Federal Agricultural Marketing Authority (FAMA) เป็นองค์กรของรัฐบาลมาเลเซีย ภายใต้กระทรวงการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร จัดตั้งขึ้นในปี 1965 ทำหน้าที่ดูแลการพัฒนาด้านการตลาดสินค้าเกษตรเพื่อการนำเข้าและการส่งออก ได้ออกระเบียบใหม่เกี่ยวข้องกับการ Grading (การแยกเกรด) Packaging (การบรรจุภัณฑ์) และ Labeling (ฉลากสินค้า) สำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้สด ผักสดและไม้ตัดดอก เนื่องจาก FAMA ได้ออกระเบียบใหม่ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้เข้าพบ นาย ISHAK ABBAS ผู้อำนวยการอาวุโสของ FAMA เพื่อสอบถามรายละเอียดของระเบียบฯดังกล่าว สำนักงานฯ ขอรายงานดังนี้
ระเบียบนี้ ชื่อ Federal Agricultural Marketing Authority (Grading, Packaging and Labelling of Agricultural Produce) Regulations 2008 (เอกสารแนบ) ได้เริ่มดำเนินการร่างตั้งแต่ปี 2541 และได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2551โดยจะมีผลบังคับใช้อย่างจริงจังในเดือนเมษายน 2552 มีวัตถุประสงค์หลักคือ
- ความปลอดภัยของผู้บริโภคและการปฎิบัติที่เท่าเทียมกัน
- เพื่อสะดวกในการติดตามและบันทึกข้อมูลของผู้ประกอบการ
- เพื่อประชาสัมพันธ์ระเบียบตามมาตรฐานสากลกำหนดโดย WHO และ FAO
- เพื่อสอดคล้องกับข้อตกลงของ WTO ว่าด้วยเรื่อง Application of Sanitary and Phytosanitary Measures (SPS Agreement) and WTO Agreement on Technical Barrier to Trade (TBT Agreement)
- เพื่อป้องกันการเลือกปฎิบัติระหว่างสมาชิกของ WTO
ชนิดสินค้า : ผลไม้สดทุกชนิด ผักสดและดอกไม้สด
ผู้ที่เกี่ยวข้อง : ผู้ผลิต ผู้ค้าส่งและปลีก ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกผลไม้ พืชผักและดอกไม้
3.1 Grading (การแยกเกรด)
สินค้านำเข้าและส่งออกจะต้องถูกคัดเกรดตามมาตรฐานของ Malaysian Standard (MS) กำหนดโดย FAMA การตรวจสอบและใบรับรองจะออกโดย FAMA หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งถูกแต่งตั้งโดย FAMA นอกจากนี้ การคัดเกรดสินค้าจะต้องเป็นไปตามกฎระเบียบของแหล่งกำเนิดสินค้า (Country of origin) หรือหากไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน ให้ปฏิบัติตามมาตรฐานของ FAMA
3.2 Packaging (บรรจุภัณฑ์)
บรรจุภัณฑ์ที่ใช้สำหรับหีบห่อจะต้องเป็นวัสดุที่สะอาด ปราศจากสิ่งเจือปนและสามารถป้องกันการกระแทกที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายกับสินค้าขณะลำเลียง การบรรจุภัณฑ์จะต้องไม่เกิน 30 กก./1 บรรจุภัณฑ์ ในกรณีที่ต้องการใช้บรรุจุภัณฑ์เดิมหลังจากการใช้แล้ว จะต้องถอดฉลากสินค้าเดิมออกก่อน จึงสามารถนำมาใช้ไหม่ได้
3.3 Labeling (ฉลากสินค้า)
ฉลากสินค้า มีขนาดไม่เกิน 11x7 cm โดยติดไว้ด้านบนหรือด้านข้างของบรรจุภัณฑ์ มีข้อมูลสำคัญที่ต้องระบุ ดังนี้
- ชื่อที่อยู่ผู้ผลิต/ ผู้นำเข้า/ผู้ส่งออก
- ชื่อทั่วไปของสินค้า
- เกรดของสินค้า
- ขนาดของสินค้า
- ประเทศแหล่งกำเนิดสินค้า
- น้ำหนักสุทธิ
ฉลากสินค้า มี 2 ลักษณะ คือ
- แบบสติ๊กเกอร์ สามารถหาซื้อได้ที่ FAMA ทุกสาขาราคา 10 ริงกิต ต่อ 100 แผ่น
- แบบ Pre-printed จะต้องได้รับการอนุมัติจาก FAMA โดยกรอกแบบฟอร์มพร้อมค่าธรรมเนียม 100 ริงกิตต่อการขอหนึ่งครั้ง และจะต้องจ่ายอีก 2 เซ็นต่อหนึ่งหีบห่อแก่ FAMA ด้วย
ผู้นำเข้าสินค้าผลไม้สด ผักสดและไม้ตัดดอก จะต้องดำเนินการก่อนนำเข้ามายังมาเลเซีย คือ
(1) ต้องคัดเกรดสินค้าให้ตรงตามมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้ในระเบียบฯ
(2) ต้องมีบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานตามระเบียบฯ โดยมีขนาดบรรจุไม่เกิน 30 กก.
