ช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ปีนี้ เปรียบเทียบเป็นเปอร์เซนต์ (‘000 เฮกต้า) (‘000 เฮกต้า) กับปีที่แล้ว (%) 1.ปริมาณการปลูกข้าว ช่วงฤดูหนาว 1,846.50 1,899.20 102.9 ภาคเหนือ 1,162.30 1,187.90 102.2 ภาคใต้ 684.20 711.20 103.9 2.ปริมาณการเก็บเกี่ยวข้าวช่วงฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูใบไม้ร่วง - ฤดหนาว 1,910.30 2,228.70 116.7 ภาคเหนือ 133.90 161.10 120.3 ภาคใต้ 1,776.40 2,067.60 116.4 3. ปริมาณการการเก็บเกี่ยวข้าว ช่วงฤดูหนาว 763.2 597.9 78.3 ที่มา กรมสถิติแห่งชาติเวียดนาม
ช่วงวันที่ 15 ต.ค. 2551 นาข้าวในช่วงฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ จังหวัดภาคเหนือของเวียดนามเก็บเกี่ยวได้ 597.9 พัน เฮกต้า เพิ่มขึ้น 78.37 เปอร์เซนต์ ของช่วงระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ปริมาณการผลิตเฉลี่ย 4.880 กิโลกรัม/ เฮกต้า คาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้อีก 1.8 ล้านตันข้าวจากฤดูที่ 3 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เท่ากับผลการผลิตของช่วงระยะเดียวกันของปีที่แล้ว
รัฐบาลเวียดนนามได้ปรับผลการผลิตข้าวเปลือกปีนี้เป็น 2.7% หลังจากช่วงฤดูหนาว-ใบไม้ร่วงและฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเก็บเกี่ยวได้ 29.6 ล้านตัน ทั้งนี้ทำให้ผลการผลิตเพิ่มขึ้น 8.8% เทียบกับช่วงระยะเดียวกันปีที่แล้ว ผลผลิตคาดว่าจะได้ 37.6 ล้านตันปีนี้
พยากรณ์ว่าผลการผลิตข้าวของประเทศเวียดนามจะเพิ่มขึ้น 7.2% เท่ากับ 38.600 ล้านตันในปี 2552
- ปริมาณข้าวสารและข้าวเปลือกเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลการเก็บเกี่ยวข้าวช่วงฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ผลิ และ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ — ฤดูหนาว
- การส่งออกข้าวเริ่มขึ้นใหม่ หลังจากที่รัฐบาลได้ยกเลิกการระงับการส่งออกข้าวเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวขาดตลาด
- ผลกระทบจากสถานการณ์เงินเฟ้อและความลดลงของอัตราขยายตัวเศรษฐกิจของเวียดนาม
พยากรณ์ว่าราคาข้าวสารและข้าวเปลือกของเวียดนามจะลดลงในไตรมาสที่ 4 ปี 2551
ราคาตลาดข้าวสารและข้าวเปลือกในเวียดนาม (ไตรมาศที่ 4 ปี 2551) หน่วย : ด่อง/กิโลกรัม *** อัตราแลกเปลี่ยน 1 USD = 16,750 ด่อง (ณ วันที่ 30ต.ค. 2551)
ข้าวสาร/ข้าวเปลือก ไตรมาสที่ 4 เปรียบเทียบกับ เปรียบเทียบ ตลาด ปี 2551 ไตรมาสที่ 3 ปี 2551 กับปี 2550 ข้าวสารธรรมดา 9854 -7.43% 76.63% นครโฮจิมินห์ ข้าวหัก 25% 5758 -16.71% - จังหวัดอานยาง ข้าวหัก 5% 512 -16.07% 63.92% ทั้งประเทศ ข้าวหัก 15% 6000 -18.56% - จังหวัดเตี่ยนยาง ข้าวเปลือก 4967 -3.33% 49.06% เมืองดานัง ที่มา agroinfo.gov.vn ตุลาคม 2551 3. ปริมาณข้าวสารส่งออก ปริมาณข้าวสารที่ส่งออก ปี 2550 และตั้งแต่ 01 ม.ค. 2551 ถึง 31 ต.ค. 2551
