศตน เนื่องจากเศรษฐกิจของนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งประสบความสำเร็จสูง สคต.โรม เห็นว่า ข้อมูลดังกล่าว จะทำให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจความเป็นมาของการผลิตและแหล่งสินค้าในอิตาลี และจะเป็นประโยชน์ในการนำไปวางแผนหรือติดต่อธุรกิจกับอิตาลีให้ตรงเป้าหมายยิ่งขึ้นต่อไป
ในยุคของโลกาภิวัฒน์ นิคมอุตสาหกรรมอิตาลีหลายแห่งก็ปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและการค้าโลก ไม่ได้มุ่งการผลิตสินค้าเท่านั้น เนื่องจากค่าจ้างแรงงานในประเทศสูง และนับวันจะแข่งขันกับผู้ผลิตทางเอเชียได้ลำบากขึ้น นอกจากนี้ อิตาลีไม่ใช่ประเทศที่มีวัตถุดิบทางธรรมชาติมากนัก ปัจจุบันนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไปตั้งฐานการผลิตในประเทศอื่นที่มีวัตถุดิบที่ต้องการและค่าจ้างแรงงานถูกกว่า เช่น ประเทศทางยุโรปตะวันออกหรืออาฟริกาเหนือ และใช้บริษัทแม่เป็นฐานบัญชาการ สำหรับวางแผนการทำงาน การค้นคว้าวิจัยด้านทคโนโลยี การตรวจสอบและควบคุมคุณภาพ การทำตลาด ออกแบบบรรจุภัณฑ์ และกระจายสินค้า หรือเป็นฐานผลิตสินค้าที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีชั้นสูง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าสำหรับตลาดบน ซึ่งอิตาลียังครองความเป็นผู้นำมาตลอด ที่เห็นได้ชัดเจนคือ สินค้าแฟชั่นและของแต่งบ้าน เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า อัญมณี เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ ที่อิตาลีมีสินค้า Brand Name มากมายที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
บริษัทขนาดกลางและเล็กของอิตาลีมีมานานแล้ว การผลิตเป็นแบบครัวเรือน ดำเนินงานโดยสมาชิกในครอบครัว การพัฒนาการผลิตสินค้าของชุมชนแต่ละแห่งเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ต่างเวลาและต่างแนวทาง ขึ้นอยู่กับสินค้าของแต่ละท้องที่ แต่ท้ายสุดคือสินค้านั้นกลายเป็นสินค้าเอกลักษณ์ของชุมชน เนื่องจากมีการผลิตกันอย่างแพร่หลายและมีความชำนาญพิเศษ การผลิตในระยะต้นใช้ฝีมือแรงงานและประสบการณ์ที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษเป็นสำคัญ จนค่อยๆมีการนำเครื่องจักรกลมาใช้เพิ่มขึ้นเรื่อย ตามพัฒนาการด้านเทคโนโลยีของเครื่องจักรกล
การรวมกันเป็นนิคมอุตสาหกรรม จุดประสงค์หลักเพื่อร่วมกันพัฒนาและปกป้องธุรกิจของชุมชน ก่อให้เกิดความรู้สึกรักและสามัคคีกันในชุมชน เนื่องจากมีการร่วมทำกิจกรรม การพบปะสังสรรกันมากขึ้น ไม่ใช่ทำงานแบบต่างคนต่างทำ