(3) ต้องติดฉลากสินค้าให้ตรงตามข้อกำหนดในระเบียบฯ
(4) การตรวจสอบสินค้า ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของ FAMA ตามจุดชายแดน ด่านศุลการกรและท่าเรือขนส่งสินค้า โดยเจ้าหน้าที่จะออกหนังสือ Certificate of Conformity Inspection ให้ ซึ่งมีค่าธรรมเนียมการตรวจสอบด้วย ซึ่งหากสินค้าไม่ผ่านการตรวจสอบ ผู้ประกอบการจะต้องนำสินค้ากลับภายในเวลาที่กำหนดและหากไม่มีผู้ใดรับผิดชอบ เจ้าหน้าที่สามารถทำลายหรือดำเนินการใดๆกับสินค้าดังกล่าวได้
(5) หากไม่ปฎิบัติตามระเบียบใหม่ มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 ริงกิตหรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาเลเซียส่งออกและนำเข้าสินค้าผลไม้สด ผักสดและไม้ตัดดอกจากไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 มูลค่าทั้งหมด 21.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่า 18.03 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยในปี 2551 มาเลเซียนำเข้าจากไทย 20.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯและส่งออก 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยในส่วนของการนำเข้าผลไม้สดช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 มีมูลค่า 4.74 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่า 4.49 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าผลไม้ที่มาเลเซียนำเข้าจากไทย คือ มะม่วง มังคุด ลำไยและเงาะ
ส่วนสินค้าผักสดที่มาเลเซียนำเข้าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 มีมูลค่า 14.96 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.87 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่า 10.93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าผักที่มาเลเซียนำเข้าจากไทย คือ มันสำปะหลัง หอมแดงหอมใหญ่ พริกหยวกและพืชผักตระกูลถั่ว
มาเลเซียมีการนำเข้าสินค้าไม้ตัดดอกในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 มูลค่า 0.037 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.78 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่า 0.036 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าไม้ตัดดอกที่นำเข้าได้แก่ กล้วยไม้
6.1 การออกระเบียบฉบับนี้ จะมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ส่งออกผลไม้และผักสดจากประเทศไทยส่วนสินค้าไม้ตัดดอก จะไม่ส่งผลกระทบเนื่องจากมาเลเซียมีการนำเข้าน้อยมาก จากการสำรวจตลาดสินค้าผลไม้และผักสด ในมาเลเซีย พบว่า สินค้านำเข้าจากออสเตรเลีย จีน เกาหลี ได้มีการคัดเกรดและบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ในขณะที่สินค้าที่มาจากประเทศไทยส่วนใหญ่มีลักษณะรวมหลายเกรดและบรรจุในลังพลาสติก/ถุงพลาสติก ซึ่งหากมีการบังคับใช้ระเบียบฯในปีหน้า อาจจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการ เนื่องจากเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตของสินค้า
6.2. การประชาสัมพันธ์และให้ข้อมูลต่อผู้ประกอบการไทย เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเมื่อระเบียบนี้มีผลบังคับใช้อย่างจริงจังในเดือนเมษายน 2552 รัฐบาลมาเลเซียจะเข้มงวดกับการนำสินค้าผักผลไม้สด ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ความรู้ต่อผู้เกี่ยวข้อง การจัดอบรมผู้ประกอบการโดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจาก FAMA ไปให้ความรู้ หรือ จัดคณะผู้แทนไทยจากรัฐหรือเอกชนไทย เข้าพบหน่วยงาน FAMA ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้สามารถรับรู้ข้อมูลได้ชัดเจนเช่นกัน
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
Upload Date : พฤศจิกายน 2551
ที่มา: http://www.depthai.go.th