(พันตัน และ ล้านเหรียญสหรัฐ)
2550 ตุลาคม 2551 01 ม.ค. 51- 31 ต.ค. 51 ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า
(‘000 ตัน) (ล้านเหรียญสหรัฐ) (‘000 ตัน) (ล้านเหรียญสหรัฐ) (‘000 ตัน) (ล้านเหรียญสหรัฐ) ข้าวสารที่
ส่งออก 4500 1454 0.35 0.165 4.086 2.611 ที่มา กรมสถิติแห่งชาติเวียดนาม
ตั้งแต่ต้นเดือน กรกฎาคม 2551 รัฐบาลเวียดนามให้นักธุรกิจสามารถส่งออกข้าวต่อโดยตั้ง เป้าหมายการส่งออกข้าวประมาณ 3.5 ล้านตันในสิ้นเดือนกันยายนนี้ รัฐบาลเวียดนามได้ตั้งเป้าหมายสำหรับการส่งออกข้าวใน 9 เดือนแรกปี 2551 คือ 3.5 ล้านตัน ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2551 เวียดนามได้ส่งออกข้าว 4.086 ล้านตันข้าว เท่ากับ 2.611 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเท่ากับ 93% สำหรับปริมาณและ 183.4% สำหรับมูลค่าเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว
ตามแผนการณ์ของรัฐบาล เวียดนามตั้งใจจะส่งเสริมการส่งออกข้าวในไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 คาดว่าจะส่งออกข้าว ได้ 2 เท่าในไตรมาสที่ 3 ปี 2551 เพื่อบรรลุเป้าหมายการส่งออก 4.5 ล้านตัน
เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของปีนี้ รัฐบาลได้ปรับข้อบังคับในการส่งออกข้าว ได้แก่การยกเลิกกำหนดราคาข้าวขั้นต่ำ(Floor Price) ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2551 ถึงปี 2552 (เดือน ก.พ. 2552) และอนุมัติให้ผู้ส่งออกข้าวกู้เงินซื้อข้าวเปลือกเพระความต้องการจากต่างประเทศซึ่งลดน้อยลง ราคาข้าวส่งออกลดลง และการสต็อกข้าวเพิ่มขึ้น นับถึงปัจจุบันนี้ ผู้ส่งออกข้าวเวียดนามได้เซ็นสัญญาส่งออกประมาณ 600,000 — 700,000 ตันซึ่งได้บรรลุเป้าหมาย 1 ล้านตันปี 2551
แม้ว่าผลการผลิตข้าวของเวียดนามได้พยากรณ์ว่าจะสูงขึ้นในปี 2552 แต่รัฐบาลยังไม่มีแผนตั้งเป้าหมายการส่งออกเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีความต้องการสต็อกข้าวมากขึ้น เป้าหมายการส่งออกข้าวได้ตั้งไว้ประมาณ 4.5 ล้านตันต่อปีจนถึงปี 2553 หรืออาจจะถึงปี 2558 รัฐบาลอาจจะเพิ่มการสต็อกข้าวเพื่อจะใช้ในกรณีสภาพอากาศไม่ดี มีพายุซึ่งทำความเสียหายแก่การเพาะปลูกข้าว
4. ราคาข้าวเพื่อการส่งออก รายสัปดาห์
หน่วย เหรียญสหรัฐ / ตัน