ผู้ประกอบการหลายรายถึงจะผลิตสินค้าประเภทเดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในรูปแบบ จะสร้างเอกลักษณ์โดดเด่นของตนขึ้น โดยไม่ลอกเลียนแบบกัน นอกจากนี้ ยังเป็นที่มาของธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เกิดเป็นธุรกิจครบวงจร การผลิตก็ประสบผลสำเร็จ เช่น การผลิตรองเท้า ก็จะมีบริษัททั้งผู้ผลิตและผู้นำเข้า วัตถุดิบ (หนัง ผ้า ฯลฯ) อุปกรณ์ตกแต่ง (ส้น พื้น หุ่น ฯลฯ) เครื่องจักรกล บรรจุภัณฑ์ เป็นต้น พร้อมสรรพในนิคมอุตสาหกรรม
เมื่อการผลิตสินค้าแพร่หลายและมีความชัดเจนมากขึ้น ผู้ประกอบการหลายรายก็คิดรวมตัวกันเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและขยายตลาดให้กว้างขวางขึ้น โดยเริ่มขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการ ซึ่งในเบื้องต้นรัฐบาลกลางมอบหมายให้หน่วยงานราชการระดับแคว้น (Region) เป็นผู้ดูแล โดยจัดตั้งสำนักงานเพิ่มขึ้นในบางอำเภอ ในลักษณะของศูนย์บริการ (Service Center) ให้ความช่วยเหลือทั่วๆไป ได้แก่ ช่วยประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูลข่าวสาร ให้คำปรึกษาและคำแนะนำทางกฎหมาย และความสนับสนุนด้านการเงินบางกิจกรรม เป็นต้น
ส่วนการรวมตัวของชุมชนในเบื้องต้นปรากฎขึ้นในรูปของการจัดตั้งหน่วยงานเล็กๆของผู้ประกอบการในลักษณะของ Consortium และติดตามด้วยหน่วยงานอื่นๆ เช่น หอการค้า สมาคม สมาพันธ์ ฯลฯ แล้วแต่ความเหมาะสมและเห็นพ้องของผู้ประกอบการแต่ละชุมชน เพื่อเป็นตัวแทน
ให้กับชุมชนนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการติดต่อกับหน่วยงานราชการ เพื่อขอเงินช่วยเหลือ ซึ่งหน่วยงานราชการจะให้เงินช่วยเหลือโดยการพิจารณาอนุมัติโครงการต่างๆที่เสนอโดยชุมชนเอง และมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามผลการดำเนินงานของโครงการ
2. กฎหมายนิคมอุตสาหกรรม
ในที่สุดในปี 1991 รัฐบาลถึงได้ออกกฎหมายฉบับแรก กฏหมายเลขที่ 317 ปี 1991 เกี่ยวกับนิคมอุตสาหกรรม เพื่อให้คำนิยามและขอบเขตของนิคมอุตสาหกรรม ชุมชนต่างๆสามารถขอรับการพิจารณารับรองเป็นนิคมอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการได้ หากมีการผลิตสินค้าภายใต้เงื่อนไขที่
กฎหมายดังกล่าวกำหนดไว้ ในระยะแรกมีการกำหนดจำนวนผู้ประกอบการ SMEs มูลค่าการค้าการผลิต เขตแดน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในการนำไปปฎิบัติจริง จึงมีเฉพาะชุมชนที่มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจแล้วเท่านั้นที่สามารถหาเงินทุนเพื่อทำการสำรวจข้อมูลและนำเสนอขอจัดตั้งนิคมอย่างเป็น
ทางการ ปัจจุบันกฎระเบียบหลายหัวข้อถูกยกเลิกไป เพื่อให้เกิดความคล่องตัวขึ้นสำหรับชุมชนเล็กที่กำลังพัฒนาด้วย
สาระสำคัญของนิคมอุตสาหกรรมอิตาลี พอสรุปได้ดังนี้
1. เป็นชุมชนที่มีการผลิตสินค้าเฉพาะอย่างหนึ่งอย่างใดอย่างชัดเจน ในชุมชนเดียวกันและใกล้เคียง
2. การทำงานมีทั้งที่ผลิตสินค้าประเภทเดียวกัน หรือการทำงานแบบลูกโซ่ มีการแบ่งงานกันทำตามความชำนาญของแต่ละบริษัท จึงมีทั้งบริษัทผู้ผลิตสินค้าและให้บริการ