ข้าวหัก 5% ข้าวหัก 10% ข้าวหัก 15% ข้าวหัก 25% 07 ต.ค. 2550 317.4 311.8 308.9 299.0 14 ต.ค. 2550 319.0 312.0 309.4 299.0 21 ต.ค. 2550 320.0 315.0 310.0 300.0 28 ต.ค. 2550 320.0 315.0 310.0 300.0 04 พ.ย. 2550 322.0 320.0 314.0 300.0 11 พ.ย. 2550 322.5 320.5 315.0 305.0 18 พ.ย. 2550 335.5 322.5 313.5 306.0 25 พ.ย. 2550 337.5 326.5 319.5 312.5 02 ธ.ค. 2550 332.5 327.5 322.5 322.5 09 ธ.ค. 2550 343.0 338.0 333.0 322.5 16 ธ.ค. 2550 355.0 345.0 335.0 327.0 23 ธ.ค. 2550 358.0 347.5 335.0 330.0 30 ธ.ค. 2550 355.0 350.0 335.0 340.0 06 ม.ค. 2551 355.0 345.0 335.0 327.5 13 ม.ค. 2551 355.0 345.0 335.0 327.5 20 ม.ค. 2551 355.0 345.0 335.0 327.5 27 ม.ค. 2551 371.0 345.0 335.0 327.5 03 ก.พ. 2551 395.0 387.0 382.0 375.0 17 ก.พ. 2551 405.0 400.0 395.0 382.0 24 ก.พ. 2551 450.0 465.0 395.0 430.0 03 มี.ค. 2551 462.0 439.0 434.0 442.0 09 มี.ค. 2551 470.0 465.0 460.0 450.0 16 มี.ค. 2551 550.0 540.0 530.0 520.0 23 มี.ค. 2551 610.0 590.0 570.0 560.0 30 มี.ค. 2551 700.0 680.0 650.0 630.0 06 เม.ษ. 2551 700.0 680.0 650.0 630.0 13 เม.ษ. 2551 700.0 680.0 670.0 670.0 20 เม.ษ. 2551 700.0 690.0 680.0 660.0 27 เม.ษ. 2551 1000.0 990.0 975.0 950.0 03 พ.ค. 2551 998.0 990.0 975.0 950.0 10 พ.ค. 2551 998.0 989.0 975.0 948.0 17 พ.ค. 2551 945.0 983.0 975.0 948.0 24 พ.ค. 2551 919.0 983.0 970.0 948.0 31 พ.ค. 2551 919.0 983.0 970.0 943.0 07 มิ.ย. 2551 935.0 983.0 970.0 917.0 14 มิ.ย. 2551 775.0 799.0 789.0 750.0 21 มิ.ย. 2551 754.0 799.0 699.0 750.0 28 มิ.ย. 2551 754.0 799.0 699.0 750.0 07 ก.ค. 2551 740.0 799.0 665.0 700.0 14 ก.ค. 2551 750.0 683.0 683.0 665.0 22 ก.ค. 2551 725.0 683.0 683.0 665.0 29 ก.ค. 2551 630.0 700.0 700.0 665.0 06 ส.ค. 2551 630.0 700.0 700.0 665.0 13 ส.ค. 2551 540.0 550.0 550.0 520.0 20 ส.ค. 2551 550.0 560.0 560.0 515.0 27 ส.ค. 2551 540.0 560.0 560.0 540.0 08 ก.ย. 2551 560.0 560.0 560.0 540.0 15 ก.ย. 2551 560.0 560.0 560.0 500.0 22 ก.ย. 2551 560.0 525.0 525.0 475.0 29 ก.ย. 2551 526.0 524.0 524.0 425.0 06 ต.ค. 2551 523.0 522.0 522.0 406.0 13 ต.ค. 2551 508.0 508.0 508.0 406.0 19 ต.ค. 2551 505.0 505.0 505.0 408.0 26 ต.ค. 2551 505.0 505.0 505.0 408.0
ราคาส่งออกข้าวเฉลี่ยเป็น 620 เหรียญสหรัฐต่อตันนับถึงปัจจุบันนี้ เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า เทียบกับราคาส่งออกข้าวเฉลี่ยเป็น 320 เหรียญสหรัฐต่อตัน 9 เดือนแรกปี 2550