3. มีการใช้แรงงานสตรีค่อนข้างสูง
4. มีสหภาพแรงงาน (Labor Organization) เป็นตัวกลางในการประสานและระงับข้อขัดแย้งต่างๆ
5. มีเครือข่ายของหน่วยงานทั้งภาครัฐ (หอการค้าประจำเมือง หน่วยงานของแคว้น และอำเภอ)และเอกชน (สมาคม สมาพันธ์ สหภาพ ฯลฯ) ให้บริการและอำนวยความสะดวก ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนในรูปแบบต่างๆ เช่น เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เงินช่วยเหลือการลงทุน การก่อสร้างสาธารณูปโภค การจัดตั้งสถาบันอบรมอาชีพ การจัดสัมมนา งานแสดงสินค้า ประชุม นิทรรศการ เป็นต้น
3. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนิคมอุตสาหกรรม
ในปี 1994 มีการจัดตั้งสมาพันธ์ขึ้นชื่อว่า FEDERAZIONE DEI DISTRETTI ITALIANI ที่ตั้ง Confindustria Veneto -- Via Torino 151/C, 30172 Mestre (VE) โทรศัพท์ +39 041 2517511 โทรสาร +39 041 2517574 http://www.clubdistretti.it, www.distretti.org E-mail:info@clubdistretti.it
ปัจจุบันสมาพันธ์ดูแลนิคมอุตสาหกรรมกว่า 50 แห่ง ซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้ประกอบการกว่า 72,000 บริษัท มีคนทำงาน 420,000 คน มูลค่าการค้า 45 พันล้านยูโร ส่งออกเป็นมูลค่า 17 พันล้านยูโร
สมาพันธ์ดังกล่าวก่อตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ โดยได้เงินสนับสนุนการดำเนินการส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลกลาง เงินบริจาคจากภาคเอกชนรายได้จากการจัดกิจกรรม และค่าสมาชิกที่เรียกเก็บจากสมาชิก ซึ่งเป็นหน่วยงานต่างๆของชุมชน
สมาชิกขององค์กรฯประกอบด้วย หอการค้า (Chamber of Commerce) สมาคม (Trade/ Craft Association) ศูนย์ส่งเสริมการค้าแห่งชุมชน (Local Service Center) สมาพันธ์ (Federation) สหภาพ(Union) ของชุมชนต่างๆ ซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้ประกอบการอีกทอดหนึ่ง
ปัจจุบันสมาพันธ์มีโครงการมากมาย โดยร่วมมือกับรัฐบาลกลางและสถาบันต่างๆ เช่น การค้นคว้าทางด้านเทคโนโลยีร่วมกับมหาวิทยาลัย การนำสินค้าอิตาลีออกสู่ตลาดต่างประเทศ การทดลองและหาพลังงานทดแทนหรือพลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ การหาฐานการผลิตและตลาดใหม่ในประเทศกำลังพัฒนา เป็นต้น
4. การสนับสนุนจากรัฐบาล
รัฐบาลกลางไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องหรือให้การสนับสนุนกับการพัฒนาและการเกิดของนิคมเขตอุตสาหกรรมตั้งแต่แรก ส่วนภายหลังความช่วยเหลือที่ให้ก็ค่อนข้างจำกัด ผู้ประกอบการเป็นกำลังหลักในช่วยเหลือกันเอง โดยความร่วมมือของหน่วยงานท้องถิ่น เช่น อำเภอ หอการค้า สมาคม เป็นต้น
ความช่วยเหลือของรัฐบาลกลางสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่สำคัญ ได้แก่