เพื่อความปลอดภภายอาการภายในประเทศ ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2551 รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายภาษีสำหรับเรื่องการส่งออกข้าว ทั้งนี้ระดับราคาที่ตองจ่ายภาษีคือ 600 เหรียญสหรัฐต่อตัน อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ยังไม่ได้ไช้เนื่องจากผู้นำเข้าข้าวหนีจ่ายภาษีโดยเซ้นสัญญามีมูลคาต่ำหว่า 600 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปัจจุบันนี้ สมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) ขอเสนอขึ้นราคาหล่าวนี้ถึง 800 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในวันที่ 14 ส.ค. 2551 กระทรวงการคลังออกคำสั้งเลขที่ 9417 ได้ตั้งระดับราคาที่ต้องจ่ายภาษีถึง 800 เหรียญสหรัฐต่อตัน ทั้งนี้ผู้ส่วออกข้างทั้งประเทศไม่ต้องเสียภาษีเนื่องจากราคาส่งออกข้าวยังต่ำหว่า 600 เหรียญสหรับต่อตัน
พยากรณ์ว่าราคาส่งออกข้าวของเวียดนามไม่สามารถจะถึง 800 เหรียญสหรัฐต่อตันจนถึงสิ้นปี 2551 ดังนั้นการส่งออกข้าวจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีส่งออกข้าวและราคาข้าวในประเทศคาดว่าจะเพิ่มขึ้น
เนื่องจากการถอยลงของตลาดข้าวของโลก ในสิ้นเดือน ต.ค. 2551 กระทรวงอุตสหกรรมและการค้าได้ส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลังขอให้หยุดใช้นโยบายภาษีส่งออกข้าวเพื่ออุดหนุนผู้ส่งออกข้าว
จากกรณีฝนตกหนักในเวียดนามตั้งแต่เช้า 30 ต.ค.51 ถึง 2 พ.ย.51 ได้สร้างความเสียหายแก่การเกษตรของจังหวัดภาคเหนือที่เวียดนาม พื้นที่การเกษตรถูกทำลายกว่า 182,938 เฮกตาร์ และพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกว่า 240,000 เฮกตาร์จมน้ำ ได้แก่ 50000 เฮกตาร์ชาวนาถูกน้ำท่วม ที่กรุงฮานอย 15000 เฮกตาร์ชาวนาฤดูหนาวที่จังหวัดฮานาม 748 เฮกตาร์ข้าว พักและผลไม้อื่นๆที่จังหวัดลางเซิน และ 4730 เฮกตาร์ข้าวและพักที่จังหวัดบักนินห์
รัฐบาลเวียดนามและกรุงฮานอยพยายามอุดหนุนแก้ไขปันหาและมีการช่วยเหลือเกษตรกร
บริษัท FairPrice บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสิงคโปร์ ได้ตัดสินใจนำเข้าข้าวเวียดนามหลังจากพบว่าข้าวเวียดนามอร่อยและสมราคา ซึ่งโดยปกติสิงคโปร์จะนำเข้าข้าวไทยแต่เป็นเพราะราคาข้าวที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคต้องเปลี่ยนแปลงการบริโภค หันมาใช้ข้าวเวียดนาม ซึ่งมีคุณภาพเดียวกันแต่ราคาถูกกว่า ทั้งนี้ จากกการเปิดเผยของสำนักงานการค้าเวียดนามสิงคโปร์ว่า ข้าวเวียดนามประเภท AAA ที่ขายในสิงคโปร์ ราคาขาย 6 เหรียญสิงคโปร์ ต่อ 5 กก. ถูกกว่าข้าวไทย 70 เซนต์ แม้ว่าปัจจุบันราคาข้าวจะลดลงแล้ว แต่สิงคโปร์ได้ซื้อข้าวเวียดนาม คิดเป็นมูลค่าเพิ่มร้อยละ 30 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ธนาคารแห่งชาติเวียดนาม ( SBV ) ได้ลงนามเอกสารทางการเมื่อ 11 ส.ค.51 อนุมัติให้ผู้ส่งออกข้าวกู้เงินเพื่อซื้อข้าวสำหรับส่งออก แม้จะยังไม่มีการเซ็นสัญญาซื้อขายข้าวก็ตาม ซึ่งจะช่วยให้ชาวนาขายข้าวเปลือกได้ 4ล้านตัน ทั้งนี้ จากรายงาน 13 จังหวัดบริเวณปากแม่น้ำโขง ( Cuu Long Delta ) มีปริมาณข้าวที่รอจำหน่ายประมาณ 4 ล้านตัน แต่ราคาข้าวเปลือกในปัจจุบันเพียงตันละ 242-272 ดอลลาร์สหรัฐ ( ขณะที่เมื่อ มิถุนายน 2551 ราคาข้าวเปลือกตันละ 363 เหรียญสหรัฐ )
ทั้งนี้ ธนาคารกำหนดให้คิดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมอยู่ที่ร้อยละ 19.9 ต่อปี จากเดิม ร้อยละ 21 ซึ่งถ้าเศรษฐกิจดีขึ้น อัตราดอกเบี้ยอาจจะลดลงเหลือร้อยละ 18.5
ในวันเดียวกัน ธนาคารเพื่อการลงทุนและการพัฒนาของเวียดนาม ( BIVD ) ได้เพิ่มวงเงินกู้ให้กับ Cuu Long Delta ในการช่วยเหลือชาวนา ตามคำเรียกร้องของ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และธนาคารแห่งชาติเวียดนาม โดยเพิ่มจาก 93.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 156.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะเวลา 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 19.5 ต่อปี
นาย Truong Thanh Phong ประธานสมาคมอาหารเวียดนาม แถลงเมื่อ 10 ส.ค.51 ว่าหลังจาก นายเหวียน เติ๋น สุง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้เรียกร้องให้ช่วยเหลือชาวนา เนื่องจากราคาข้าวตกต่ำชาวนาไม่สามารถขายข้าวได้ โดยขอให้บริษัทอาหารซื้อข้าวในราคายุติธรรม และให้ชาวนาได้กำไรอย่างน้อยร้อยละ 40 นั้น
นาย Phong กล่าวว่า ทางสมาคมฯ กำหนดจะซื้อข้าว 700,000 ตัน ในโอกาสแรก นอกจากนี้ บริษัท Tien Giang Foog Co. โดย นาย Nguyen Anh Phong รอง ผู้อำนวยการ กล่าวว่าจะซื้อข้าวจากชาวนาจำนวน 40,000 ตัน เช่นกัน ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้ขอให้บริษัทอาหารต่างๆ ซื้อข้าวเปลือกไม่ต่ำกว่าราคากิโลกรัมละ 5,000 ด่ง เพื่อให้ชาวนาเวียดนามได้กำไร
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกข้าวเวียดนาม ประมาณราคาต้นทุนข้าวเปลือกต่อ 1กิโลกรัม อยู่ที่ระหว่าง 2,400-5,300 ด่ง หากบริษัทอาหารต่างๆซื้อข้าว 5,000 ด่ง ต่อ1 กิโลกรัม จะทำให้ชาวนาได้กำไรเพียงร้อยละ 34 ไม่ใช่ร้อยละ40 ตามที่ นายกรัฐมนตรีสั่งการ
ในระหว่างการประชุมเพื่อหามาตรการส่งเสริมการขายข้าวนาปรังบริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำโขงเมื่อ 7 ส.ค.51 นายเหวียน เติ๋น สุง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนดมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือราคาข้าวแก่เกษตรกรให้ได้กำไรร้อยละ 40 โดยให้มีการส่งมอบข้าวจำนวน 3.6 ล้านตันตามสัญญาของเดือน ส.ค.-ก.ย.51 ทั้งนี้รัฐบาลเวียดนามวางแผนส่งออกข้าว 4-4.5 ล้านตันแต่สามารถทำสัญญาขายข้าวส่งออกได้เพียง 3.6 ล้านตันดังกล่าว ( ก.ค.51 สามารถส่งออกได้2.8 ล้านตัน ) จึงต้องเร่งการซื้อข้าวจากเกษตรกร ให้เพียงพอต่อการส่งออกข้าวให้ได้ตามกำหนด
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย
ที่มา: http://www.depthai.go.th