- กฎหมาย Sabatini เลขที่ 1398 ปี 1965 ที่ให้เงินช่วยเหลือด้านการพัฒนาเครื่องจักรเครื่องกลทำให้ผู้ประกอบการสามารถปรับปรุง/เปลี่ยน/ซื้อเครื่องจักรกลมาใช้ประโยชน์ในการทำงานมากขึ้น
- เงินทุนส่งเสริมหัตถกรรม (Fondi Artigiancassa) เป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประกอบการ SMEs สินค้าหัตถกรรม
- Consorzi fidi (กฏหมายเลขที่ 371 ปี 1991) โดยรัฐบาลจะให้เงินสนับสนุนที่การลงทุนผ่านธนาคารท้องถิ่น นำไปสนับสนุนธุรกิจของสมาชิกในการเงินแบบต่างๆ หรือการให้ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำแก่บริษัท SMEs
อย่างไรก็ตาม ความช่วยเหลือดังกล่าวของรัฐบาลกลางนับว่าน้อยมาก เป็นเพียงไม่ถึงร้อยละ 10 ของเงินช่วยเหลือที่รัฐบาลกลางให้เพื่อส่งเสริมธุรกิจด้านการค้นคว้าและวิจัยสำหรับอุตสาหกรรมหนัก เช่น รถยนต์และเคมี ซึ่งรัฐบาลเห็นว่าสามารถสร้างตำแหน่งงานจำนวนมาก หรือการกระตุ้นการลงทุนในพื้นที่ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจค้า/การค้าต่ำ ส่วนใหญ่เป็นแคว้นทางตอนใต้อิตาลี เป็นต้น
ช่องว่างระหว่างรัฐบาลกลางและผู้ประกอบการ SMEs ได้รับการทดแทนจากหน่วยงานระดับท้องถิ่น ทั้งภาครัฐ เช่น อำเภอ ช่วยในด้านการสร้างสาธารณูปโภค และส่วนใหญ่จากองค์กรเอกชนที่ชุมชนร่วมมือกันจัดตั้งขึ้น และเป็นหน่วยงานที่เข้าถึงและเข้าใจปัญหา/อุปสรรคของชุมชนอย่างแท้จริงรวมถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนามีความจริงจังและต่อเนื่อง เนื่องจากคนทำงานเป็นคนในชุมชนเดียวกันมีความรักบ้านเกิดเมืองนอนเป็นพื้นฐาน
ในส่วนของผู้ประกอบการไทย สามารถศึกษาข้อมูลของนิคมอุตสาหกรรมของสินค้าที่ตนผลิตจาก Web site ของนิคมฯ จะทำให้เห็นรูปแบบและเข้าใจความต้องการสินค้าในตลาดอิตาลีชัดเจนขึ้นและสามารถนำมาวางแผนการผลิตและการตลาด หรือหากผลิตสินค้าในลักษณะเดียวกันอยู่แล้ว ก็สามารถติดต่อนำเสนอสินค้า หรือเสนอเป็น Partner ร่วมกันผลิตร่วมกันทำตลาด
ผู้ประกอบการอิตาลีในนิคมฯส่วนหนึ่งไม่ใช่ผู้ผลิต นอกเหนือจากบริษัทด้านงานบริการทั่วไปแล้ว ยังมีบริษัทที่สอบหาวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ให้ผู้ผลิต หรือผู้ผลิตส่วนใหญ่ก็นำเข้าอุปกรณ์และส่วนประกอบเอง หรือนำเข้าสินค้าบางประเภทที่ต้นทุนต่ำกว่าผลิตเอง ผู้ประกอบการไทยสามารถหาช่องทางเจาะตลาดกับผู้ประกอบการดังกล่าว
หากผู้ผลิต/ผู้ส่งออกไทยต้องการรายละเอียดหรือให้ประสานงานใดเพิ่มเติม สามารถติดต่อ สคต.โรม ได้ที่ Via Erminio Spalla 41, 00142 Rome โทรศัพท์ +39 06 5030804 โทรสาร +39 06 5030805 E-mail:thaitcrome@thaitcrome.it
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโรม
Upload Date : สิงหาคม 2551
ที่มา: http://www.depthai.go.th